ตอนที่แล้วระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 24 ในภูเขาหินเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไประบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 26 กระบี่ไร้ลักษณ์

ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 25 ง่ายกว่าที่คิด


เซวียนห่าวรีบเดินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหินเพลิงโดยทิงกลุ่มสืบสวนไว้เบื้องหลัง

ต้นไม้ขึ้นอยู่ประปรายบนภูเขาและความร้อนรอบ ๆ ภูเขาก็สูงจนสามารถเห็นควันออกมาจากรอยแยกเล็ก ๆ บนพื้นดินได้ เซวียนห่าวใช้สัมผัสเทวะเข้าไปในรอยแยกตามทาง เขาเห็นหินหนืดนับไม่ถ้วนที่ไหลอยู่ข้างใต้นั้น มันพร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ

เทือกเขาอัคคีแผดมีชื่อเสียงล่ำลือจากภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่จำนวนมาก ภูเขาหินเพลิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

หนึ่งในข้อกำหนดการเติบโจของหญ้าหัวใจอเวจีก็คือสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด ภูเขาไฟที่ยังปะทุอยู่เหนือเกินคำบรรยายของข้อกำหนดนั้นไปเสียแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือหาหญ้าหัวใจอเวจีเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะรู้ว่ามันอาจจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหินเพลิง แต่ก็มีความเป็นไปได้เสมอที่มันไม่ได้อยู่ที่นั่นและอาจจะอยู่ทางด้านตะวันออกของภูเขาแทนหรือไม่ก็ไม่อยู่ในภูเขานี้เลย

ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหินเพลิงนั้นร้อนระอุมากและหินหนืดก็ไหลออกมาจากรอยแยกในพื้นดิน หากเป็นคนปกติคงจ้องตายในสภาพแวดล้อมแบบนี้ไปเสียแล้ว แต่เซวียนห่าวเป็นผู้ฝึกตนดังนั้นเขาจึงปลอดภัยดี อย่างมากที่สุดที่เขาจะรู้สึกคงเป็นเพียงแค่อึดอัดเล็กน้อย

“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตก่อตั้งรากฐานขั้นแรก ๆ ก็ยังต้องทนทุกข์ ไม่แปลกใจเลยที่สหภาพนักสำรวจจะมีข้อกำหนดอยู่ที่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานขั้นสูงสุด อย่างน้อยสมุนไพรวิญญาณที่หายากอย่างหญ้าหัวใจอเวจีก็น่าจะ เติบโตที่นี่”

เมื่อมองไปรอบ ๆ เซวียนห่าวก็เริ่มแผ่สัมผัสเทวะอย่างระมัดระวังเพื่อค้นหาไปทั่วทั้งพื้นที่ เขาควบคุมสัมผัสเทวะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อไม่ให้ไปสัมผัสถึงยอดฝีมือผู้เก็บตัวบ่มเพาะอยู่ในที่แห่งนี้

“ข้าพบบางอย่าง !” ในเวลาไม่นานเซวียนห่าวก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง

เซวียนห่าวเดินไปตรวจสอบที่นั้น

ร่าง ๆ หนึ่งถูกไฟไหม้และมีรอยกัดไปทั่วตัว ผู้ที่ทำน่าจะเป็นอสูรหรือไม่กก็ผู้ฝึกตนมารที่เปลี่นผ่านเป็นมารไปเสียแล้ว

เขาหวังว่ามันจะเพียงแค่อสูร เพราะหากเป็นฝู้ฝึกตนมารจริง ๆ ผู้ฝึกตนมารที่กลายเป็นมารแม้จะอ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด หากผู้ฝึกตนมารผู้นี้เปลี่ยนผ่านไปมากกว่าหนึ่งครั้งความแข็งแกร่งของเขาก็ยากจะจินตนาการ

เซวียนห่าวเคยได้ยินเกี่ยวกับผู้ฝึกตนมารที่แปลงผ่านมาแล้วถึงสามครั้ง เขาสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนขอบเขตราชันได้อย่างสูสี

หากพบผู้ฝึกตนมารจริง ๆ เซวียนห่าวคงทำได้แค่หลบหนีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โชคดีที่ผู้ฝึกตนมารนั้นหายากมากในอาณาจักรนภาสวรรค์ เนื่องจากจักรวรรดิอยู่เหนืออาณาจักรนี้ต่อต้านการบ่มเพาะมารและตามล่าพวกเขาอย่างแข็งขัน

จากสิ่งที่เซวียนห่าวได้ยิน ผู้คนส่วนใหญ่ถือว่าผู้ฝึกตนมารเป็นหายนะและความชั่วร้ายที่ต้องถูกกำจัด

“กรร !”

ขณะที่เซวียนห่าวครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล จากเสียงนี้ เซวียนห่าวเดาว่ามันน่าจะเป็นอสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนมารอย่างที่เขาคิด

“หากมีอสูรขอบเขตควบแน่นแก่นแท้อยู่ที่นั้น หญ้าหัวใจอเวจีก็อาจอยู่ที่นั่นเช่นกัน !”

เซวียนห่าวยืนขึ้นอีกครั้งและพุ่งตัวไปตามทิศของเสียงคำรามที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้โดยไม่สนร่างที่อยู่บนพื้นอีกต่อไป

“เจ้าบอกข้าว่าภูเขาหินเพลิงแห่งนี้ไม่มีอันตรายใด ๆ มิใช่หรือ !”

เสียงโหยหวนดังกึกก้องไปรอบ ๆ เมื่อเซวียนห่าวไปถึงตำแหน่งของเสียงคำรามที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้

“ข้าบอกว่าอสูรส่วนใหญ่จากไปแล้ว ข้าไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอสูรหลงเหลืออยู่ !”

เซวียนห่าวเห็นคนหนุ่มสาวสองคน ชายและหญิงโต้เถียงกันขณะที่อสูรพยัคฆ์เข้าใกล้พวกเขาอย่างช้า ๆ

“เป็นเพราะเจ้า เราจึงต้องพบกับอันตรายเช่นนี้” หญิงสาวปล่อยเสียงที่ฟังดูน่าสมเพช ขณะที่นางพยายามทำหน้าตาเศร้าสร้อย

“เจ้ากล่าวหาใคร นางจิ้งจอก !”

“เจ้าเรียกใครว่าจิ้งจอก !”

เซวียนห่าวไม่รู้จะทำอย่างไรในสถานการณ์ปัจจุบัน พวกเขาไม่เดือดร้อนบ้างเลยหรือ นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะช่วยพวกเขาหรืออะไรทำนองนั้น

“กรร ?” อสูรพยัคฆ์ยังคงเปล่งเสียงคำรามอย่างสับสน เนื่องจากมันไม่ได้เห็นสีหน้าหวาดกลัวอย่างที่คาดไว้

“หุบปาก เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนกำลังคุยกันอยู่ !” ชายผู้นั้นตะโกนอย่างหยาบคายใส่อสูรพยัคฆ์ผู้น่าสงสารก่อนจะหันกลับมาโต้เถียงกับหญิงสาวอีกครั้ง

ข้าควรจะแสดงตัวหรือไม่ เซวียนห่าวคิดในขณะที่เขามองดูทั้งคู่ที่โต้เถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“นั่นหญ้าหัวใจอเวจี !” เมื่อมองไปรอบ ๆ เซวียนห่าวก็เห็นหญ้าหัวใจอเวจีที่อยู่ด้านหลังอสูรพยัคฆ์ไม่กี่สิบเมตร

เซวียนห่าวลอบเข้าไปเก็บหญ้าหัวใจอเวจีอย่างเงียบ ๆ และใส่ไว้ในถุงที่เขาเตรียมไว้ก่อนหน้า

“ง่ายกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก” เซวียนห่าวพูดกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ และหันกลับมามองชายหญิงคู่นี้ที่ยังคงโต้เถียงกันต่อหน้าอสูรพยัคฆ์

“ข้าควรไปได้เสียที ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปพัวพันกับสองคนนั้น ฐานการบ่มเพาะของพวกเขาคงอยู่ขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ แม้ว่าข้าจะไม่เข้าไปช่วย พวกเขาก็ยังสามารถจัดการกับอสูรตัวนี้” เขามองไปที่ทั้งคู่ที่โต้เถียงกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดพบของเขา เซวียนห่าวรู้สึกว่าเขาคงไม่โชคร้ายพอที่จะพบกับพวกเขาอีกในอนาคต

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด