ตอนที่ 175: ฟิวรี่
ตอนที่ 175: ฟิวรี่
“ตาเฒ่าพอตเตอร์ส่งข้อความมาอีกแล้วหรอ?” อันธถามหลังจากที่ได้เห็นลูกบอลสีทองส่องแสงกระพริบ
“อือ” เซี่ยเฟยพยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามจัดการกับเรื่องแอวริลโดยเร็วที่สุด แต่กำหนดการในการเดินทางก็ถูกเลื่อนออกมาประมาณครึ่งเดือน โดยในช่วงเวลานี้เขาก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับพอตเตอร์หรือเปล่า
“ฉันติดต่อพอตเตอร์ไม่ได้มาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ฉันเป็นห่วงเขามาก รีบเดินทางมาที่ดาว DLC-113 ในภูมิภาคดาวมฤตยูแล้วตามหาฉัน ‘วินด์ไชม์’”
เซี่ยเฟยอ่านข้อความที่ถูกส่งมาและได้พบว่าคนที่ส่งข้อความไม่ใช่พอตเตอร์แต่เป็นคนที่ชื่อว่าวินด์ไชม์
มีโอกาสเป็นไปได้ว่าพอตเตอร์จะฝากเครื่องส่งสัญญาณและบอกเรื่องของเขาให้คนคนนี้ฟัง แต่หลังจากที่พอตเตอร์ได้ออกเดินทางเขาก็ไม่ได้ส่งข้อความใด ๆ กลับมาอีก วินด์ไชม์จึงเริ่มรู้สึกกังวลแล้วติดต่อมาหาเซี่ยเฟย
“เขาหายตัวไปนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เวลาขนาดนั้นเขาสามารถเดินทางได้ครึ่งพันธมิตรเลยนะ! เฒ่าพอตเตอร์จะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายใช่ไหม?” อันธถามจากด้านข้าง
เซี่ยเฟยรีบเดินไปที่แผงควบคุมเพื่อปรับความเร็วให้แวมไพร์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด
“สิ่งที่เราทำได้คือรีบไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของลุงพอตเตอร์จะเลวร้ายมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้”
—
ทางออกเดียวจากกลุ่มดาวนครหลวงไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูคือการเดินทางผ่านภูมิภาคดาวแกมมา ซึ่งในภูมิภาคดาวแห่งนี้มีดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า CH-5286 ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของสมาพันธ์จัสทิสที่เก็บยานแบทเทิลครุยเซอร์รุ่นฟิวรี่เอาไว้อยู่
เซี่ยเฟยแสดงเอกสารที่เขาได้มาจากทูรามให้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่เขาจะถูกนำไปยังลานจอดยานรบ
ที่ลานจอดมียานปลดประจำการถูกจอดไว้หลายสิบลำ ซึ่งในบรรดาพวกมันมียานแบทเทิลครุยเซอร์สีเงินลำหนึ่งดูสะดุดตามากเป็นพิเศษ เพราะมันดูเหมือนยานลำใหม่ที่อยู่ท่ามกลางยานเก่า ๆ ปละแม้แต่ช่องหน้าต่างของยานก็ยังไม่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น
“นี่คือยานฟิวรี่ของคุณ ผมได้ปรับปรุงยานลำนี้ตามคำสั่งของท่านทูรามแล้ว แต่เดิมยานลำนี้มีสภาพประมาณ 80% แต่หลังจากที่ผมปรับปรุงมันใหม่มันก็มีสภาพมากกว่า 90% เมื่อเทียบกับยานลำใหม่” เจ้าหน้าที่กล่าวอธิบายพร้อมกับชี้นิ้วไปยังยานแบทเทิลครุยเซอร์ที่ดูเหมือนใหม่
“ขอบคุณครับ ไม่ทราบว่าคุณปรับปรุงอะไรให้มันบ้างหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“มีเคลือบสารป้องกันการกัดกร่อนที่เปลือกนอกกับการทำความสะอาดที่ด้านใน ท่านทูรามบอกว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการประกอบยานรบให้พยายามรักษาสภาพยานให้เหมือนเดิมมากที่สุด เดี๋ยวที่เหลือคุณจะเป็นคนจัดการยานลำนี้เอง” เจ้าหน้าที่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ
เซี่ยเฟยไม่เคยบอกทูรามเรื่องความสามารถในการปรับแต่งยาน ซึ่งมันก็หมายความว่าทูรามจะต้องรู้เรื่องนี้จากฉินหมางอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดมันก็มีเพียงแค่ผู้ใช้งานเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งยานได้ตรงความต้องการของตัวเอง ด้วยเหตุนี้การที่ทูรามสั่งการมาแบบนี้ถือว่าช่วยประหยัดเวลาให้เขามาก
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำการปรับแต่งยานก่อนออกเดินทาง เพราะสถานการณ์ของพอตเตอร์เริ่มไม่แน่นอน ซึ่งการปรับแต่งยานลำใหญ่ขนาดนี้จำเป็นต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือนเขาจึงไม่มีเวลาในการปรับแต่งยานมากขนาดนั้น
“ผมสร้างห้องโดยสารเสริมเอาไว้ภายในตัวยานแล้ว คุณสามารถเอายานรบของคุณเข้าไปจอดในยานลำนั้นได้เลย หากจำเป็นก็สามารถเปลี่ยนมาใช้ยานฟริเกตที่จอดไว้ได้ในทันทีและผมยังได้เตรียมอุปกรณ์ควบคุมโดรนเอาไว้ให้ยานฟริเกตตามคำสั่งของท่านทูรามแล้วด้วย” เจ้าหน้าที่กล่าว
คำอธิบายของพนักงานทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะอุปกรณ์ควบคุมโดรนคืออุปกรณ์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมโดรนโดยเฉพาะ หากเขาทำการติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ให้กับแวมไพร์มันก็จะทำให้เขาสามารถควบคุมโดรนของฟิวรี่ผ่านทางแวมไพร์ได้!
ลองจินตนาการว่ายานแวมไพร์ที่มีความคล่องแคล่วในการดำเนินการสามารถควบคุมโดรนของยานแบทเทิลครุยเซอร์ มันจะทำให้พลังการรบของยานเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน เผลอ ๆ มันอาจจะทำให้แวมไพร์สามารถทำลายยานแบทเทิลครุยเซอร์ได้เลยด้วยซ้ำ
อุปกรณ์ควบคุมโดรนมีราคาแพงมากและไม่สามารถที่จะหาซื้อได้ง่าย ๆ ถ้าหากมันได้รวมกับการที่เซี่ยเฟยสามารถซื้อฟิวรี่ได้ในราคา 500 ล้านสตาร์คอยน์, ชุดต่อสู้และมีดสั้นที่ทูรามได้ให้มาแล้ว สิ่งที่ชายชราคนนี้มอบให้เขามันก็มีมูลค่าที่สูงมากจริง ๆ
เซี่ยเฟยเดินไปดูยานลำใหม่ของเขาใกล้ ๆ แต่เขาก็ได้พบว่าตราของสมาพันธ์ที่ควรจะถูกลบออกไปมันกลับยังคงอยู่ที่เดิม
“ทำไมมันยังอยู่ล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังตราสัญลักษณ์ขนาดใหญ่บนยานรบ
พนักงานเผยรอยยิ้มก่อนจะส่งมอบกองเอกสารและแผ่นดิสก์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับเซี่ยเฟย
“เอาล่ะผมรู้แค่ว่าตอนนี้ยานฟิวรี่เป็นของคุณแล้ว เชิญคุณขับมันออกไปได้เลย”
เซี่ยเฟยทำการตรวจสอบเอกสารด้วยความสงสัยก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ปรากฏว่าทูรามได้มอบตัวตนใหม่ให้กับเขาคือการรับหน้าที่เป็น ‘เจ้าหน้าที่พิเศษจากแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์’ มันจึงจำเป็นจะต้องมีตราสัญลักษณ์ของสมาพันธ์อยู่บนยานของเขาด้วย
สมาพันธ์จัสทิสได้ทำการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วทั้งจักรวาลเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี พวกเขาจึงจำเป็นจะต้องส่งเจ้าหน้าที่พิเศษออกไปติดต่อขอซื้ออาวุธตามที่สมาพันธ์ต้องการ ถึงแม้ตำแหน่งนี้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่มีระดับสูงมากนัก แต่อำนาจของเจ้าหน้าที่พิเศษก็มีมากพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่รู้สึกเกรงใจ
จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ได้เปลี่ยนตัวเองจากบรรณารักษ์ของค่ายฝึกจัสทิสลีกมาเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษจากแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ชายหนุ่มหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี
หลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาหนึ่งวันในการจัดเตรียมยานลำใหม่ให้เรียบร้อยและนำแวมไพร์เข้าไปไว้ในฟิวรี่ ก่อนที่เขาจะเริ่มขับยานแบทเทิลครุยเซอร์ลำใหม่มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคดาวมฤตยู
—
ภายในห้องโดยสาร
เซี่ยเฟยกำลังหลับตาพร้อมกับขมวดคิ้วเพื่อทุ่มเทสมาธิให้กับการฝึกฝน
ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว, พลังจิตหรือวิชามนตราอสูรต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขา เขาจึงไม่สามารถที่จะหยุดทำการฝึกฝนความสามารถเหล่านี้ได้
การเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูจำเป็นจะต้องใช้เวลานาน ชายหนุ่มจึงมีเวลาในการฝึกฝนถึง 16 ชั่วโมงต่อวันและใช้เวลาอีก 3 ชั่วโมงเพื่อเรียนรู้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์ที่ฉินหมางได้มอบให้กับเขามา หากไม่นับเวลากินและเวลาอาบน้ำเซี่ยเฟยจะเหลือเวลานอนเพียงแค่วันละ 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
สำหรับนักสู้เวลานอนไม่ใช่สิ่งสำคัญ กุญแจสำคัญจริง ๆ คือคุณภาพของการนอนต่างหาก ถ้าหากว่าคุณภาพการนอนแย่เกินไปแม้ว่าเขาจะนอนเป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่เขาก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ผ่อนคลาย แต่ถ้าหากว่าเขาสามารถนอนได้อย่างดีการนอนเพียงแค่วันละ 1 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สภาพจิตใจของเขาฟื้นฟูขึ้นมา
ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นในหูของเซี่ยเฟยเป็นชุด ชายหนุ่มจึงทำการหยุดการฝึกฝนและเปิดไมโครคอมพิวเตอร์ขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้พบกับใบหน้าของแอวริลในหน้าจอ
หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาแอวริลก็เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมาก โดยในตอนนี้เธอไม่ได้บังคับให้ชายหนุ่มพูดคุยกับเธออีกต่อไปแต่จะทำการติดต่อเข้ามาเหมือนกับคนปกติ
บางครั้งเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถรับสายของแอวริลทันเหมือนกัน เนื่องมาจากเขากำลังทุ่มสมาธิให้กับการฝึกฝน แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็เลือกที่จะรอคอยอย่างเงียบ ๆ จนกว่าชายหนุ่มจะทำการติดต่อกลับไป
เซี่ยเฟยคิดว่าการเติบโตของหญิงสาวในครั้งนี้เป็นการเติบโตไปในทางที่ดี เพราะถ้าหากว่าจู่ ๆ แอวริลทำการเชื่อมต่อระบบสื่อสารในระหว่างที่เขาทำการต่อสู้ มันก็คงจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นมาอย่างมากมาย
“นายเดินทางไปถึงไหนแล้ว?” แอวริลถามขึ้นมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“ถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรหลังการวาร์ปอีกเจ็ดครั้งฉันน่าจะออกจากเขตเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์ก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทุกภูมิภาคดาวของพันธมิตรมีเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กอยู่ทั้งหมด ถึงแม้ภูมิภาคดาวมฤตยูจะมีเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์ก แต่ในระหว่างทางบริษัทของพวกเราไม่ได้ขยายเครือข่ายเอาไว้ แบบนี้ฉันก็ติดต่อนายไม่ได้ไปเป็นเดือนเลยนะสิ” แอวริลกล่าวด้วยหน้ามุ่ย
“อะไรนะเธอไม่อยากแยกทางกับฉันหรอ” เซี่ยเฟยหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อือ หลังจากไปถึงภูมิภาคดาวมฤตยูนายจะต้องรีบติดต่อมาหาฉันเป็นคนแรกเลยรู้ไหม ฉันพยายามขอพ่อให้ขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไปยังพื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่แล้ว แต่พ่อก็เอาแต่ปฏิเสธฉัน” แอวริลกล่าวอย่างจริงจัง
คำพูดของหญิงสาวทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ท้ายที่สุดการขยายเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กไปยังพื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์ก็เป็นการดำเนินงานที่สิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมหาศาล เพราะเพียงแค่ค่าบำรุงรักษาระหว่างปีมันก็มากเพียงพอที่จะทำให้บริษัทขนาดเล็กล้มละลายได้เลย มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทจะขยายเครือข่ายเข้าไปยังพื้นที่ที่ไม่มีกำไร
ความเป็นจริงเพียงแค่ค่าใช้จ่ายที่บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดสร้างเครือข่ายครอบคลุมภูมิภาคดาวมฤตยูก็มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายถึง 20% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดของบริษัทแล้ว มันยังไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงว่าเครือข่ายสัญญาณระยะไกลขนาดนี้ยังมีความไม่เสถียรและถูกตัดขาดเป็นบางเวลา เนื่องมาจากพายุแม่เหล็กไฟฟ้าที่ก่อกำเนิดขึ้นเป็นครั้งคราวอีกด้วย
“ถ้าหากดินแดนไร้มนุษย์มีการเชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์ก พวกโจรสลัดก็จะสามารถสื่อสารได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการทำแบบนั้นมันก็จะทำให้ยานอวกาศที่เคลื่อนที่ผ่านเส้นทางนี้กลายเป็นเหยื่อได้ง่ายมากขึ้นนะสิ” เซี่ยเฟยพูดติดตลก
“มันคงจะดีถ้าโจรสลัดพวกนั้นไม่สามารถใช้สตาร์เน็ตเวิร์กได้ แต่ถ้าหากไม่มีสตาร์เน็ตเวิร์กฉันก็ติดต่อนายระหว่างทางไม่ได้เหมือนกัน” แอวริลกล่าว
เซี่ยเฟยกำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่เขตแดนไร้มนุษย์มันจึงทำให้แอวริลรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งสองคนจึงพูดคุยกันเป็นเวลานานหลายชั่วโมง จนกระทั่งเมื่อชายหนุ่มได้ทำการวาร์ปเข้าสู่พื้นที่ไร้สัญญาณแอวริลก็หยุดการสื่อสารอย่างไม่เต็มใจ
ความห่วงใยของหญิงสาวทำให้เซี่ยเฟยซาบซึ้งใจมากและเขาก็แอบคิดในใจว่าเขาจะปฏิบัติตัวต่อเธอให้ดีมากกว่านี้เมื่อถึงเวลาที่เขากลับไป
การขับยานอวกาศเข้าไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่เต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยว โดยเฉพาะพื้นที่เขตดาวในบริเวณนี้ที่เต็มไปด้วยอันตราย
ภูมิทัศน์นอกหน้าต่างเปลี่ยนแปลงไปทุกวันและถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะได้พบกับเนบิวลาสีสันสดใส แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะผ่อนคลายความระวังได้
เวลา 13 วันผ่านไปในพริบตาแต่หลังจากที่ชายหนุ่มได้ใช้ระบบคำนวณระยะทางแล้วเขากลับได้พบว่าความเร็วในการเดินทางของเขาล่าช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะถึงแม้เวลาจะผ่านพ้นมา 13 วันแล้ว แต่เขาก็สามารถเดินทางได้เพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น
“นี่มันช้าเกินไปแล้ว ถ้าหากพวกเรายังเดินทางแบบนี้ต่อไป มันก็ต้องใช้เวลาอีก 40 กว่าวันถึงจะพ้นเขตแดนไร้มนุษย์” เซี่ยเฟยบ่นกับตัวเอง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ทำการแตะนิ้วลงบนหน้าจอเพื่อคำนวณหาเส้นทางที่สั้นกว่าเดิม
ทันใดนั้นระบบสื่อสารก็ตรวจเจอสัญญาณขอความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความแรงของสัญญาณอีกฝ่ายก็น่าจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 35,000 ปีแสง
***************