บทที่ 163: การปฏิบัติตามหน้าที่ของคู่ครอง
หูเจียวเจียวซึ่งแทบจะไม่สามารถรักษาความสงบได้ในตอนแรก บัดนี้หน้าแดงทันทีราวกับว่าใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือดคั่งหลังจากได้ยินคำพูดกำกวมของหลงโม่
เธอชักมือออกประหนึ่งว่าถูกไฟฟ้าช็อต แล้วเธอก็หันหลังวิ่งหนีออกจากห้องไปแบบร้อนรน
ในเวลาเดียวกัน มือของชายหนุ่มยังคงอยู่ในท่าจับข้อมือของหญิงสาวไว้ที่หน้าอก ประกอบกับมีร่องรอยของความสับสนอยู่ในรูม่านตาสีทอง
“นี่ข้า...พูดอะไรผิดไปหรือ?”
“ตรงนี้มันอึดอัดจริง ๆ เหมือนกับว่าหัวใจจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ...”
เขานั่งพึมพำกับตัวเองพลางกุมหน้าอก
ในที่สุดความรู้สึกแปลก ๆ ก็ค่อย ๆ กลับมาสงบลงเมื่อหูเจียวเจียวอยู่ห่างไป
ที่ผ่านมาหลงโม่ถูกทอดทิ้งไว้ในป่าตั้งแต่ยังเด็ก เขาจึงเป็นคนไร้ค่าในสายตาของภูตทุกคน หลังจากที่ตนมาถึงเผ่านี้ เขาก็ถูกนางขับไล่ออกจากเผ่าไปอาศัยอยู่ในป่าหลายปี
ในโลกของมังกรหนุ่มมีแต่ความขยะแขยง ความน่ารังเกียจและความเกลียดชัง เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับภูตคนอื่น เขาเลยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอารมณ์อย่าง ‘การชอบ’ มันเป็นอย่างไร
…
ข้างนอกกระท่อมไม้
หูเจียวเจียววิ่งไปที่แม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลบ้านภายในไม่กี่อึดใจ เธอรีบซ่อนตัวอยู่ที่ริมฝั่งพลางรีบใช้มือวักน้ำขึ้นมาเพื่อล้างหน้าตัวเอง
แม้ว่าน้ำเย็นจะกระทบหน้า แต่มันก็ไม่ได้ทำให้แก้มที่ร้อนผ่าวเย็นลงเลยสักนิด
หญิงสาววักน้ำใส่หน้าอยู่หลายครั้ง และในที่สุดอัตราการเต้นของหัวใจก็ค่อย ๆ เบาลง แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองยังคงเต้นอยู่ในอกคล้ายกับว่ามันจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
ต่อมา เธอเอามือกุมใบหน้าที่ร้อนผ่าวพลางย่อตัวนั่งลงที่ริมแม่น้ำ ก่อนจะมองย้อนกลับไปแล้วพบว่ามังกรหนุ่มไม่ได้ตามตนมา ดังนั้นเธอจึงถอนหายใจยาว
ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เมื่อกี้นี้หลงโม่ลวนลามเธอหรือว่าเธอลวนลามหลงโม่?
“แต่... กล้ามหน้าอกของเขาให้ความรู้สึกดีทีเดียว...”
หูเจียวเจียวพึมพำพร้อมนึกถึงฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่โดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่จิ้งจอกสาวสงบสติอารมณ์ลงได้ ในที่สุดเธอก็กุมหัวใจของตัวเองที่ยังคงรัวเป็นกลองชุดไว้แน่น
“ยังไงก็เถอะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ แต่...เราเป็นคู่กัน จะแตะเนื้อต้องตัวกันมันก็...”
หญิงสาวกัดฟันพูดกับตัวเองเพื่อหาเหตุผลมาอธิบายอาการหัวใจเต้นรัวของตน
ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นฝ่ายที่เอาเปรียบเขา
แล้วเธอจะหน้าแดงทำไม!
“อย่าว่าแต่การสัมผัสกล้ามหน้าอกเลย แม้ว่าฉันจะนอนกับเขา นั่นก็เป็นแค่การปฏิบัติตามหน้าที่ของสามีภรรยาเท่านั้น!”
“หูเจียวเจียว เธอจะกลัวอะไร?”
จิ้งจอกสาวพึมพำเสียงต่ำพร้อมกำหมัดแน่น
“เจียวเจียว เจ้าจะนอนกับใคร?”
จังหวะนั้น เสียงที่กำลังถามอย่างสงสัยก็ดังขึ้นจากด้านหลังเธอ
ส่งผลให้ความมั่นใจที่เพิ่งเรียกกลับมาได้ของหูเจียวเจียวเหมือนถูกน้ำเย็นราดเข้าใส่ เธอตกใจมากจนเกือบจะพุ่งหนีลงไปในแม่น้ำ!
จากนั้นเธอรีบก้าวไปด้านข้าง 2-3 ก้าว พอหันไปมองก็พบว่าเป็นลู่เมี่ยนเอ๋อกับหู่จิง
เมื่อกี้เสือสาวเป็นคนพูด นางกำลังขมวดคิ้วมองจิ้งจอกสาวด้วยสีหน้าฉงน
“ไม่มีอะไร ข้าบอกว่าน้ำ…น้ำ”
ฝ่ายที่กำลังลนลานเอ่ยพลางชี้ไปที่แม่น้ำเพื่ออธิบาย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างงุ่มง่าม
“ทำไมจู่ ๆ พวกเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ?”
เมื่อหู่จิงได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว นางก็สงสัยในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ยิน
เป็นไปได้ไหมว่านางได้ยินผิดไปเอง?
ส่วนลู่เมี่ยนเอ๋อก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนและตอบว่า
“เมื่อกี้เจ้ารีบร้อนกลับบ้าน ดอกเกลือของหลงโม่ยังไม่ได้เอาไป ท่านผู้เฒ่าเลยขอให้เรานำมันมาให้เจ้า”
เดิมทีภูตชายจะเป็นคนทำหน้าที่นี้ แต่เวลานั้นพวกลู่เมี่ยนเอ๋อผ่านมาพอดี พอได้ยินว่าพวกเขากำลังจะไปส่งของให้หูเจียวเจียว นางจึงอาสามาที่นี่แทน
ในขณะที่หู่จิงไม่ได้บ่นอะไร แล้วก็ตามสหายคนสนิทมาด้วยตลอดทาง
“แบบนี้นี่เอง”
จิ้งจอกสาวพยักหน้า ก่อนจะสังเกตเห็นว่าทั้ง 2 คนกำลังถือถุงหนังสัตว์มาด้วย
เธอรับถุงหนังสัตว์จากอีกฝ่ายมาด้วยความประหลาดใจ
ถุงนี้มีน้ำหนัก 12 กิโลกรัมเป็นอย่างน้อย และดอกเกลือ 2 ถุงรวมกันมีน้ำหนักเกือบ 30 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณเกลือเท่านี้เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวของพวกเธอทั้ง 7 คนได้นานกว่า 1 ปี
หัวหน้าเผ่าใจกว้างกับเธอมากจริง ๆ!
“ขอบคุณที่พวกเจ้าขนดอกเกลือมาให้ข้าที่นี่” หูเจียวเจียวกล่าวขอบคุณหญิงสาวทั้งคู่ที่อุตส่าห์เป็นธุระมาส่งดอกเกลือให้ตน
ลู่เมี่ยนเอ๋อเอามือข้างหนึ่งกุมใบหน้าของตัวเองและมองจิ้งจอกสาวด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับ พอนางได้ยินคำขอบคุณของอีกคน นางก็รีบส่ายหัวปฏิเสธ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
แก้มของนางเอกสาวแดงระเรื่อเล็กน้อย พร้อมกับที่นางตอบอย่างเขินอาย
ขณะนี้นางรู้สึกประหนึ่งว่ามีกวางสีชมพูตัวเล็ก ๆ กำลังวิ่งเข้าชนหัวใจของตน
เจียวเจียวอ่อนโยนมาก! จะหาผู้หญิงที่อ่อนโยน สวย และเฉลียวฉลาดแบบนี้ได้ที่ไหนในโลกอีก!
ส่วนหู่จิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อนสาวยังมีอาการเหม่อลอย
บางครั้งนางก็มองไปทางบ้านหิน แล้วพึมพำกับตัวเองว่า เจ้าตัวเล็กพวกนั้นไม่ได้ปากโป้งจริง ๆ...
...
ณ เทือกเขาที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง
หมาป่าสีเทาตัวหนึ่งรีบเข้าไปในเผ่าและมาถึงกระท่อมไม้ไผ่ยกสูง
“หัวหน้า ฝูงหมาป่าพิฆาตกลับมาแล้ว!”
หมาป่าสีเทาตัวนั้นหมอบลงกับพื้น แล้วรายงานอยู่ด้านหน้ากระท่อมไม้ไผ่ด้วยเสียงสั่นเครือ
ภายในกระท่อมไม้ไผ่ มีชายร่างมนุษย์กำลังนอนอยู่บนหนังสัตว์หนาอย่างเกียจคร้าน เขาใช้มือข้างเดียวเท้าหัวไว้ เมื่อได้ยินเสียงของลูกน้อง เขาก็ค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีฟ้าเข้ม
ท่าทางของผู้ชายคนนี้ดูอิดโรย บนใบหน้าที่หล่อเหลาและร้ายกาจมีร่องรอยที่แสดงถึงอุปนิสัยเจ้าชู้ประตูดิน อีกทั้งดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อยของเขาไม่อาจคาดเดาได้ว่าเจ้าตัวอารมณ์ดีอยู่หรือไม่
“ว่าไง เขาเอาดอกเกลือกลับมาแล้วหรือ?”
คนเป็นลิ่วล้อที่นอนหมอบอยู่บนพื้นสั่นสะท้านไปทั้งตัวและตอบอย่างระมัดระวัง
“ไม่...”
ท่าทางของภูตหมาป่าหวาดกลัวราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่หัวหน้าเผ่า แต่เป็นราชาในโลกใต้พิภพ
“ไม่? ให้เขามาพบข้าด้วยตัวเอง”
สีหน้าของชายคนนั้นยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เขาออกคำสั่งแบบสบาย ๆ
ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งของผู้เป็นนาย ทำให้ฟันของหมาป่าสีเทากระทบกันเพราะความตื่นตระหนก
จากนั้นเขาพูดตะกุกตะกักว่า
“หะ-หัวหน้า ข้าเกรงว่าเขาจะมาไม่ได้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกภูตคนอื่นพาตัวกลับมา...”
“งั้นก็แบกเขาขึ้นมาหาข้าสิ”
ฝ่ายลูกน้องที่ได้รับคำตอบกระจ่างแล้วรีบหันหลังพุ่งออกไปทันที
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ภูตหลายคนก็แบกไม้กระดานมาที่กระท่อมไม้ไผ่
บนกระดานไม้นั้นมีร่างของภูตที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมนอนอยู่ ใบหน้าของเขาเสียโฉมยับเยิน ทำให้ไม่มีใครจำเค้าเดิมของเขาได้อีก
อีกทั้งผิวหนังทั่วร่างกายของชายผู้นี้เป็นสีดำ เน่าเปื่อยและเต็มไปด้วยแผลพุพอง มิหนำซ้ำยังมีกลิ่นไหม้ผสมกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาจากตัว
ไม่เพียงแค่นั้น แขนขาของเขางอในลักษณะแปลกประหลาดราวกับว่ามันถูกประกอบขึ้นใหม่ หากมองจากที่ไกล ๆ พวกเขาคิดว่ามันเป็นไม้ที่ถูกเผาจนดำเมี่ยม
มีเพียงลมหายใจที่แสดงถึงการมีชีวิตของเจ้าตัวเท่านั้นที่ยังคงทำให้หน้าอกของคนคนนี้กระเพื่อมขึ้นลง
ไม่กี่อึดใจต่อมา ริมฝีปากที่ดำคล้ำของภูตชายเปิดออก เขาสูดลมหายใจด้วยความยากลำบาก ซึ่งนี่เป็นสิ่งเดียวที่พิสูจน์ได้ว่าเขายังไม่ตาย
เมื่อคนเป็นผู้นำเห็นภูตรูปร่างเหมือนศพถูกหามมาที่บ้าน ดวงตาสีฟ้าของเขาก็แสดงความประหลาดใจ และความขี้เกียจที่แสดงออกบนใบหน้าก็หายไปก่อนจะแทนที่ด้วยท่าทางขี้เล่น
“ภูตพวกนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ที่ทำให้เจ้าอยู่ในสภาพแบบนี้ได้”
เนื่องจากหลางเมี่ยเป็นหนึ่งในภูตที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า
ในขณะเดียวกัน ภูตหมาป่าที่อยู่รอบ ๆ ก้มหัวลงทีละคนโดยไม่มีใครกล้าส่งเสียงแม้แต่คนเดียว
“ข่าวที่นังนั่นส่งกลับมาผิดหรือเปล่า ฝั่งโน้นมีหลายคนใช่ไหม?” ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเอ่ยถามพลางเล่นใบไผ่ในมือ น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นร่องรอยของความอยากรู้คำตอบ
ไม่นานภูตหมาป่าคนหนึ่งก็ทรุดตัวลงคุกเข่าพร้อมกับตอบเสียงพึมพำ
“ท่านหัวหน้า จากที่พวกเราไปสืบร่องรอยทั้งหมดแล้ว ข่าวนี้ถูกต้อง มีภูตมาเพิ่มจากที่บอกอีกแค่ 1 คน อีกฝ่ายมีภูตทั้งหมด 10 คนเท่านั้น”
ภูต 10 คนนำดอกเกลือออกจากใต้จมูกของภูตหมาป่าอย่างพวกเขาไปได้ แถมยังไม่พอยังทำให้หลางเมี่ยผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ บาดเจ็บสาหัสครึ่งเป็นครึ่งตาย
หากได้รู้แบบนี้ หัวหน้าคงโกรธแน่นอน...