ตอนที่แล้วบทที่ 51 - กิน และกิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 53 - การโจมตีของหัวหน้าโจร

บทที่ 52 - เผชิญหน้ากับกลุ่มโจร


ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วน ตัวไม่สูงนัก เดินเข้ามา “สวัสดีครับ คุณลูกค้า! ทราบว่าท่านจะใช้บัตรม่วงชำระค่าอาหาร?”

“ใช่แล้ว มันมีปัญหาหรือไม่?” ผมตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย “ผมทานอาหารอิ่มแล้ว ตอนนี้ผมอยากจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”

“ขอทราบอาชีพของท่านได้หรือไม่ครับ?” ชายกลางคน ถามด้วยรอยยิ้ม

“ผมเป็นนักเวทย์! มันเกี่ยวอะไรด้วยกับการกินข้าว? จัดการเรื่องการจ่ายเงินเถอะ ผมอยากกลับแล้ว”

“มันเป็นอย่างนี้ครับ เหตุผลที่ร้านของเราตั้งชื่อว่า ‘ร้านอาหารฝากชื่อทิ้งไว้’ เพราะว่าทุก ๆ ท่านที่ทานอาหารที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงส่ง หรือผู้มีเกียรติในสังคม ตราบใดที่ท่านฝากลายมือชื่อทิ้งไว้ที่นี่ ท่านจะสามารถได้รับบริการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้”

“อ้อ! มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นด้วย ได้เลย! ถ้าอย่างนั้นผมจะทิ้งลายมือชื่อไว้ที่นี่ด้วย” กินข้าวโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่เลว!

“ไม่ทราบว่า ตอนนี้ระดับนักเวทย์ของท่านคือระดับใด?”

ผมหยิบบัตรแสดงตัวของสหพันธ์เวทย์มนต์ออกมา “นักเวทย์สูงสุด ระดับนี้เพียงพอหรือไม่?”

สีหน้าของผู้จัดการร้าน แสดงความประหลาดใจ แต่ยิ้มพอใจตอนที่กล่าว “เพียงพอแล้ว ไม่มีปัญหาเลยครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องรบกวนท่านแล้ว”

ด้วยการลงลายมือง่าย ๆ ไว้บนรายการอาหารขึ้นชื่อ 4 รายการ ผมก็สามารถประหยัดเงินค่าอาหารไปได้หลายเหรียญทอง ดูเหมือนว่าบัตรประจำตัวนักเวทย์ของผมค่อนข้างจะมีประโยชน์ ไม่เลวเลย!

คนรุ่นต่อมา ต่างพากันสรรเสริญเยินยอถึงสายตาที่ยาวไกลของผู้จัดการร้าน ลายมือชื่อของบุตรแห่งแสง ถูกประมูลไปด้วยราคาถึง 20,000 เหรียญเพชรในภายหลัง

ผมสุ่มเลือกโรงแรมสำหรับการพักผ่อนตอนกลางคืน ตอนเช้าพรุ่งนี้ ผมจะต้องไปที่ประตูด้านตะวันออกของเมือง ผมนัดหมายกับชายร่างใหญ่ไว้ที่นั่น

ที่ประตูเมืองตะวันออก มันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีรถบรรทุกสินค้าจำนวนมากจอดอยู่ริมข้างทาง ผมคาดว่า นี่น่าจะเป็นขบวนขนส่งสินค้าที่ผมต้องคุ้มกัน นั่นมันเจ้าตัวใหญ่ไม่ใช่เหรอ? หลังจากกวาดสายตาหา ผมเห็นเขากำลังพูดคุยอยู่กับกลุ่มของพ่อค้าอยู่

“เฮ้! สวัสดี ฉันมาแล้ว! เราจะออกเดินทางกันตอนไหน?”

“อา! นายมาถึงแล้ว มา! ให้ฉันแนะนำตัวให้นายก่อน นี่คือหัวหน้าของขบวนสินค้าที่พวกเราต้องคุ้มกัน เมิ่งหลี่ฉือ” เขาพูดพร้อมกับผายมือไปที่ชายร่างท้วม “ท่านนี้คือนักเวทย์สูงสุด อ้อใช่ ฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย ฉันชื่อไห่หลงเหมิง”

“ฉันชื่อเว่ยจางกง สวัสดีทุกท่านด้วย เป็นเกียรติที่ได้รับใช้พวกท่านร่วมกับหลงเหมิง”

พ่อค้าเมิ่งมองผมแบบสงสัย “คุณเป็นนักเวทย์สูงสุด?”

“ถูกต้องแล้ว! เป็นอย่างไร? ไม่เชื่อ?? โอ้! ธาตุแสงผู้ยิ่งใหญ่ ตอบรับคำขอของข้า เพื่อนของท่าน รวมตัวกันเบื้องหน้า เป็นแสงศักดิ์สิทธิ์ ที่ป้องกันสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง” ผมแค่ต้องแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา หลังจากนั้นการเดินทางของผมก็จะง่ายขึ้นมาก

เมื่อการร่ายเวทย์ของผมจบลง ร่างกายของผมปล่อยแสงสว่างจ้าสีขาวออกมา ทุกคนรอบ ๆ ตัวผมในระยะ 5 เมตร ถูกผลักให้ถอยออกไป

“ถ้าพวกคุณมีความรู้ทางด้านเวทย์มนต์อยู่บ้าง พวกคุณน่าจะรู้จักเวทย์มนต์ระดับ 6 เวทย์นี้” ผมส่งเสียงออกมาจากภายในแสงศักดิ์สิทธิ์

เวทย์มนต์อันทรงพลังของผมได้รับความสนใจ จากทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น และพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ผมหยุดการปล่อยพลังเวทย์ สลายแสงศักดิ์สิทธิ์ไป “ตอนนี้ ทุกคนน่าจะเชื่อแล้วสินะ”

เป็นไปตามที่คาดไว้ พ่อค้าเมิ่งเดินเข้ามาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อภัยให้พวกเราด้วย พวกเราไม่น่าที่จะสงสัยในตัวคุณเลย นักเวทย์สูงสุด ถ้ามีคุณอยู่ การเดินทางครั้งนี้คงจะรับประกันความปลอดภัยได้”

หลงเหมิงก็เดินเข้ามาพร้อมกัน เมื่อตะกี้นี้ ตอนที่ผมปล่อยพลังของเวทย์แสงศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่นิดเดียว เขากล่าวอย่างอาย ๆ “ถ้าให้พูดความจริง ฉันก็สงสัยในความสามารถของนายอยู่ในตอนแรก แต่ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าฉันมันมีตาไม่มีแวว ในทางการเดินทางครั้งนี้ กลุ่มทหารรับจ้างของฉันจะทำตามคำสั่งของนาย”

ด้วยการชื่นชมของทุกคน ผมเริ่มตัวลอยแล้ว “พวกนายไม่ต้องทำแบบนั้น ฉันแค่ไม่ต้องการให้ทุกคนคิดว่า ฉันมาที่นี่เพื่อหาประโยชน์ หึหึ! นายยังเป็นผู้รับผิดชอบ ฉันไม่ต้องการอำนาจสั่งการใด ๆ แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่เรียกหาฉันก็พอ”

ผ่านไปง่าย ๆ อย่างนั้น การเดินทางก็ได้เริ่มต้นขึ้น ผมกับกลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิง เริ่มคุ้มกันขบวนขนส่งสินค้า ที่มีรถม้าอยู่ประมาณ 100 คัน

เพราะว่าผมแสดงพลังอันแข็งแกร่งให้พวกเขารู้ ทุกคนเลยปฏิบัติกับผมด้วยความยกย่อง จัดการให้ผมอยู่ในรถม้าที่หรูหราที่สุด ได้รับอาหารที่ดีที่สุดในระหว่างการเดินทาง เหมือนผมกลายเป็น ‘ภาระ’ ไปเลย ดูเหมือนว่าการเรียนเวทย์มนต์จะไม่ได้แพร่หลายมากนักที่นี่ การรู้เวทย์มนต์มีประโยชน์มาก ไม่เพียงแต่จะไม่ต้องจ่ายค่าอาหารในร้าน แต่ผมยังสามารถเดินทางฟรี กินฟรีในขบวนพ่อค้าอีกด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า!

รถม้าที่ผมนั่งอยู่ ปกติจะอยู่ในตอนกลางของขบวน ถ้าจะกล่าวถึงความตั้งใจก็คือ ผมจะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง จากหัวขบวนไปสุดที่ท้ายขบวน ตอนที่ผมสลืมสลือ กำลังจะหลับ มีคนเขย่าตัวผม อา! หลงเหมิง เขาดูเหมือนจะหมดแรง มีเหงื่อเป็นเม็ดเกาะอยู่ที่คิ้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” ผมถามอย่างขี้เกียจ

“นี่ไม่ดีแล้ว! ดูเหมือนว่าเราจะเจอกับกลุ่มโจร” หลงเหมิงพูดอย่างตระหนก

“เป็นไปไม่ได้! มันจะมีใครกล้าปล้นขบวนสินค้าขนาดใหญ่แบบนี้ด้วยเหรอ?” ในความคิดของผม ผมจินตนาการถึงกลุ่มโจรประมาณ 20-30 คน

“พวกเราเจอโจรกลุ่มใหญ่! ทำไมนายไม่ออกไปดูเองล่ะ?” หลงเหมิงกำลังตื่นตระหนกจริง ๆ

ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ ต้องมีอะไรไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้เกิดขึ้น ผมลงจากรถม้า แล้วก็ต้องตกตะลึงกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ทำไมหลงเหมิงถึงเต็มไปด้วยเหงื่อ เพราะว่า เหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มออกมาเหมือนกัน ที่ผมนี่แหละ

บนยอดเนิน ผมเห็นกลุ่มคนมากกว่า 300 คนยืนอยู่ ช่างเป็นกลุ่มโจรที่ใหญ่จริง ๆ ผมมาเจอกับโชคร้าย ๆ นี่ได้ยังไงกัน? ผมกะจะเดินทางอย่างเรียบ ๆ ร้อย ๆ ทำภารกิจให้สำเร็จอย่างสงบ แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่ยอม ดูเหมือนว่ามันจะมีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว

กลุ่มทหารรับจ้างของหลงเหมิง ตัวหลงเหมิงเอง และผมเดินออกไปข้างหน้าด้วยกัน กลุ่มโจรลงมาจากเนินเขา มาหยุดอยู่ข้างหน้าของพวกเราในพริบตา กระจายตัวกันไปทุกทิศทาง สร้างเป็นวงล้อมอันแน่นหนาขึ้นมา

“ส่งหัวหน้าของพวกแกออกมาคุยกัน!” กลุ่มโจรตะโกนออกมาอย่างผยอง

หลงเหมิง พ่อค้าเมิ่ง และผมมองหน้ากันไปมา ใครจะไป? อ๊ะ! มีคนผลักผม! นี่! นี่มันไม่ใช่แล้วมั้ง? ผมคิด แต่ผมออกมายืนอยู่ข้างหน้าสุดแล้ว ลองดูก็แล้วกัน ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่คิดว่าการหนีไปคนเดียวจะเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แน่นอนว่าผมอาจจะหนี แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้มันยังไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้อันตรายขนาดนั้น ผมก้าวไปข้างหน้า 2-3 ก้าว

“ไม่ทราบว่าท่านสุภาพบุรุษ ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากพวกเรา?” หลังจากที่ผมถาม กลุ่มโจรเริ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง หนวกหูมาก

“แกคิดว่าพวกข้าเป็นใคร? ทิ้งข้าวของเอาไว้ทั้งหมด แล้วข้า! พ่อของเจ้า! จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง! ถ้าไม่อย่างนั้น ฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่า!” ตัวหัวหน้าในชุดเกราะรบสีดำ พูดเสียงดังเชียว

“พี่ใหญ่! พวกเราต่างผ่านชีวิตกันมาไม่ง่าย ทำไมไม่ปล่อยพวกเราไปล่ะ?” ผมพยายามขอร้อง

“ปล่อยพวกแกไป? พวกข้าอดทนรอกันมาเป็นเดือน กว่าจะเจอขบวนสินค้าที่น่าสนใจ ขบวนที่ร่ำรวยขนาดนี้ แล้วแกจะให้พวกข้าปล่อยไป? ฝันอยู่หรือไง?”

ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผ่านไปง่าย ๆ เสียแล้ว ทันใดนั้น ผมก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา นึกย้อนกลับไปตอนที่คุยกับอาจารย์ตี้ อาจารย์ตี้เคยบอกผมว่า ผู้คนในอาณาจักรซิวต้า ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมาก โดยเฉพาะชื่อเสียง และความภูมิใจของอัศวิน ดูเหมือนว่าผมน่าจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ (บอกคุณแล้ว ผมเป็นคนฉลาด)

“ขอถาม! ท่าน! ผู้เป็นหัวหน้า ท่านเป็นอัศวินใช่หรือไม่?” คำพูดของผมฟังแข็งแรง และหนักแน่น มุ่งเป้าไปที่หัวหน้าโจรในชุดเกราะสีดำนั่น

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ เจ้าโจรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตะโกนออกมาเหมือนกับว่าชนะการต่อสู้แล้ว "แน่นอน! หัวหน้าของพวกเราเป็น 'อัศวินสวรรค์' ผู้ยิ่งใหญ่" หัวหน้าโจรมีสีหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความภูมิใจ ไม่เลวเลย พวกเขาติดกับดักของผมแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด