บทที่ 53 - การโจมตีของหัวหน้าโจร
“ถ้าอย่างนั้น พวกเรามาเดิมพันกันเป็นอย่างไร?”
“เดิมพัน! เดิมพันอะไร?” แน่นอน เขาไม่ได้มองผมอยู่ในสายตา
ผมทำท่าเหมือนต้องครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย “เดิมพันว่าท่านไม่สามารถที่จะเอาชนะข้าได้” คำพูดของผมส่งผลทันที กลุ่มโจรระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น นอกจากกลุ่มโจรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวหน้าของพวกมัน
หัวหน้าโจรตอบทันทีโดยไม่มีการหยุดคิดแม้แต่นิดเดียว “ได้ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า แต่พวกเราจะไม่เดิมพันแค่สินค้าในขบวนเท่านั้น พวกเราจะเดิมพันชีวิตทุกคนในขบวนของพวกเจ้าด้วย ยังอยากที่จะเดิมพันอยู่มั้ย?” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โง่นัก ใช้ชีวิตของกลุ่มผมเป็นเครื่องต่อรอง
ตอนนี้ ผมถูกผลักให้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากแล้ว ผมต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้คนจำนวนหลายร้อยชีวิต “ขอเวลาพวกข้าปรึกษากันก่อน”
ผมหันกลับมาพูดกับพรรคพวกข้างหลัง “พวกคุณได้ยินสิ่งที่ผมพูดกับหัวหน้าโจรอยู่แล้ว พวกคุณคิดกันอย่างไรบ้าง?”
หลงเหมิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ฉันไว้ใจนาย นักเวทย์สูงสุด ฉันฝากชีวิตไว้กับนายได้ ฉันมั่นใจว่านายจะเอาชนะมันได้ พี่น้องทั้งหลาย พวกนายว่ายังไงกัน?” กลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิงตอบกันเป็นเสียงเดียวกัน “พวกเราเดิมพัน” เป็นกลุ่มที่มีความกล้าหาญมาก
ผมหันไปที่หัวหน้าขบวน พ่อค้าเมิ่ง “แล้วพวกคุณล่ะ? พวกคุณจะฝากชีวิตของพวกคุณไว้ในมือผมมั้ย?”
พ่อค้าเมิ่ง ดูเหมือนว่าจะลังเลเล็กน้อย “ให้ผมคุยกับหัวหน้าพวกมันก่อนได้มั้ย?” ทุกคนมีสิทธิในการที่จะตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิงจะจับจ้องไปที่เขา แต่ผมไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา “ได้เลย คุณสามารถเจรจากับพวกเขาดูก่อนได้”
ผมเดินเป็นเพื่อนไปกับพ่อค้าเมิ่ง ที่พูดกับกลุ่มโจรด้วยความสุภาพ “ถ้ากลุ่มของพ่อค้าไม่ร่วมเดิมพันด้วย พวกท่านจะปล่อยพวกเราไป โดยแค่ยึดสินค้าไว้ได้มั้ย? ไม่มีการตาย”
หัวหน้าโจรตอบอย่างหมดความอดทน “ได้ พวกแกมันเรื่องมากกันจริง ๆ รีบ ๆ ตัดสินใจว่าจะทำยังไงกัน พวกข้าสามารถจัดการพวกเจ้าได้อย่างง่ายดายตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ที่ตอบรับคำขอของพวกแก ก็เพื่อพวกแกจะได้ยอมแพ้อย่างสบายใจ ถ้าไม่รีบตัดสินใจให้เร็ว จะไม่เหลือความเกรงใจให้อีกแล้วนะ”
พ่อค้าเมิ่งคิ้วขมวด หันมาบอกผมอย่างช่วยไม่ได้ “ผมต้องรับประกันความปลอดภัยของทุกคน ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ” หลังจากนั้น เขาหันไปทางหัวหน้าโจร “พวกเราจะมอบสินค้าทั้งหมดให้พวกคุณ”
ผมแอบถอนหายใจ ตอนแรกพวกเขามีโอกาสที่จะถอยได้โดยไม่เสียอะไรแล้วแท้ ๆ เหมือนกันกับผม ตอนนี้ผมไม่ควรต้องทำการต่อสู้ มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดก็เหมือนกับสายน้ำไหล พูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเก็บมันกลับคืนมาได้
มองเห็นหัวหน้าโจรมีท่าทีพอใจ ผมที่ปกติเป็นคนที่มีอารมณ์โกรธน้อยมาก รู้สึกถึงความไม่พอใจที่ก่อขึ้นในตัว ผมพูดอย่างเรียบ ๆ กับพ่อค้าเมิ่งเป็นคนแรก “เมื่อคุณไม่ได้เชื่อมั่นในตัวผม ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมกับกลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิง จะยุติภารกิจคุ้มกันลง สัญญาระหว่างเราถือเป็นอันสิ้นสุด” พ่อค้าเมิ่งส่ายหัว ถอนหายใจกลับไป ดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปจัดการกับสินค้า เพื่อที่จะส่งให้พวกโจร
“ตอนนี้ ข้าเป็นตัวแทนของตัวเอง รวมทั้งของพี่น้องทั้ง 20 คน ในการต่อสู้เดิมพันกับท่าน ถ้าข้าชนะ ท่านจะปล่อยพวกข้าไป ถ้าข้าแพ้ ชีวิตของพวกเราแล้วแต่ท่านจะจัดการ” ผมกัดฟันพูดอย่างแน่วแน่ ด้วยความแข็งแกร่งของผม ผมเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย ที่ผมจะแพ้ให้กับอัศวินสวรรค์
“ดี! เจ้าหนู ดูเหมือนแกจะมีความกล้าอยู่บ้าง มาเลย!”
พวกโจรทั้งหมดหลบออกไป สร้างพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง ดูเหมือนว่าผู้คนจากอาณาจักรซิวต้า จะให้ความสำคัญกับความยุติธรรมในการต่อสู้มาก กลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิง ก็ออกไปยืนล้อมอยู่เป็นวง สร้างความมั่นใจให้ผมมากขึ้นพอสมควร กลุ่มพ่อค้ามองดูอยู่จากระยะไกล รอให้การต่อสู้นี้จบลง เพื่อจะได้ส่งมอบสินค้าของพวกเขาให้กับกลุ่มโจร
ผมยิ้มอย่างมั่นใจให้กับกลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิง เอ่ยคำพูดเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลาย เชื่อมั่นในตัวผม ผมไม่ทำให้ผิดหวังแน่ ผมจะพาทุกคนออกจากเรื่องยุ่งยากนี้ได้อย่างแน่นอน”
ที่บริเวณตรงกลางของวงล้อมนี้ หัวหน้าโจรกับผมยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ผมถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก โยนไว้ด้านข้าง สะบัดมือข้างขวาเบา ๆ “ออกมา ถุงเก็บของมิติ”
“เจ้าหนู แกเป็นนักเวทย์! ถ้าอย่างนั้นแกใช้ม้าไม่เป็นแน่ ได้! ข้าจะไม่ใช้เหมือนกัน พวกเราเริ่มการต่อสู้ได้แล้ว” ดูเหมือนว่าหัวหน้าโจรจะเป็นอัศวินสวรรค์จริง ๆ เขามีท่วงท่าของอัศวินอยู่บนตัว
ผมล้วงเข้าไปในถุงเก็บของมิติ หยิบชุดคลุมเวทย์แห่งเทพแสงออกมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บนบ่าของผมแบกไว้ด้วยชีวิตของคนอื่นอีก 20 ชีวิต ผมต้องระวังอย่างมาก หลังจากสวมชุดคลุมเวทย์แล้ว พลังเวทย์ของผมเพิ่มขึ้นอีกมาก ผมร่ายเวทย์ป้องกันหลายอย่างลงบนตัวเอง “มา! มาให้ฉันดูหน่อยว่าอัศวินสวรรค์มีพลังขนาดไหน”
เจ้าโจรหัวเราะก้อง ชักดาบออกมา ลอยพุ่งตรงมาที่ผม เร็วมาก! ผมมองเห็นเป็นเพียงเงาที่วาบขึ้นมาชั่วขณะ แล้วเขาก็มาปรากฏตัวข้างหน้าผม ผมยังมองไม่ชัดเลย ตอนที่มีดาบฟันลงมาที่ไหล่ของผม
เขารวดเร็วมาก เร็วมากจนผมไม่มีเวลาที่จะใช้เวทย์เคลื่อนย้าย ผมวาดมือขวา มีลำแสงสว่างออกมา มันขวางดาบนี้ได้ทันพอดี
เจ้าโจรร้ายชะงักไปเล็กน้อย “แกเป็นนักเวทย์หรือนักรบ ทำไมใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ได้?
“นี่ไม่ใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ มันก็แค่วิธีใช้พลังเวทย์อีกแบบหนึ่งเท่านั้น” นี่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผม ตอนนี้ผมสามารถใช้เวทย์มนต์พื้นฐานโดยไม่ต้องร่ายเวทย์ได้แล้ว ผมแค่ต้องตั้งเจตจำนง หลังจากนั้นธาตุแสงก็จะรวมตัวกันเป็นสิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องใช้เวลาถึง 3 ปี ในการเรียนรู้เรื่องนี้ แต่มันจะยังมีความแตกต่างระหว่างผมกับอาจารย์ตี้ พลังของผมนั้นเหมือนกับการใช้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อย่างคาดไม่ถึง ตอนนี้การโจมตีของหัวหน้าโจรไม่ถูกตัวผมเลย เพราะผมป้องกันได้ดี แต่ถึงผมจะป้องกันการโจมตีได้ทั้งหมด แต่ทั่วร่างซีกขวาของผมเริ่มจะมีอาการชาขึ้นมาแล้ว อย่างไรเสีย การต่อสู้ระยะประชิดด้วยอาวุธระยะสั้น ไม่ใช่จุดเด่นของนักเวทย์อยู่แล้ว ผมต้องไม่ให้โอกาสอย่างนี้กับเขาอีก
ด้วยการเคลื่อนย้ายระยะใกล้ ผมย้ายตัวเองออกมาจากระยะโจมตีของเขา ดูเหมือนว่า ผมจะต้องใช้เวทย์ที่แรงขึ้นกว่าเดิม จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาทรงพลังมาก การโจมตีเพื่อลองเชิงของเขา เกือบจะทำให้ผมบาดเจ็บได้ ถ้าเขาใช้พลังทั้งหมดของเขา ผมไม่น่าจะต้านทานไหว ผมยังย้ายตัวเองไปรอบ ๆ ไม่หยุด ความเร็วของเขาสูงมาก เขาช้ากว่าผมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่ผมใช้เวทย์เคลื่อนย้ายอยู่ ผมเริ่มกลัวว่าเขาจะโจมตีถูกผมได้ สถานการณ์แบบนี้ไม่ดีแน่
ผมหลบออกด้านข้าง ก่อนจะเริ่มร่ายเวทย์ มือของผมเริ่มเปล่งแสงสีขาว รัศมีเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นเวทย์ที่แตกต่างกับที่ผมใช้ไปในตอนแรก นี่คือเวทย์ที่ผมปรับปรุงขึ้นแล้ว ‘คมดาบแสง’ ผมสามารถควบคุมเวทย์นี้ได้ด้วยการขยับมือ ทำให้ผมสามารถใช้มันโจมตีโดยตรงได้เลย มันเป็นเวทย์มนต์ระดับ 6 การรวมพลังโจมตีเข้าใส่เป้าหมายเดียว จะให้พลังที่แข็งแกร่งขึ้นมาก มันเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ อาณาจักรพิสุทธิ์อาจจะโจมตีไม่ถูกเขา เพราะเขาเร็วเกินไป รวมทั้งเวทย์โจมตีวงกว้างแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่มันกระจายตัวมากเกินไป มันอาจจะไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ ตอนนี้ ผมได้แต่เดิมพันกับคมดาบแสงแล้ว
ผมหยุดเคลื่อนย้าย หมุนตัวกลับพร้อมกับแสงสีขาว เจ้าโจรนั่นพุ่งเข้ามาด้วยเทคนิคการเคลื่อนที่ของจิตวิญญาณการต่อสู้ แล้วฟันเข้าใส่ผมด้วยดาบของเขา ดาบที่เปล่งประกายด้วยแสงสีขาวเช่นกัน ผมขยับคมดาบแสงเข้าปะทะไว้ “ใช่แล้ว! อย่ามัวแต่หนี! มันไม่สะใจหรอก ถ้าแกมัวแต่หนีน่ะ”
“ได้เลย! ข้าจะมอบ ‘ความสะใจ’ ให้แกเอง” ราวกับสายฟ้าฟาด ผมปล่อยคมดาบแสงใส่เขาอย่างต่อเนื่อง ดาบแล้วดาบเล่า ตอนนี้ สถานการณ์กลับกันแล้ว เขาต้องเป็นฝ่ายใช้ดาบของเขาป้องกันการโจมตีของผม ถึงผมจะยังไม่สามารถทำร้ายเขาได้ แต่เขาก็ไม่สามารถโจมตีกลับได้เช่นกัน แล้วเราจะได้รู้กันว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน พลังเวทย์ของผม หรือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขา