บทที่ 161: หลงโม่กลับมาแล้ว
ยามนี้หลงโม่หลุบตาลงต่ำเพื่อใช้ความคิด พลังของระเบิดที่เขาได้เห็นมันไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่ด้วยทักษะของภูตหมาป่า การที่จะหลบหลีกมันก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายดาย
แม้ว่าฝ่ายศัตรูจะถูกวางยาก็ยังมีผลเพียงเล็กน้อย
เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าโอกาสที่ตนจะขว้างระเบิดโดนเป้าหมายนั้นเป็นไปได้ยาก แต่เขาไม่คาดคิดว่าจ่าฝูงหมาป่าจะกัดมันเอง
หูเจียวเจียวฉลาดจริง ๆ...
มังกรหนุ่มแอบทอดถอนหายใจ เนื่องจากคู่ของเขามีเรื่องมาทำให้เขาประหลาดใจได้ตลอดเวลา
…
ในเผ่า หูเจียวเจียวซึ่งกำลังทายาให้แก่ลูกทั้ง 2 จู่ ๆ ก็จามออกมา
“ฮัดชิ้ว!”
แล้วความกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงจงกับหลงเซียวทันที
เป็นไปได้ไหมว่านางจะเหนื่อยเกินไปจนเริ่มป่วย?
...
เมื่อพวกหูชิงซานกลับมาจากการล่าสัตว์ ภูตในกลุ่มก็จัดการกับเหยื่อของพวกเขาและย่างเนื้อกินกันอยู่รอบกองไฟ
หลงโม่ซึ่งกำลังวางแผนที่จะขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อพักผ่อนตามลำพัง ทันใดนั้นเขาก็ถูกคนอื่นดึงตัวไปก่อนที่อีกฝ่ายจะยัดเนื้อชิ้นใหญ่ใส่มือตน
“เสี่ยวโม่ วันนี้ต้องขอบคุณเจ้า ถ้าเจ้ามาไม่ทัน พวกเราอาจจะตายกันหมด”
หูเฉียงกล่าวพลางตบไหล่ชายหนุ่มด้วยท่าทางที่เป็นมิตร
ในโลกภูต ผู้เป็นพ่อตามองลูกเขยเพียง 2 สิ่ง
สิ่งแรกคือลูกเขยดีกับลูกสาวของเขาหรือไม่ และสิ่งที่ 2 คือลูกเขยมีความสามารถมากแค่ไหน
ครั้งนี้หลงโม่ช่วยพวกเขาไว้ และชายวัยกลางคนก็เห็นมัน ตอนนี้เขายิ่งมองไปที่มังกรหนุ่มมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงโม่เห็นหูเฉียงกระตือรือร้นอยากจะคุยกับเขามาก เขาจึงนั่งถือเนื้อย่างตัวแข็งทื่อดั่งรูปปั้น
พอภูตคนอื่นได้ยินคำพูดของผู้นำกลุ่ม พวกเขาก็กล่าวขอบคุณภูตมังกรดำตาม ๆ กัน
“หลงโม่ ขอบคุณเจ้ามากสำหรับวันนี้!”
“ใช่ ต้องขอบคุณหลงโม่”
ชายร่างสูงผู้คุ้นเคยกับการอยู่ในความมืดเงียบ ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมากมายเข้ามาในหู เขาจึงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเขาได้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจของคนในเผ่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าเสียงของภูตชายเหล่านี้ไม่น่ารำคาญเหมือนเสียงที่ตนมักจะได้ยินอยู่เสมอ
ความจริงแล้วภูตก็เป็นสัตว์สังคมคล้ายกับมนุษย์
ไม่ว่าหลงโม่จะโดดเดี่ยวอยู่ในป่ามานานแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดในใจเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ายังโหยหาชีวิตในเผ่าที่มีผู้คนรอบล้อมอยู่ตลอดเวลา
“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้” หูชิงซานนั่งลงข้างมังกรหนุ่ม ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่เขา พร้อมกับมองเขาอย่างซาบซึ้ง
“แต่ถ้าเจ้ากล้ารังแกน้องสาวตัวน้อยของข้าล่ะก็ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”
มีบุญคุณเขาย่อมทดแทน แต่ความแค้นก็ต้องชำระ
ใครก็ตามที่บังอาจมารังแกน้องสาวตัวน้อย มันผู้นั้นจะเป็นศัตรูของเขาไปตลอดชีวิต!
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใครก็ตาม!
ในตอนที่จิ้งจอกหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาของหลงโม่ก็มืดลง และใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขาแสดงออกอย่างหนักแน่น
“ข้าจะดีกับนางให้มาก”
ตราบใดที่หูเจียวเจียวยังยอมรับว่าเขาเป็นคู่ของนาง
จากนั้นภูตทุกคนก็นั่งล้อมวงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนกับว่าพวกเขาเพิ่งชนะการต่อสู้มา โดยมีเพียงเป้าเฟิงเท่านั้นที่นั่งอยู่มุมหนึ่งเงียบ ๆ
“...”
เอ่อ...แล้ว
ข้ามาที่นี่ทำไมกันนะ?
...
เนื่องจากฤดูหนาวกำลังจะมาถึงแล้ว
ภูตในเผ่าจึงยุ่งวุ่นวายกันทุกคน
หูเจียวเจียวเองก็ยุ่งทุกวันจนอยากให้ตัวเองมีสกิลแยกร่างได้เหมือนตัวเอกเรื่องอื่นบ้าง
นอกเหนือจากการดูแลลูก ควบคุมการก่อสร้างบ้านหิน และดูแลการเจริญเติบโตของต้นมันฝรั่งแล้ว พวกหูชิงเกายังไม่มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการผลิตถ่าน ดังนั้นเธอจึงต้องคอยไปช่วยดูแลการทำงานของพวกเขาในช่วงแรก
นอกจากจิ้งจอกสาวแล้ว เด็กในเผ่าที่ถูกบังคับให้ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสจากการทำงานหนักก็พากันหมดแรงไปตาม ๆ กัน
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เด็กทั้งหลายที่มีร่างกาย ‘ผอมและอ่อนแอ’ สามารถเก็บฟืนไว้สำหรับเผาถ่านได้จำนวนมากแล้ว
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ภูตในเผ่าได้ตามหาพวกหูชิงเกาเพื่อให้พวกเขามาช่วยเผาถ่านตลอดวัน ซึ่งนี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับฤดูหนาวที่ใกล้จะมาถึง
แต่ปัจจุบันในเผ่ามีเตาเผาถ่านเพียงเตาเดียว พอมีภูตจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้รวบรวมไม้มาเพียงพอสำหรับการทำถ่าน ดังนั้นหูเจียวเจียวจึงขอให้พวกพี่รองสร้างเตาเผาเพิ่มอีก 2 เตา เพราะจะได้เพียงพอต่อความต้องการของทุกคน
และถ้ามีเตาเพิ่มมากกว่านี้ ภูตชายทั้ง 4 คนคงจะมีงานล้นมือเกินไป
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ทักษะการเผาถ่านของภูตที่มีหน้าที่รับผิดชอบเผาถ่านก็มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดหูเจียวเจียวก็สามารถวางมือจากเรื่องนี้ได้แล้ว
ทันทีที่หญิงสาวมีเวลาว่าง เธอก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงหลงโม่
“นี่ก็ผ่านไป 10 วันแล้ว ทำไมเขายังไม่กลับมา...”
ในความฝันเธอรู้เพียงทิศทาง แต่ไม่รู้ว่าระยะทางระหว่างจุดหมายปลายทางกับเผ่าไกลแค่ไหน อีกทั้งปัจจุบันบ้านหินสร้างเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง คงไม่ใช่ว่าเธอต้องรอจนกว่าบ้านหินจะสร้างเสร็จใช่ไหมเขาถึงจะกลับมา
หูเจียวเจียวแอบคิดในใจว่าถ้าไม่มีหลงโม่ในบ้านหินหลังใหม่ เธอคงอดรู้สึกไม่ได้ว่ามีบางอย่างขาดหายไป
ขณะที่จิ้งจอกสาวกำลังเดินกลับบ้าน จู่ ๆ เสือขาวหน้าผากย่นก็กระโดดออกมาจากป่า ซึ่งก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเลยสักนิด
จังหวะนั้นหูเจียวเจียวที่ความคิดได้ล่องลอยไปไกลเงยหน้าขึ้น เธอเห็นรูม่านตาสัตว์สีน้ำตาลคู่หนึ่ง เธอจึงเผลอถอยหลังไป 2 ก้าวด้วยความตกใจ
แต่เมื่อเธอกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็จำได้ว่านี่คือโลกของภูต และเสือตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือภูตในเผ่า ไม่ใช่เสือกินคน
“มีอะไรหรือ?” หูเจียวเจียวเว้นระยะห่างจากภูตเสือขาวและถามพร้อมทำหน้าฉงน
ครู่ต่อมา เธอเห็นเสือตัวโตแสยะยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมอันดุร้าย เขากำลังเปิดปากพูดอย่างจริงใจที่สุดด้วยใบหน้าที่น่ากลัวที่สุด
“พวกภูตที่ไปขนดอกเกลือกลับมาแล้ว ท่านผู้เฒ่าขอให้ข้ามาพาเจ้าไปที่นั่น”
พอภูตหนุ่มพูดจบแล้ว เขาก็เอาอุ้งเท้าขนาดใหญ่ลูบหน้าตัวเองเล็กน้อย 2 ครั้งเพื่อแสดงการขอโทษพลางคิดในใจว่า ดูจากท่าทางของผู้หญิงคนนี้ เขาคงจะทำให้นางตกใจกลัว
ข้าดูน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรือ?
“กลับมาแล้วหรือ!?” เมื่อจิ้งจอกสาวได้ยินข่าวดี ดวงตาที่เหม่อลอยของเธอก็เป็นประกายสดใส และใบหน้าเศร้าหมองถูกแทนที่ด้วยความสุขเกินคำบรรยาย
“แม่นางขึ้นมาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปส่งเอง”
เสือตัวใหญ่หมอบตัวลงต่ำตรงหน้าหูเจียวเจียว พลางฝังหัวตัวเองไว้ระหว่างอุ้งเท้าทั้ง 2 ข้างเป็นการเชิญชวนให้หญิงสาวขึ้นหลังตน
ปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วประกอบกับสายตาคาดหวังของจิ้งจอกสาวทำให้ภูตเสือขาวตื่นเต้นเล็กน้อย
หูเจียวเจียวกำลังจะขี่หลังข้า!
ข้าสามารถเอาเรื่องนี้ไปโอ้อวดภูตคนอื่นได้แน่นอน!
“ไม่เป็นไร ข้าจะไปเอง” หูเจียวเจียวมองไปที่เสือตัวโตที่ชูหางขึ้นก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธ แล้วรักษาระยะห่างจากภูตชายคนนี้ทันที
การนั่งบนหลังเสือขาวตัวนี้เปรียบเสมือนการขี่หลังผู้ชายแปลกหน้าในสายตาของเธอ อีกทั้งครั้งนี้มันไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วน ดังนั้นเธอจึงสามารถหลีกเลี่ยงได้
นั่นทำให้ภูตเสือขาวลดหางลงด้วยความผิดหวัง และเดินตามหลังจิ้งจอกสาวไปเงียบ ๆ
ในที่สุดหูเจียวเจียวก็วิ่งไปจนถึงลานกว้างของเผ่า
ณ ตอนนี้ ลานกว้างเต็มไปด้วยกลุ่มภูตเพราะพวกเขาทั้งหมดมาดูว่าดอกเกลือมีหน้าตาเป็นอย่างไร และแต่ละคนก็ชะโงกหน้ามองดูสิ่งที่อยู่ข้างในถุงหนังสัตว์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ขณะเดียวกัน หลงโม่, หูชิงซาน รวมถึงภูตชายคนอื่นกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน โดยมีถุงหนังสัตว์ปูดโปนมากกว่า 1 โหลกองอยู่ที่เท้าของพวกเขา
ปัจจุบันหัวหน้าเผ่ามาถึงที่นี่นานแล้ว เขากำลังเปิดถุงหนังสัตว์ทีละใบเพื่อตรวจสอบดอกเกลือในแต่ละถุงด้วยตัวเอง ซึ่งทุก ๆ ครั้งที่เขามองเข้าไปในถุง มุมปากของชายสูงวัยก็ยกยิ้มกว้างขึ้น
ยามนี้มีถุงหนังสัตว์ทั้งหมด 16 ใบ และทุกถุงมีดอกเกลืออย่างน้อย 100 ดอก ขณะที่ภูตคนหนึ่งจะกินเกลือมากสุด 4-5 กำมือต่อปี
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ดอกเกลือเหล่านี้เพียงพอให้ภูตในเผ่าของพวกเขากินตลอดทั้งปี!
อีกทั้ง ปีหน้าพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปที่ชายทะเลเพื่อแลกเปลี่ยนเกลือ และสามารถเก็บอาหารไว้กินตอนฤดูหนาวได้มากขึ้น ไม่นานชีวิตของคนในเผ่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อผู้นำของเผ่านึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู
ในเวลาเดียวกัน พวกหูเฉียงถูกห้อมล้อมด้วยเหล่าภูต พวกเขากำลังคุยกันเรื่องความกล้าหาญของหลงโม่ที่ไปช่วยเหลือสมาชิกในกลุ่มที่ไปขนดอกเกลือ
ภาพนั้นมีชีวิตชีวามาก โดยมีเพียงมังกรหนุ่มเท่านั้นที่ยังคงทอดสายตามองออกไปจากฝูงชนเป็นครั้งคราว ราวกับว่าเขากำลังมองหาบางสิ่ง
ไม่กี่อึดใจถัดมา หญิงสาวผู้งดงามคนหนึ่งได้วิ่งมาจากระยะไกล
ในตอนนั้นเอง ดวงตาของหลงโม่เป็นประกาย และในวินาทีต่อมา เขาก็เห็นเสือตัวใหญ่วิ่งตามเธอมาอย่างใกล้ชิด นั่นทำให้เขาขมวดคิ้วและจากดวงตาที่สดใสก็เปลี่ยนเป็นมืดมนทันที ก่อนที่เขาจะก้าวไปหาหูเจียวเจียว
“หลงโม่!”
พอจิ้งจอกสาวเห็นมังกรหนุ่มเดินออกมาจากกลุ่มภูต เธอก็โบกมือให้เขาขณะที่เธอวิ่งเข้าไป
หญิงสาวกำลังจะหยุดยืน แต่เธอเห็นหลงโม่ก้าวมาข้างหน้าอย่างมั่นคงประหนึ่งว่ามีลมพัดจากใต้ฝ่าเท้า
ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้อะไร ร่างสูงก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วสวมกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: แอร๊ยยยยยย! เขากอดกันแล้วค่าาาาา!