ตอนที่ 173: เก็บกวาด
ตอนที่ 173: เก็บกวาด
มีดาวเคราะห์หนึ่งดวงที่มีชื่อว่ากรีนสกายอยู่ห่างจากกลุ่มดาวนครหลวง 67,000 ปีแสง ดาวเคราะห์ดวงนี้เหมือนกับอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี โดยมีทะเลสีฟ้าครามที่สวยงาม มีชายหาดสีทองอร่ามทอดยาวนับหมื่นกิโล มันจึงทำให้ดาวดวงนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม
ผู้คนหลาย ๆ คนที่อาศัยอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวงก็มักจะเดินทางมาพักผ่อนยังดาวดวงนี้เมื่อพวกเขามีเวลาว่าง มันจึงทำให้ดาวกรีนสกายมีชื่อเล่นว่า ‘ดาวสวนหลังบ้านของนครหลวง’
ขณะเดียวกันแวมไพร์ก็กำลังลอยอยู่เหนือท้องทะเลสีครามห่างจากชายหาดออกมาหลายพันกิโลเมตร ทำให้บริเวณรอบ ๆ ไม่มีมนุษย์คนใดอาศัยอยู่เลย และถ้าหากว่ามองลงมาจากที่สูงยานรบลำนี้ก็เป็นเพียงแค่จุดสีดำเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่นในมหาสมุทร
ยานรบไม่เพียงแต่จะสามารถนำมาโลดแล่นในจักรวาลได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถลอยอยู่เหนือมหาสมุทรและดำดิ่งสู่ก้นทะเลลึกได้เหมือนกับเรือดำน้ำอีกด้วย มันจึงทำให้เจ้าของยานรบแต่ละลำเปรียบเสมือนกับการมีที่พักเคลื่อนที่
เพียงแต่ว่ายานรบของเซี่ยเฟยค่อนข้างจะมีพื้นที่คับแคบไปสักหน่อย เพราะชายหนุ่มเจ้าของยานมุ่งเน้นปรับแต่งยานรบเพื่อเสริมกำลังการต่อสู้ มันจึงทำให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทั้งหมดถูกโยนทิ้งไปเหลือเอาไว้เพียงแต่เตียงเดี่ยวแคบ ๆ ที่แข็งโป๊กอยู่หนึ่งอัน
แต่ถึงกระนั้นแอวริลก็ไม่เคยบ่นเรื่องการใช้ชีวิตบนยานอวกาศลำนี้เลย เพราะสำหรับเธอแค่การได้อยู่กับเซี่ยเฟยก็เป็นเรื่องที่เพียงพอแล้ว
เธอเคยอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเซี่ยเฟยมาตั้งนานแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นยานอวกาศของชายหนุ่ม ปรากฏว่าเซี่ยเฟยได้ใช้ชีวิตอยู่บนยานอวกาศที่เรียบง่ายและได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในจักรวาล
ปัจจุบันบนดาดฟ้าของเรือถูกประดับเอาไว้ด้วยเก้าอี้ชายหาด 2 ตัวและโต๊ะกลมขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงกลาง โดยเก้าอี้ชายหาดแต่ละตัวมีร่มกันแดดเป็นของตัวเอง ทำให้บรรยากาศการอยู่บนแวมไพร์ไม่ต่างไปจากการอยู่บนเรือลำหรูกลางท้องทะเลของดาวโลกเลย
แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังติดต่อสื่อสารผ่านทางไมโครคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา เพื่อคอยประสานงานกับหลิงเซียวที่ปฎิบัติภารกิจอยู่ในนครหลวง
“เหลือนักฆ่าแฝงตัวอยู่อีกคนเดียวสินะ ในตระกูลเจี่ยนมีบอดี้การ์ดและคนรับใช้อยู่มากมาย ถ้าหากว่านักฆ่าคนนั้นไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะอยู่ในคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหลิงเซียวได้ค้นพบหนึ่งในนักฆ่าที่แฝงตัวอยู่ในบอดี้การ์ดแล้ว เขาจึงรีบทำการติดต่อมารายงานเซี่ยเฟยในทันที
สายลับคนนี้ฉลาดมากเพราะเขาไม่ได้ใช้เครื่องสื่อสารแบบพกพาในการติดต่อรายงานกลับไปยังองค์กรนักฆ่าของพวกเขาโดยตรง แต่ชายคนนี้เลือกที่จะวิ่งออกไปจากโรงพยาบาลอย่างเงียบ ๆ เพื่อใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะในการสื่อสาร
ถึงแม้กลุ่มดาวนครหลวงจะพัฒนาความเจริญไปไกลแต่มันก็ยังมีตู้โทรศัพท์สาธารณะแบบโบราณหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก เพราะท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารข้ามดวงดาวก็มีราคาแพง ด้วยเหตุนี้คนธรรมดาที่อยู่ฐานล่างของพีระมิดจึงไม่มีเงินมากพอจะใช้เครื่องสื่อสารส่วนตัวได้
การใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะมีราคาถูกกว่าเครื่องสื่อสารแบบส่วนตัวมาก เพราะการโทรจากภูมิภาคดาวหนึ่งไปยังอีกภูมิภาคดาวหนึ่งมีค่าบริการเพียงแค่ 15 สตาร์คอยน์ต่อนาทีเท่านั้น ในขณะที่ถ้าหากพวกเขาใช้เครื่องสื่อสารส่วนตัวพวกเขาก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่าสื่อสารอย่างน้อย 120 สตาร์คอยน์ต่อนาที
เหตุผลที่สายลับคนนี้เลือกใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะ มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการจะประหยัดเงิน แต่มันเป็นเรื่องของการพยายามปกปิดตัวตน ท้ายที่สุดการพยายามติดตามคนใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะมันก็เป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ดี
โชคดีที่เซี่ยเฟยวางแผนดักจับสัญญาณพื้นที่รอบ ๆ โรงพยาบาลเอาไว้หมดแล้ว ดังนั้นทันทีที่นักฆ่าคนนี้แอบมาใช้ตู้โทรศัพท์นอกโรงพยาบาล เขาก็ถูกจับกุมโดยจัสทิสที่ซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้า
“แล้วโจวหยูฉิงกับนักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ล่ะ นายจะจัดการกับพวกเขาเลยไหม?” หลิงเซียวถาม
“จับตาดูสถานการณ์ไปก่อน เมื่อสายลับทั้งสองคนนี้ไม่ได้รับข่าวจากโรงพยาบาลพวกเขาจะต้องติดต่อไปหาหัวหน้าของตัวเองอย่างแน่นอน สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่การจัดการแค่ลูกกระจ๊อก แต่ผมต้องการจะถอนรากถอนโคนของพวกมันออกมาให้ได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันแข็งกล้า
นักฆ่าพวกนี้เริ่มออกมาติดตาข่ายที่พวกเขาวางดักเอาไว้แล้ว แต่เป้าหมายของชายหนุ่มไม่ใช่แค่นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ภายในตระกูลเจี่ยนเท่านั้น แต่เขาต้องการกำจัดนักฆ่าจากสำนักวิหคสังหารทุกคนที่อยู่ใกล้กับกลุ่มดาวนครหลวง!
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะรอสืบสาวไปหาตัวการใหญ่ของพวกมันให้ได้” หลิงเซียวกล่าว
“ตอนนี้ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความอดทนของสายลับในคฤหาสน์ เมื่อผมลักพาตัวแอวริลออกมาแต่พวกเขาไม่ได้รับข่าวจากสายลับในโรงพยาบาลพวกเขาย่อมรู้สึกวิตกกังวลมากกว่าเรา สถานการณ์ปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเราอย่างสมบูรณ์แล้ว จนกว่าศัตรูจะเริ่มขยับพวกเราห้ามลงมือผลีผลามโดยเด็ดขาด” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราควรแจ้งเรื่องนี้ให้ตระกูลเจี่ยนทราบก่อนไหม การที่แอวริลหายตัวไปเริ่มทำให้คนในตระกูลกำลังจะเป็นบ้า” หลิงเซียวพูดอย่างเป็นห่วง
“ยังไม่ต้อง ปล่อยให้พวกเขากังวลต่อไปอีก 2-3 วัน ยิ่งพวกเขาร้อนรนมากเท่าไหร่ศัตรูยิ่งเชื่อว่าแอวริลถูกลักพาตัวไปจริง ๆ มากขึ้นเท่านั้น ความร้อนใจของตระกูลเจี่ยนมันยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“โอเค ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงฉันจะรีบแจ้งให้นายทราบทันที” หลิงเซียวกล่าว
“พี่อย่าลืมด้วยว่าผมจะเป็นคนจัดการกับแบ็ตตี้และโจวหยูฉิงด้วยตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“เข้าใจแล้ว แต่ฉันไม่รู้รายละเอียดเรื่องนี้เลยนะ” หลิงเซียวกล่าว แต่เซี่ยเฟยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเพียงแค่นั้น
หลังจากปิดหน้าจอการสื่อสารไป ชายหนุ่มก็จุดบุหรี่พร้อมกับสูดควันเข้าไป 2-3 ครั้ง
ตอนนี้พวกเขาจับสายลับคนแรกได้แล้วแต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนสายลับคนที่ 2 ได้ดูเหมือนว่าเขาจะต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไปอีก 2-3 วัน
ขณะเดียวกันความแข็งแกร่งของทูรามก็เหนือเกินกว่าความคาดหมายของเซี่ยเฟยไปไกล เพราะท้ายที่สุดทูรามก็สามารถเกณฑ์จัสทิสหลายร้อยคนให้พร้อมทำงานได้ในเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง
ยิ่งไปกว่านั้นชายชราคนนี้ยังได้จัดเตรียมอุปกรณ์ชั้นยอดที่จำเป็นเอาไว้ให้อย่างเพียบพร้อม ซึ่งตำแหน่งหัวหน้าแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ไม่มีอำนาจมากพอจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างแน่นอน แต่ทูรามยังคงยืนกรานที่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองราวกับว่าในสายตาของเขาเรื่องแค่นี้เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
เซี่ยเฟยรู้สึกชื่นชมฉินหมางมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ดูแลห้องสมุดที่ดูธรรมดากลับซ่อนความลับอะไรต่าง ๆ เอาไว้อย่างมากมาย แม้แต่ความช่วยเหลือจากทูรามก็เป็นสิ่งที่ฉินหมางได้เตรียมเอาไว้ให้
ท้ายที่สุดถ้าหากเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทูราม เรื่องราวต่าง ๆ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แบบนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะสามารถคิดแผนการที่ซับซ้อนได้มากเพียงใดก็ตาม
ในเวลาเพียงแค่สองปีเซี่ยเฟยได้เปลี่ยนจากเด็กปั่นจักรยานส่งของกลายมาเป็นนักสู้ที่เก่งกาจ, มีบริษัท, มีเส้นสายความสัมพันธ์เป็นของตัวเองและที่สำคัญนั่นก็คือเขามีแอวริล
ในเวลาเดียวกันแอวริลก็ค่อย ๆ เดินออกมาจากยานอวกาศอย่างเอียงอาย โดยเธอได้สวมชุดว่ายน้ำสีชมพูทำให้สัดส่วนอันงดงามไม่ได้ถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อผ้าอีกต่อไป
“เซี่ยเฟย ฉันพร้อมแล้ว” แอวริลเดินมาหาเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“เธอใส่ชุดนี้แล้วเธอสวยเหมือนกับนางฟ้าเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“สวยจริงหรอ?” แอวริลกล่าวพร้อมกับเอียงศีรษะ
“อือ”
“นายแกล้งฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
“มาเถอะ เดี๋ยวฉันจะสอนเธอว่ายน้ำเอง” เซี่ยเฟยชวนก่อนที่จะกระโดดลงไปในทะเล
“ไม่เอา ฉันกลัวจม”
“ฉันอยู่นี่ เธอไม่จมหรอก”
“ในทะเลมีปลาฉลาม ฉันเคยเห็นพวกมันในสารคดี”
“ปลาฉลามพวกนั้นไม่กล้าเข้าใกล้ฉันหรอก”
—
ขณะที่เซี่ยเฟยกับแอวริลกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการพักผ่อน แผนการดักจับนักฆ่าจากสำนักวิหคสังหารก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ช่วงสองวันที่ผ่านมาในที่สุดสายลับภายในคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยนก็ถูกจับได้ โดยเธอคนนี้เป็นผู้หญิงซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่บ้านคอยดูแลเรื่องอาหารของแอวริล
จากการสอบปากคำผู้ที่ทำการแจ้งเรื่องที่เซี่ยเฟยบุกเข้าคฤหาสน์ในวันนั้นคือนักฆ่าผู้แฝงตัวเข้าไปเป็นสาวใช้คนนี้นี่เอง มันจึงเป็นเหตุผลที่สำนักวิหคสังหารกล้าที่จะบุกเข้าไปในคฤหาสน์ในช่วงเวลากลางวัน
การค้นพบสายลับคนนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย โชคดีที่สายลับคนนี้ทำหน้าที่ภายในครัวเท่านั้นไม่ได้มีสิทธิ์เข้าถึงตัวแอวริลตรง ๆ ไม่อย่างนั้นหญิงสาวก็คงจะตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรง
เมื่อสายลับทั้งสองคนได้ถูกจับมันก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะเริ่มจู่โจมเข้าใส่สำนักวิหคสังหารอย่างเต็มรูปแบบ โดยแผนการทั้งหมดอยู่ภายใต้คำสั่งของหลิงเซียว และชั่วขณะหนึ่งนั้นมันก็ทำให้ทั่วทั้งนครหลวงตกอยู่ในความวุ่นวาย
นักฆ่าที่แฝงตัวอยู่ในความมืดเริ่มถูกจับทีละคน ๆ นอกจากนี้จัสทิสยังไม่ใช่ตำรวจพวกเขาจึงไม่ได้มีข้อจำกัดที่เข้มงวด ทันทีที่พวกเขาจับตัวนักฆ่าได้พวกเขาก็จะเริ่มทรมานและไล่จับนักฆ่าคนต่อไปจากข้อมูลที่ได้รับมา
นักฆ่าจากสำนักวิหคสังหารทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่ปากแข็ง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตายแต่พวกเขาก็ไม่ยอมพูดข้อมูลอะไรออกมา น่าเสียดายที่จัสทิสไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลาให้พวกนักฆ่าทำการสารภาพเลย เพราะพวกเขามีวิธีเข้าไปล้วงข้อมูลในจิตใจทำให้พวกเขาได้ข้อมูลโดยแทบที่จะไม่ต้องใช้ความพยายาม
เมื่อนักฆ่าถูกจับกุมมากขึ้นเรื่อย ๆ แผนการของสำนักวิหคสังหารก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาสำนักวิหคสังหารได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจากองค์กรนักฆ่ากลายเป็นองค์กรมืดที่คอยแฝงตัวเข้าไปในตระกูลต่าง ๆ และใช้ผู้หญิงเพื่อเข้าควบคุมนักธุรกิจที่มีอำนาจและร่ำรวย
นับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มวางแผนควบคุมตระกูลเจี่ยนมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาได้ใช้เวลาในการดำเนินการทั้งหมดร่วม 30 ปี แต่น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่ทันดำเนินแผนการได้สำเร็จ พวกเขาได้มาเจอกับเซี่ยเฟยเข้าเสียก่อน
—
หลังจากปิดระบบการสื่อสารเซี่ยเฟยที่ยืนอยู่บนแวมไพร์ก็กำลังจ้องมองไปยังพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน
แผนการล้อมจับกระต่ายทั้งหมดใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วและมันก็เกือบถึงเวลาที่เขาจะต้องไป
ช่วงสองวันนี้เขากับแอวริลมีความสุขมาก พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนกับคู่รักที่ออกมาฮันนีมูน และการพักผ่อนในครั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์การใช้ชีวิตครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตั้งแต่เด็ก
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพอตเตอร์ก็กำลังรอเขาอยู่ในภูมิภาคดาวมฤตยูอันไกลโพ้น ยิ่งเวลาได้ผ่านพ้นไปนานเท่าไหร่สถานการณ์ของทางฝั่งพอตเตอร์ก็อาจจะเลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องในนครหลวงและเริ่มออกเดินทางให้ได้โดยเร็วที่สุด
“นายกำลังรู้สึกลังเลที่จะทิ้งแอวริลเอาไว้หรือเปล่า?” อันธถาม
“ไม่ ฉันแค่กำลังคิดว่าการเติบโตในสังคมชั้นสูงก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่พวกเรากำจัดสำนักวิหคสังหารไป มันอาจจะมีสำนัก 2, 3, 4 โผล่ขึ้นมาอีกก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่นายจะควบคุมได้อยู่แล้ว” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยเงียบเสียงไปจมอยู่ในความคิด
เห็นได้ชัดเลยว่าแอวริลรักเขามาก แล้วเขาควรจะบอกเธอยังไงกับเรื่องที่เขาจะต้องออกเดินทาง…
—
แวมไพร์บินขึ้นไปในจักรวาลอันมืดมิดและทำการบินกลับไปยังนครหลวงด้วยการวาร์ปเพียงแค่ครั้งเดียว
แต่เนื่องจากเซี่ยเฟยยังไม่มีสิทธิ์ขับยานรบเข้าไปในกลุ่มดาวนครหลวง ทูรามจึงทำการส่งคนออกไปรับแอวริลนอกกลุ่มดาว
ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่เต็มใจแต่เธอก็ยังเดินขึ้นไปบนยานอวกาศอย่างเชื่อฟัง โดยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เธอเห็นเซี่ยเฟยคุยผ่านเครื่องสื่อสารตลอดเวลา และเท่าที่เธอจับใจความได้มันก็ดูเหมือนกับว่าเขากำลังพยายามกำจัดศัตรูที่ลักพาตัวเธอไป แล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น
“เซี่ยเฟย! จำเอาไว้ว่าฉันจะรอนายเสมอ” แอวริลหันไปมองเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพูดจบหญิงสาวก็วิ่งเข้าไปในยานอวกาศด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังเดินกลับเข้าไปในแวมไพร์ ตราบใดก็ตามที่เขาจัดการแผนการขั้นสุดท้ายเสร็จ เขาก็สามารถออกเดินทางได้อย่างสบายใจเสียที
***************