ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 26 กระบี่ไร้ลักษณ์
จุดนัดพบอยู่ที่ด้านใต้ของภูเขาหินเพลิง มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างสงบไม่มีอันตรายใด ๆ และมีอุณหภูมิค่อนข้างปกติเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ของภูเขาหินเพลิง
เมื่อเซวียนห่าวมาถึงสถานที่นัดพบ เขากลับไม่เห็นใครสักคน เซวียนห่าวจึงตัดสินใจนั่งลงและรอให้พวกเขามาถึง
ท้ายที่สุดกับคนสองคนที่อยู่ขอบเขตควบแน่นแก่นแท้และผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานสูงสุดกว่าสิบคน การค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหินเพลิงคงใช้เวลาไม่นานนัก
กุ้ยหู่และเฉินหยางน่าจะสามารถไขปริศนาของศพที่เต็มไปด้วยรอยกัดและอสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ได้ หากไม่เป็นนั้นเซวียนห่าวจะประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขาสามารถมาถึงฐานการบ่มเพาะในปัจจุบันของเขาได้
พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ไม่มีนิกายใดหนุนหลังและกลายเป็นผู้เบิกทางของสหภาพนักสำรวจ !
เมื่อไม่มีอะไรทำ เซวียนห่าวจึงนั่งลงและหยิบหญ้าหัวใจอเวจีออกมาจากถุงใบเล็กที่เขาเก็บไว้ก่อนหน้านี้
หญ้าหัวใจอเวจีดูเหมือนกับหญ้าทั่วไป แม้ว่าจะยาวกว่าและหนาแน่นกว่าเล็กน้อย ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือสีที่แดงสดและพลังปราณบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากหญ้าหัวใจอเวจี
เพียงแค่ถือมัน เซวียนห่าวก็รู้สึกว่าพลังปราณระหว่างสวรรค์และโลกรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มันอาจเป็นประโยชน์กับผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดบางคนด้วยซ้ำ พลังปราณบริสุทธิ์ภายในหญ้าหัวใจอเวจีนั้นมากเกินพอสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตควบแน่นแก่นแท้เพื่อทะลวงระดับขั้น !
ผลประโยชน์นี้น้อยยิ่งนักเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะโดยพลังปราณธาตุไฟได้รับ
แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดก็อาจสามารถก้าวข้ามระดับขั้นเล็ก ๆ ได้ หากพวกเขาบ่มเพาะพลังปราณธาตุไฟ
“มันคงยากที่จะซ่อนมันจากยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดของนิกายเพลิงโหมกระหน่ำ”
เซวียนห่าวทั้งดีใจและเสียใจที่เขาได้รับหญ้าหัวใจอเวจี
มีความสุขเพราะตอนนี้เขามีสิ่งที่ชิงอี้ต้องการเพื่อปลุกกายาศักดิ์สิทธิ์ของนางและเสียใจเพราะเขาแน่ใจว่าการซ่อนมันจากพรมแดนของนิกายเพลิงโหมกระหน่ำนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
นิกายเพลิงโหมกระหน่ำเป็นนิกายที่บ่มเพาะพลังปราณธาตุไฟระหว่างสวรรค์และโลก ประสาทสัมผัสของพวกเขาเกี่ยวกับปราณธาตุไฟนั้นไม่มีใครเทียบได้ในอาณาจักรนภาสวรรค์
การที่จะนำสมุนไพรวิญญาณธาตุไฟโดยหลบซ่อนจากยอดฝีมือของพวกเขายากกว่าการแอบเข้าไปในห้องนอนของจ้าวนิกายเพลิงโหมกระหน่ำเสียอีก
เมื่อมองดูหญ้าหัวใจอเวจีเป็นครั้งสุดท้าย เซวียนห่าวก็ใส่มันกลับเข้าไปในถุงใบเล็กและเก็บมันไว้
เขานั่งสมาธิและเริ่มดูดซับพลังปราณระหว่างสวรรค์และโลก เขาค่อย ๆ หมุนเวียนพลังปราณไปทั่วร่างกายของเขา
เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เขาใช้คือเคล็ดวิชาที่อยู่ในชั้นที่ห้าของหอคำภีย์และเป็นมนตราแห่งการเคล็ดวิชาบ่มเพาะขั้นสวรรค์อีกด้วย
มันถูกเรียกว่าเคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ เคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดเท่านั้นจึงจะแสดงพลังมันออกมาได้อย่างแท้จริง
เคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์สามารถทำให้ผู้ฝึกตนสร้างฐานการบ่มเพาะของตนได้ ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์สิ่งนี้จะทำให้ผู้นั้นมีฐานการบ่มเพาะเทียม ฐานการบ่มเพาะเทียมนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ผู้ที่อยู่ขอบเขตราชันครึ่งขั้นเท่านั้นที่มีได้ แต่เคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์จะทำให้เขาได้รับมันมาก่อนหน้า !
แต่การที่จะสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับผู้ที่อยู่ขอบเขตราชันครึ่งขั้นการสร้างฐานการบ่มเพาะเทียมนั้นอาจต้องเวลาหลายร้อยปีกว่าจะสำเร็จ
เพราะผู้ฝึกตนต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับเต๋าไม่ว่าจะเป็นเต๋าไฟหรือเต๋าเมฆา จำเป็นต้องมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเต๋าเพื่อสร้างฐานการบ่มเพาะเทียม หากก้าวไปอีกขั้นฐานการบ่มเพาะเทียมจะเปลี่ยนเป็นฐานการบ่มเพาะอย่างแท้จริงทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดกลายเป็นขอบเขตราชันได้ !
แต่เคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์จะมุ่งเน้นไปที่เต๋ากระบี่เพียงอย่างเดียวและทั้งหมดที่จำเป็นคือต้องเข้าใจเจตจำนงกระบี่แท้จริงเสียก่อนที่จะสามารถบ่มเพาะได้ที่ขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด
จากนั้นจึงจะสามารถสร้างขอบเขตกระบี่เทียมได้
ขั้นตอนต่อไปคือเจตจำนงกระบี่แท้จริงเปลี่ยนเป็นขอบเขตกระบี่ทำให้ผู้ฝึกตนกระบี่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชัน
ขั้นตอนหลังจากขอบเขตกระบี่ส่วนใหญ่นั้นไม่แน่ชัด แต่เคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ได้กล่าวถึงมันไว้ว่า
วิญญาณกระบี่ !
เซวียนห่าวพยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในเคล็ดวิชากระบี่ไร้ลักษณ์
เขาเข้าใจว่าตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไปที่จะเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากขอบเขตกระบี่ อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ได้บ่มเพาะเจตจำนงกระบี่ของเขาอย่างเงียบ ๆ และพยายามเสริมความแข็งแกร่งด้วยพลังปราณระหว่างสวรรค์และโลก
ทันทีที่เจตจำนงกระบี่ของเขาสามารถกลืนกินพื้นที่รอบตัวเขา เขาก็จะไปถึงขอบเขตกระบี่เทียมซึ่งห่างจากขอบเขตราชันเพียงก้าวเดียวเท่านั้น !
ตอนนี้เจตจำนงกระบี่ของเขาทำได้เพียงกลืนกระบี่ของเขาเท่านั้น มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและทำให้เขาบินไปบนกระบี่ได้
“กระบี่เจิดจรัส เจ้ามาถึงแล้วรึ เจ้าพบสิ่งที่ตามหาหรือไม่” เกิดเสียงดังขึ้นจากข้างหลังเขาเล็กน้อย เซวียนห่าวหันกลับมาและเห็นกุ้ยหู่และเฉินหยางพร้อมกับผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานหลายสิบคน
“ข้าโชคดีที่เจอมัน เจ้าหาสาเหตุของปัญหานั่นเจอหรือไม่”
“เราหามันเจอแล้ว... มันเป็นเพียงอสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้เท่านั้น แต่เมื่อเราไปถึงก็มีคนได้ตายไปเสียแล้ว เขาอาจเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ที่ผ่านมาพบกับมันก่อนพวกเรา... อย่างน้อยเราก็ทำได้สำเร็จ เจ้าพร้อมจะกลับแล้วหรือไม่” กุ้ยหู่ดูเบื่อหน่ายเล็กน้อยในขณะที่เขาอธิบายสิ่งที่พวกเขาพบ ก่อนที่จะรอคำตอบจากเซวียนห่าว
“ข้าพบสิ่งที่ต้องการแล้ว”
“เรากลับกันเลย ข้าได้ยินมาว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้โรงเตี๊ยมมีเหล้ารสเลิศ เฉินหยาง เจ้าอยากจะไปกับข้าหรือไม่”
“เจ้าห้ามดื่มเยอะเหมือนครั้งที่แล้ว !”
“ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้น ฮ่าฮ่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็มุ่งหน้ากลับไปยังเมืองขณะที่กุ้ยหู่และเฉินหยางก็พูดคุยกันระหว่างทาง เซวียนห่าวตัดสินใจที่จะเมินเฉยต่อทั้งสอง เขาแผ่สัมผัสเทวะของเขาอย่างเงียบ ๆ ไปสองสามร้อยเมตรรอบ ๆ เพื่อไม่ให้ถูกซุ่มโจมตีระหว่างทาง