บทที่ 48 – การเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจครั้งแรก
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เธอล้มลงกับพื้น
นี่มันเป็นไปไม่ได้ ‘แสงศักดิ์สิทธิ์’ ของผมเป็นเวทย์ป้องกัน มันไม่มีพลังสำหรับการโจมตีเลยแม้แต่นิดเดียว มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง? ตอนที่ผมเต็มไปด้วยความสับสน เด็กสาวที่เป็นหัวหน้ากลุ่มก็เริ่มลงมือ
เธอพึมพำคำร่ายอยู่หลายประโยค บนมือของเธอปรากฏขึ้นด้วยบอลสีม่วงเข้ม ตามด้วยการสะบัดมือของเธอ ไม่! เธอไม่ได้เล็งโจมตีมาที่ผม แต่บอลของเธอลอยเข้าไปหาหญิงสาวที่ชื่อหลิงจือคนนั้น หลังจากถูกบอลสีม่วงเข้มกระแทกใส่ หลิงจือดูเหมือนจะมีอาการดีขึ้น ร่างกายของเธอหยุดสั่น ลมหายใจเริ่มยาวขึ้น
นั่นมันเวทย์มนต์อะไร? ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อนในชีวิต “สาวน้อย! เธอใช้เวทย์อะไรน่ะ? ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย” ผมถามด้วยความสงสัย
เสียงไพเราะของเด็กสาวดังออกมาด้วยความหมายที่ไม่น่าฟังเลย “อย่าให้เขาหนีไปได้ ฆ่าเขาเสีย!”
“เดี๋ยวก่อน! ฉันเพิ่งทะเลาะกับพวกเธอไม่กี่คำ แต่พวกเธอต้องการจะฆ่าฉันแล้ว ไม่โหดร้ายเกินไปเหรอ?” ตอนที่ผมพูดจบ ผมก็โดนล้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผมรีบเพิ่มความแข็งแรงของเวทย์ป้องกัน แล้วรอดูว่าพวกเธอจะลงมืออย่างไร
หัวหน้ากลุ่มยังไม่ได้ลงมือ มีแค่ 8 คนเท่านั้นที่ล้อมผมอยู่ตามคำสั่งของเธอ พวกเธอเริ่มสร้างวงล้อม ผมมั่นใจว่าพวกเธอจะใช้วิชายุทธ์ แต่กลายเป็นว่า! ผมไม่เห็นพวกเขาขยับตัวลงมือจู่โจม ไม่ดีแล้ว! พวกเขาเริ่มร่ายเวทย์ต่างหาก
หมอกหนาสีดำไหลออกมาจากร่างกายของพวกเธอ แล้วเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณที่ผมอยู่ ผมป้องกันร่างกายของตัวเองอยู่ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อหมอกสีดำกระทบเข้ากับลำแสง มีเสียงดังซี่ ๆ ออกมา เสียงเหมือนกับมีของบางอย่างโดนน้ำกรดกัด ผมเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น มันน่ากลัวมาก แต่ดูเหมือนว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถป้องกันได้อยู่
“ธาตุแสงผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดอนุญาตให้ผมขอยืมความแข็งแกร่งอันไร้ที่เปรียบของท่าน ทำให้แสงอันไร้สิ้นสุดบนโลกนี้ส่องแสงขึ้น!” ตอนนี้เวทย์ ‘อาณาจักรพิสุทธิ์’ ของผมไม่เหมือนเดิมแล้ว ผมสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ ทั้งความแข็งแกร่ง และตำแหน่งของเวทย์ ดังนั้น ตอนนี้เหมือนผมล้อมพวกเธอไว้ด้วยเวทย์วงกว้างของผม หลังจากที่ผมร่ายเวทย์จบ ร่างของผมลอยขึ้นจากพื้น ล้อมรอบตัวด้วยแสงสีขาวสว่างจ้า ผมเงยหน้าขึ้น ดวงเวทย์สีทองปล่อยพลังออกมา 1 ใน 3 ครอบคลุมไปทั่วร่างกายของผม วงแสงที่อยู่รอบ ๆ เริ่มหดตัวลง ก่อนที่จะระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีขาวกลืนกินหมอกดำไปจนหมดในทันที และโจมตีไปถึงหญิงสาวทั้ง 8 ที่ล้อมผมอยู่ ผมดึงพลังบางส่วนกลับ ไม่ได้ใช้พลังออกมาทั้งหมด ผมยังไม่อยากฆ่าคน ผมยังจำความรู้สึกกลัวจนตัวสั่น เมื่อตอนที่ฆ่าคนเป็นครั้งแรกได้อยู่เลย
เมื่อเห็นพวกเธอทั้ง 8 คนตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หัวหน้ากลุ่มรีบร่ายเวทย์ สร้างวงแหวนพลังงานสีม่วงออกมาทันที มันห่อหุ้มพวกเธอไว้ แล้วช่วยป้องกันพลังโจมตีของอาณาจักรพิสุทธิ์ แต่เวทย์ป้องกันร่ายขึ้นมาอย่างฉุกละหุก ถึงมันจะป้องกันพลังโจมตีได้บ้าง แต่พวกเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
ผ้าคลุมของหญิงสาวทั้ง 8 คน ถูกทำลายด้วยพลังของธาตุแสง เผยให้เห็นเกราะเวทย์มนต์ขนาดพอดีตัวบนร่างกายของพวกเธอ เกราะเวทย์มนต์ก็ปรากฏรอยแตกขึ้นด้วย อา!! เป็นกลุ่มเด็กสาวที่สวยจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะมีใบหน้าที่งดงามเท่านั้น รูปร่างของพวกเธอก็ไร้ที่ติ ถึงจะเป็นผม สุภาพบุรุษตัวน้อยที่ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง ยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมาหน่อย ๆ
แต่เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมา ผมยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก มันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ ถึงภาพที่สวยงามที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม มันไม่ได้สวยงามเหมือนกับทะเลสาบเหมือนฝัน เปรียบเทียบกันแล้ว เหมือนอันหนึ่งเป็นอัญมณีที่แวววาว ส่วนอีกอย่างเหมือนกับพระจันทร์อันสุกสกาว
หัวหน้ากลุ่ม ไม่ได้อยู่ในสภาพอันเลวร้ายเหมือนลูกทีมทั้ง 8 คน แต่ผ้าคลุมของเธอตกลงมาจากศรีษะ เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามจนเกินจะบรรยายของเธอ นั่นคือภาพอันงดงามที่ทำให้ผมตกตะลึง
สวยมาก! สวยเหลือเกิน! สวยเกินไปแล้ว จากในบรรดาสาวงามที่ผมเคยพบ พวกเธอไม่สามารถเอามาเปรียบกับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ได้เลย ใบหน้าของเธอไม่มีความหยาบกระด้างอยู่เลย มีแต่ความละเอียดอ่อนและดูอ่อนโยน ถ้าผู้หญิงในโลกนี้ต้องเปรียบเทียบกัน เธอคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้ชนะ ผม (สุภาพบุรุษตัวน้อย) ผู้ไม่เคยหวั่นไหว ถึงกับน้ำลายไหล
เมื่อสาวสวยตรงหน้า เห็นผมแสดงอาการเหมือนคนลามกวิตถาร และรู้สึกได้ว่าผ้าคลุมของเธอเปิดออก เธอรีบยกมันขึ้นมาคลุมศรีษะอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “อาจารย์! รีบมาเร็ว ช่วยข้าฆ่าเจ้าคนวิตถารนี่!”
เสียงอันน่าขนลุกลอยมา “ใครมันกล้ามาก่อกวนเจ้าหญิงน้อยของข้า?” สายลมเย็นยะเยือกพัดมา เสียงอันเย็นเยียบนี้ ลบ ‘ความหลงใหล’ ออกจากหัวของผมโดยสิ้นเชิง ไม่เหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
ภายใต้เสียงอันน่ากลัวนั้น หมอกสีดำพุ่งออกมา ที่ข้างตัวของสาวงามมีเสาไม้ไผ่ปรากฏขึ้น ที่พูดว่าเสาไม้ไผ่นั้น ไม่ถือว่าพูดเกินไป ถึงแม้ว่าผมจะยังเห็นรูปร่างของเขาไม่ชัดนัก แต่มันดูเหมือนกับว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของเขา มีแต่ฝ่ามือของเขาที่จะพอเรียกว่ากว้างได้
“อาจารย์ เป็นมัน! มันรู้ความลับของพวกเรา และเห็นหน้าพวกเราแล้ว รีบช่วยข้าฆ่ามันเร็วเข้า” สาวสวยคนนี้นี่ไม่น่ารักเลยจริง ๆ ใช้เสียงหวานอย่างนั้นพูดเรื่องโหดร้ายได้ยังไงกัน หรือว่าต้องการฆ่าจริง ๆ?
“คนสวย! ทำไมเธอโหดร้ายอย่างนี้ แต่ฉันชอบนะ! เรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย?” ผมเริ่มปะเหลาะ เพื่อที่จะหยุดเธอไว้ก่อน
ไม่ต้องรอให้เธอกล่าวอะไรออกมาอีก เสาไม้ไผ่ลอยเข้ามาหาผม เขาปล่อยแรงกดดันอันมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อเข้าหาผม ทำให้ผมเกือบหายใจไม่ออก เมธีเวทย์! ผมยกระดับการระวังตัวทันที เมธีเวทย์ตัวจริง นอกจากอาจารย์ตี้ กับอาจารย์หลง ผมไม่เคยเจอคนอื่นที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความกดดันระดับนี้
ผมป้องกันตัวเองทันที ใช้ธาตุแสงคลุมตัวเอง ชั้นของเวทย์ป้องกันปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัว
เสียงที่มืดมน และแฝงไปด้วยลางร้าย ดังขึ้นมาอีกครั้ง “อ้อ! เป็นเด็กน้อยนักเวทย์แสงนี่เอง ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครเรียนเวทย์มนต์ธาตุแสงแล้วเหรอ?”
“ใครบอกว่าไม่มี? แกจะรู้ได้ยังไงหะ เจ้าเสาไม้ไผ่? ตอนนี้ เวทย์แห่งแสงได้รับความนิยมอย่างมากในทวีป ฉันเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดแล้ว!” อืมม!! ผมต้องชักนำให้เขาเข้าใจผิด แต่ผมไม่ได้คาดคิดเลยว่า คำพูดเหล่านี้ทำให้เหล่ามนุษยชาติในทวีปนี้ ไม่ต้องเจอกับมหันตภัยครั้งใหญ่
“แกพูดอะไร! แกพูดจริงรึเปล่า? คนในทวีปนี้ใช้เวทย์แสง? ข้อมูลที่ข้าได้มาไม่ได้เป็นอย่างนั้น” เขาตกใจ และหลุดปากออกมา เขาไม่สามารถแยกได้ว่าอันไหนโกหก อันไหนจริง
ผมพยายามทำตัวเองให้น่าเชื่อถือเต็มที่ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เชื่อถือได้ “แน่นอน มันเป็นความจริง ฉันจะโกหกแกไปทำไม?” แน่นอน ผมโกหก! ถ้าแกแยกแยะคำโกหกไม่ได้ ชีวิตแกก็แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว ฮิฮิ ผมหัวเราะก้องอยู่ในใจ
“อาจารย์ ไม่ต้องฟังเรื่องไร้สาระที่มันพูด ฆ่ามันก่อน พวกเราปล่อยให้มันเอาความลับของพวกเราไปเปิดเผยไม่ได้” สาวงามตะโกนอยู่ด้านข้าง สาวสวยคนนี้เริ่มทำให้ผมรำคาญแล้ว ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงสวยนี่ไม่มีดีอะไรสักอย่าง ต่อไปถ้าจะแต่งงาน ต้องไม่หาผู้หญิงสวยเกินไปมาเป็นเจ้าสาว
“ได้ ข้าจะจัดการเรื่องที่นี่ก่อน แล้วท่านค่อยออกไปยืนยันข้อมูล” เสาไม้ไผ่เริ่มร่ายเวทย์ “เทพแห่งความมืดผู้แข็งแกร่ง ฟังคำขอจากข้ารับใช้ของท่าน กลายเป็นผู้กลืนกินที่ไม่มีวันพอ ข้าขอแลกเปลี่ยนดวงวิญญาณของข้าเพื่อการนี้!”
ถึงผมจะไม่ค่อยมีความรู้รอบตัวมากนัก แต่ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังร่ายเวทย์มนต์มืด ผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “เผ่าปีศาจ!!!”
ร่างเงาสีดำปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของเสาไม้ไผ่ แล้วบินมาที่ผม ผมรีบร่ายเวทย์อาณาจักรพิสุทธิ์ทันที พยายามที่จะปะทะกับการโจมตีของเขา แต่บางสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เงาสีดำนั้นไม่เข้าปะทะกับแสงของอาณาจักรพิสุทธิ์ แต่มันแปรตัวเองเป็นชั้น ๆ ปกคลุมเสาลำแสงเอาไว้ ผมสูญเสียการควบคุมเวทย์ของตัวเอง และธาตุแสงที่ถูกเงาดำจับไว้นั้นเริ่มสลายตัวไป