ตอนที่ 179: เดินทางถึงภูมิภาคดาวมฤตยู
ตอนที่ 179: เดินทางถึงภูมิภาคดาวมฤตยู
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังครุ่นคิดอยู่ในห้องบัญชาการของโทมาฮอว์กอย่างเงียบ ๆ
“นายจะทำยังไงกับแฮร์ริส?” อันธถามขึ้นจากด้านข้าง
“ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมเป็นตัวตนที่หาได้ค่อนข้างยาก ถึงแม้ว่าเขาจะเคยทำสิ่งแย่ ๆ มามากมายแต่ฉันก็ยังไม่อยากจะฆ่าเขา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ว่านายชื่นชอบในพรสวรรค์ของเขา แต่พรสวรรค์นี้ได้สังหารชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปมากกว่าพันคน ถ้านายเก็บเขาเอาไว้เขาอาจจะไปสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีกก็ได้” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ปัญหาดูเหมือนจะวิ่งเข้ามาหาฉันไม่หยุดอยู่แล้ว ฉันฆ่าเขาแล้วยังไง? แล้วถ้าฉันไม่ฆ่าเขาจะเป็นยังไง? ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ไม่ต่างไปจากคนที่ตายไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แล้วนายคิดจะเก็บเขาไว้หรอ”
“ใช่ ฉันจะเก็บเขาเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“นี่นายกำลังเล่นกับปีศาจนะ”
“ทุกคนต่างก็มีปีศาจอยู่ภายในใจ ตราบใดก็ตามที่ฉันได้สิ่งที่ฉันต้องการฉันก็ไม่สนหรอกว่าฉันจะต้องทำงานร่วมกันกับปีศาจหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาแบบแปลก ๆ
“นายอย่าลืมสิหลาย ๆ คนทำตัวเหมือนเป็นเทพเทวดาแต่ในใจพวกเขาได้ซ่อนปีศาจร้ายเอาไว้มากแค่ไหน ยกตัวอย่างเช่น แบ็ตตี้ที่พวกเราเพิ่งจัดการไป นายก็น่าจะได้เห็นปีศาจร้ายภายในใจของเขาแล้ว”
“แฮร์ริสถือได้ว่าเป็นคนที่เลี้ยงปีศาจเอาไว้อย่างเปิดเผยและเขาก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายของเขาบรรลุผลสำเร็จ ฉันคิดว่าการทำงานกับคนแบบนี้ดีกว่าการทำงานกับพวกสวมหน้ากากเข้าใส่กันเสียอีก” เซี่ยเฟยกล่าว
คำอธิบายนี้ทำให้อันธเงียบเสียงลงไปชั่วขณะ ท้ายที่สุดเหตุผลที่เซี่ยเฟยกล่าวมาก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลจริง ๆ
ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จคนไหนที่ไม่เคยถูกเรียกว่าคนบ้า และเมื่อไหร่ที่การทดลองบ้า ๆ ของพวกเขาประสบความสำเร็จพวกเขาถึงจะได้รับการยอมรับ
“ถ้านายตัดสินใจแล้ว แล้วนายกำลังคิดอะไรอยู่?” อันธถาม
“ฉันกำลังคิดถึงรายละเอียด” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างใจเย็น
—
แฮร์ริสกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยความสิ้นหวังและใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางนวดขมับอย่างต่อเนื่อง
เขารู้อยู่เสมอว่าน้ำยาอเมทิสต์ที่เขาพัฒนาเป็นผลงานที่ล้มเหลว และเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ เพราะสิ่งเดียวที่เขากลัวคือการไม่สามารถไล่ตามความฝันของตัวเองต่อไปได้
แต่ในขณะที่เขากำลังจะสิ้นหวังอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้น
ชายหนุ่มคนนี้คือผู้ที่ดื่มอเมทิสต์เข้าไปแล้วรอดชีวิตกลับมาได้ นอกจากนี้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขายังถูกเปิดออกมาอย่างเต็มที่ มันจึงทำให้ผู้คิดค้นอเมทิสต์รู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา
การรอดชีวิตของเซี่ยเฟยหมายความว่าน้ำยาชนิดนี้ยังไม่ได้ล้มเหลวโดยสมบูรณ์ เพราะถึงแม้อัตราความสำเร็จจะต่ำมาก แต่อย่างน้อยมันก็พิสูจน์ได้ว่ามันเป็นน้ำยาที่มีความหวังจะถูกพัฒนาจนประสบความสำเร็จ
ตราบใดก็ตามที่มีเวลามากพอแฮร์ริสมั่นใจว่าเขาจะสามารถหาทางปลดล็อกพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นความลับที่น่าทึ่งมากที่สุดสำหรับมวลมนุษยชาติ
ปัญหาเดียวในตอนนี้คือเซี่ยเฟยต้องการที่จะฆ่าตัวเขาที่ไม่ต่างไปจากผู้มีพระคุณ เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มก็คงจะมาจนถึงจุดนี้ไม่ได้หากไม่ได้ดื่มน้ำยาอเมทิสต์ที่เขาเป็นผู้พัฒนา
แต่เมื่อชายชราได้นึกถึงคำพูดของเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้ มันก็มีเหงื่อออกมาทั่วทั้งใบหน้าของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมาก็ไม่มีความล้อเล่นผสมอยู่เลย ในความเป็นจริงชายหนุ่มสามารถลงมือสังหารเขาได้โดยไม่รู้สึกลังเลด้วยซ้ำ
แกร๊ก!
จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเซี่ยเฟยที่เดินเข้ามา จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับแฮร์ริสและจ้องมองมายังชายชราอย่างจริงจัง
“เซี่ยเฟยฉันคิดออกแล้ว! ตราบใดก็ตามที่คุณไว้ชีวิต ฉันยินดีรับเงื่อนไขของคุณทุกอย่าง” แฮร์ริสพูดขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลน
“แกกำลังพูดอะไร? ฉันไม่เคยไปสัญญาอะไรกับแกสักหน่อย”
“แต่ฉันจะตายไม่ได้! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้!! ในเมื่อคุณสามารถรอดชีวิตหลังจากดื่มอเมทิสต์เข้าไปได้ มันก็หมายความว่าอเมทิสต์ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก ฉันจะต้องมีชีวิตอยู่จนหาวิธีเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์ได้สำเร็จโดยไม่สร้างอันตราย เมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าฉันจะต้องตายแต่ฉันก็จะไม่รู้สึกเสียใจ” แฮร์ริสพยายามพูดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“นั่นคือเหตุผลของแกหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างใจเย็น
“เหตุผลแค่นี้มันยังไม่พออีกหรอ หากมนุษย์ทุกคนสามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างสมบูรณ์ พวกเราก็จะกลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล” แฮร์ริสพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
ความฝันของแฮร์ริสเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยไม่ได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของความฝันนั้นเลย เหตุผลเดียวที่เขายังไม่สังหารชายชราคนนี้นั่นก็เพราะว่าแฮร์ริสยังมีประโยชน์กับบริษัทควอนตัม
บริษัทควอนตัมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและพวกเขาก็ยังขาดแคลนทรัพยากรบุคคลที่มีพรสวรรค์ ท้ายที่สุดพวกเขาจะไม่สามารถเติบโตจนกลายเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลได้เลย ถ้าหากว่าภายในบริษัทไม่มีพนักงานที่มีความสามารถมากพอ
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่การดูถูกจากตระกูลของแอวริลก็ทำให้เซี่ยเฟยไม่สบายใจมาก เขาจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฐานอำนาจของตัวเองและแฮร์ริสก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยตอบสนองความต้องการของเขาได้
พื้นฐานปัจจุบันของบริษัทควอนตัมยังไม่แข็งแกร่งพอ มันจึงยังไม่สามารถดึงดูดเหล่าผู้มีพรสวรรค์ให้เข้าร่วมกับบริษัทได้ แต่แฮร์ริสคืออาชญากรซึ่งเป็นที่ต้องการตัวไปทั่วทั้งพันธมิตร ชายชราคนนี้จึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับบริษัทควอนตัม เพราะอย่างน้อยการได้ทำงานในบริษัทมันก็ทำให้เขาสามารถทำการทดลองต่อไปได้
“พรุ่งนี้เช้าฉันอยากกินโจ๊กกับไข่ตุ๋น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“คุณจะยอมปล่อยฉันไปแล้วใช่ไหม?” แฮร์ริสพูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ
“ฉันยอมรับข้อเสนอของแก แล้วฉันจะบอกเงื่อนไขของฉันในไม่ช้า” เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นก่อนจะเดินออกไปทางประตู
—
เมื่อได้รับเส้นทางที่ถูกต้องโทมาฮอว์กก็สามารถมุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
17 วันต่อมาในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถเคลื่อนที่เข้าสู่เขตทุ่งดาวแห่งความตายได้อย่างเป็นทางการ
เมื่อระบบสตาร์เน็ตเวิร์กกลับมาทำงานแอวริลก็ส่งคำขอสื่อสารเข้ามาในทันที เนื่องจากเธอเป็นห่วงความปลอดภัยของเซี่ยเฟยมากเธอจึงยิงคำถามออกมาเป็นชุด ๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญเขาจึงค่อย ๆ ตอบคำถามทีละคำถามอย่างใจเย็น
ท้ายที่สุดคำถามจากสาวน้อยคนนี้ก็คือความปรารถนาดี เซี่ยเฟยจึงไม่คิดที่จะรำคาญคำถามจากเธอคนนี้เลย
หลังจากสำนักวิหคสังหารถูกกวาดล้างออกจากนครหลวงแอวริลก็ได้กลับมาใช้ชีวิตเหมือนดังปกติอีกครั้ง เพียงแต่ว่าบอดี้การ์ดรอบ ๆ ตัวเธอมีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นนิวแมนก็ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อว่าจ้างอดีตจัสทิสระดับทองมาเป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดเพื่อคอยรักษาความปลอดภัยให้กับหญิงสาว
อดีตจัสทิสระดับทองคนนี้เคยเป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาความปลอดภัยภายในสมาพันธ์จัสทิสสาขาใหญ่มาก่อน เขาจึงมีประสบการณ์ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดีและช่วยยกระดับความปลอดภัยของแอวริลขึ้นไปอีกขั้น
แต่สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่รู้นั่นก็คืออดีตจัสทิสระดับทองคนนี้ได้เข้าไปทำงานในคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยนเพราะฝีมือของฉินหมาง
ชายชราเจ้าของห้องสมุดคนนี้เป็นเหมือนกับผีที่ไปโผล่อยู่ทุกที่ และถึงแม้ว่าภายในค่ายเขาจะดูเป็นชายชราที่ไม่โดดเด่น แต่ในความเป็นจริงเขากลับมีหูตาอยู่ทั่วทั้งจักรวาล
การรักษาความปลอดภัยที่คุมเข้มนั้นน่าเบื่อมากจนทำให้แอวริลแทบจะไม่สามารถออกไปจากห้องของเธอได้เลย
การถูกกักขังเอาไว้แบบนี้มันยิ่งทำให้ช่วงเวลาที่แอวริลไปพักผ่อนกับเซี่ยเฟยที่ทะเลเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่ามากยิ่งขึ้น สิ่งที่เธอรอคอยมากที่สุดจึงเป็นช่วงเวลาที่เธอได้พูดคุยกับเซี่ยเฟยอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากวางสายเซี่ยเฟยก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ
“เป็นอะไร นายขี้เกียจคุยกับแอวริลแล้วหรอ?” อันธถามขึ้นมาอย่างสับสน
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่กำลังรู้สึกว่าแอวริลดูไม่ค่อยมีความสุข บางทีการได้เกิดในตระกูลใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไปสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ถึงแม้ว่าใบหน้าของแอวริลจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ชายหนุ่มก็ยังคงมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเหงาของเธออย่างชัดเจน ท้ายที่สุดเขาก็ต้องการที่จะให้หญิงสาวได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ แต่สถานะของเขายังไม่เอื้ออำนวยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาได้
อันธเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรออกมา เพราะสิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เว้นแต่ว่าแอวริลจะละทิ้งตัวตนของตัวเองเพื่อกลายมาเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ
แต่ตัวตนระดับเธอจะละทิ้งตัวเองง่าย ๆ ได้ยังไง?
หลังจากรวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง เซี่ยเฟยก็เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ของยานรบเพื่อทำการค้นหาข้อมูลทั้งหมดของแฮร์ริส
การที่ชายหนุ่มไม่สังหารชายชราคนนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาเชื่อใจแฮร์ริสเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยก็เป็นคนบ้าเขาจึงรู้ดีที่สุดว่าสำหรับคนบ้าสิ่งที่ยากที่สุดคือการยับยั้งชั่งใจ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้บีบบังคับให้เซี่ยเฟยต้องเก็บคนบ้าอย่างแฮร์ริสเอาไว้ใช้งาน
ชีวิตของแฮร์ริสเรียกได้ว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ยังเด็ก และสามารถเข้าสู่สถาบันวิจัยของพันธมิตรได้ตั้งแต่อายุ 17 ปี จนได้กลายเป็นหัวหน้าทีมวิจัยพันธุกรรมตอนอายุ 21 ปี หลังจากนั้นเขาก็ได้ร่วมก่อตั้งศูนย์วิจัยพันธุกรรมของพันธมิตรเมื่ออายุ 26 ปีและกลายเป็นผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยตั้งแต่อายุ 35 ปี
“ประวัติของแฮร์ริสมันจะดีเกินไปแล้ว นายแน่ใจใช่ไหมว่าจะปราบคนแบบนี้ได้” อันธถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนแฮร์ริสก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นอัจฉริยะคนนี้ยังเป็นคนที่ดื้อรั้นสุด ๆ และไม่คิดที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
“ในสามก๊กจูกัดเหลียงต้องใช้ความพยายามถึงเจ็ดครั้งถึงจะเอาชนะใจของเบ้งเฮ็กได้ แต่วิธีการของฉันไม่จำเป็นจะต้องซับซ้อนมากขนาดนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“นายจะใช้วิธีไหน?” อันธถามอย่างสับสน
เซี่ยเฟยไม่ตอบแต่เลือกที่จะหยิบสร้อยข้อมือสีเงินออกมาจากแหวนมิติ
“นายคิดจะใช้ไอ้นี่จริง ๆ หรอ?” อันธอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้หลังจากที่เขาได้เห็นคำอธิบายของสร้อยข้อมือเส้นนี้
“ในเมื่อเขาเป็นคนบ้า ฉันก็ต้องใช้กฎที่คนบ้าไม่มีทางฝ่าฝืนได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
ดาว DLC-113 เป็นดาวเคราะห์ที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เพราะเมื่อมองจากยานอวกาศพื้นผิวของดาวเคราะห์ดวงนี้ก็เต็มไปด้วยพายุทรายสีเหลืองที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่
โทมาฮอว์กเลื่อนลงมาจอดบริเวณชานเมือง ๆ หนึ่งอย่างช้า ๆ แต่เนื่องจากเมืองนี้ไม่มีสนามบินเซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องจอดยานรบบนทะเลทราย
หลังจากที่ประตูยานได้ถูกเปิดออกชายหนุ่มก็ถูกปะทะด้วยลมทะเลทรายอย่างรุนแรง เขาจึงใช้ผ้าห่มห่อศีรษะจนเหลือเพียงแค่ดวงตา ก่อนที่จะเดินฝ่าพายุตรงไปยังบาร์เพื่อมองหาคนที่ชื่อว่าวินด์ไชม์
***************