ตอนที่ 172: เริ่มล้อมตาข่าย!
ตอนที่ 172: เริ่มล้อมตาข่าย!
เมื่อมองเห็นแสงริบหรี่จากระยะไกลมุมปากของเซี่ยเฟยก็ยกขึ้นอย่างประหลาด
ต่อมาชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เดินมาหาแอวริลอย่างช้า ๆ พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งปิดปากของเธอไว้
หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาด้วยความงัวเงีย แต่เมื่อเธอเริ่มเห็นชายหนุ่มแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย
“เธอเชื่อใจฉันไหม?” เซี่ยเฟยถามเบา ๆ
แอวริลไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อมากนัก แต่เธอก็ยังพยักหน้ารับอย่างงุนงง
“ฉันจะพาเธอออกไปข้างนอก อย่าส่งเสียงล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับปล่อยมือที่ปิดปากหญิงสาวเอาไว้
“นายจะพาฉันไปข้างนอกหรอ? แล้วพวกเราจะกลับมาไหม?” แอวริลถามด้วยความไร้เดียงสา
“อีกไม่กี่วันเดี๋ยวพวกเราก็จะกลับมา” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้กับความไร้เดียงสาของแอวริลดี
“อือ” แอวริลตอบ
‘อิอิ แบบนี้มันก็หมายความว่าฉันจะได้อยู่สองต่อสองกับเซี่ยเฟย 2-3 วันใช่ไหม’ แอวริลคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์
เซี่ยเฟยหยิบผ้าที่เตรียมไว้ออกมาจากมิติก่อนจะห่อแอวริลขึ้นมาอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเขา ผ้าชนิดนี้ใช้ในการป้องกันค่อนข้างดีและมันยังสามารถระบายอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม มันจึงทำให้หญิงสาวที่ถูกห่ออยู่ด้านในไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากนัก
“ตอนที่ฉันวิ่งอาจจะรู้สึกสั่นบ้างนะ ช่วยอดทนหน่อยก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“อือ!” แอวริลตอบพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง
กระจกภายในห้องมีความหนาเป็นพิเศษและกล่าวอ้างว่าแม้แต่แสงเลเซอร์ก็ไม่สามารถทะลุผ่านกระจกแบบพิเศษชนิดนี้ได้ แต่เซี่ยเฟยได้ทำการหยิบอุปกรณ์ขนาดเล็กออกมาจากมิติและทำการติดไว้บนกระจก
อุปกรณ์นี้คือออสซิลเลเตอร์อัลตราโซนิกที่สามารถปล่อยคลื่นความถี่แรงสูงออกมาได้ ทำให้แม้แต่โลหะผสมไทเทเนียมอันแข็งแกร่งก็ยังจะถูกคลื่นสั่นสะเทือนอันทรงพลังสั่นจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
อุปกรณ์ประเภทนี้มีราคาแพงและไม่มีวางขายโดยทั่วไป โดยชายหนุ่มบังเอิญได้มาจากทูรามเพื่อใช้ในการทำภารกิจเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดทูรามก็เป็นหัวหน้าแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ของสมาพันธ์ ดังนั้นสิ่งของต่าง ๆ ที่เขาสามารถเข้าถึงได้จึงเหนือเกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไป
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ถอยห่างออกจากกระจกไปประมาณ 10 เมตรพร้อมกับกอดแอวริลเอาไว้ในอ้อมแขน โดยที่ขาทั้งสองข้างของเขาอยู่ในท่าที่เตรียมพร้อมเพื่อจะพุ่งตัวออกไปข้างหน้าได้ทุกเมื่อ
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเซี่ยเฟยก็ทำการกดปุ่มบนไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อสั่งงานให้เครื่องออสซิลเลเตอร์อัลตราโซนิกเริ่มทำงาน
แกร๊ก!
คลื่นความถี่สูงเกินกว่าหูของมนุษย์จะตรวจรับได้ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่คลื่นความถี่เหล่านี้จะเริ่มเกิดการสั่นพ้องจนทำให้กระจกที่มีความหนามากกว่า 10 เซนติเมตรเริ่มมีรอยร้าวไปทั่วทั้งแผ่น
ชิ้ง!
จู่ ๆ ใบมีดของเซเลสเชียลมูนทั้ง 18 เล่มก็แตกแยกออกจากกัน ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าใส่กระจกที่แตกร้าว 18 จุดในมุมที่แตกต่างกัน
การจู่โจมด้วยเซเลสเชียลมูนรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อประกอบกับกระจกถูกทำให้แตกร้าวทั่วทั้งแผ่นอยู่แล้ว มันจึงทำให้กระจกเสริมความแข็งแกร่งถูกทุบแตกออกเป็นชิ้น ๆ
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็ออกแรงพุ่งตัวออกไปจากชั้น 6 ราวกับสายฟ้า
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและไม่มีใครคิดว่าชายหนุ่มจะลักพาตัวแอวริลออกไปในตอนกลางคืน เพราะกว่าที่บอดี้การ์ดของตระกูลเจี่ยนจะรู้ตัวเขาก็กระโดดขึ้นยานบินขนาดเล็กและเคลื่อนที่หายไปในท้องฟ้ายามค่ำคืน
“เริ่มล้อมตาข่ายได้” เซี่ยเฟยสั่งการไปยังหลิงเซียวที่อยู่อีกฝั่งของเครื่องสื่อสาร
“รับทราบ” หลิงเซียวตอบรับ
หลังจากเซี่ยเฟยตัดการติดต่อแอวริลก็โผล่หัวออกมาจากห่อผ้าพร้อมกับถามออกไปด้วยความสงสัย
“ล้อมตาข่ายหรอ?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากล้อมตาข่ายดักสัตว์นิดหน่อยน่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้พูดความจริงแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร ท้ายที่สุดผู้ชายก็มีเรื่องสำคัญต้องทำแตกต่างจากผู้หญิง มันจึงมีเรื่องราวอีกหลายสิ่งที่เธอไม่จำเป็นต้องรู้
สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือการรู้ว่าเขาปรารถนาดีกับเธอก็พอแล้ว!
“พวกเรากำลังจะไปไหน?” แอวริลถามด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เพียงแค่ได้นึกถึงการอยู่กับเซี่ยเฟยตามลำพังโดยไม่มีใครมาคอยควบคุม มันก็ทำให้เธอรู้สึกสุขใจแล้ว ท้ายที่สุดเธอก็เติบโตขึ้นมาในห้องส่วนตัวจนแทบไม่มีโอกาสได้เห็นโลกภายนอกมากนัก ดังนั้นการได้ใช้ชีวิตกับคนที่เธอชอบอย่างอิสระจึงไม่ต่างไปจากความฝันของเธอ
ความเป็นจริงแอวริลไม่ได้ชอบชีวิตในปัจจุบันของเธอเลยสักนิด เพราะเธอคิดอยากจะออกไปเที่ยวยังสถานที่ต่าง ๆ เหมือนเซี่ยเฟย เนื่องจากถึงแม้มันจะดูเหมือนเธอมีทุกสิ่งทุกอย่างแต่ท้ายที่สุดสิ่งที่เซี่ยเฟยมีแต่เธอไม่มีนั่นก็คือ ‘อิสระ’
ผู้ไม่เคยขาดอิสระย่อมไม่รู้ว่าอิสระมีรสชาติที่หอมหวานเพียงใด แอวริลเป็นเหมือนกับแมวบ้านที่ถูกเลี้ยงให้เดินรอบคฤหาสน์ไปวัน ๆ แต่วันหนึ่งเธอกลับได้พบกับแมวป่าที่ได้ออกผจญภัยอย่างอิสระ มันจึงก่อให้เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ภายในใจ
ยิ่งไปกว่านั้นแมวป่าตัวนี้ยังแตกต่างจากแมวป่าทั่วไป เพราะมันกล้าจะท้าทายกฏที่ถูกตั้งเอาไว้และกล้าที่จะบุกไปยังที่ใดก็ได้ที่มันต้องการ ถึงแม้ว่าร่ายกายของมันจะเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นแต่มันก็ไม่เคยสนใจบาดแผลพวกนั้นเลย ดังนั้นถึงแม้แมวบ้านกับแมวป่าจะเป็นแมวเหมือนกัน แต่มันก็เป็นแมวที่ใช้ชิวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุผลที่อธิบายออกไป มันจึงทำให้ชายหนุ่มดึงดูดแอวริลมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เหตุผลเพียงเท่านี้มันยังไม่มากพอจะทำให้หญิงสาวตกหลุมรัก สิ่งสำคัญคือเซี่ยเฟยได้เสี่ยงชีวิตชิงตัวเธอคืนมาโดยไม่สนใจอันตรายใด ๆ
เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้เชื่อมโยงกันแล้วสานสัมพันธ์ก่อเกิดเป็นความรักและความเชื่อใจขึ้นมาในที่สุด
แม้ว่าแอวริลจะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากนัก แต่เธอพอจะรู้สึกได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงกระนั้นตัวเธอเองก็ไม่คิดที่จะหลบหนีปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นมาเช่นเดียวกัน
เซี่ยเฟยค่อย ๆ วางแอวริลลงบนที่นั่ง แต่หญิงสาวกลับคิดภายในใจว่าที่นั่งนี้ไม่สบายเหมือนอ้อมแขนของชายหนุ่มเลย
“ฉันกำลังพาเธอไปที่สนุก ๆ เดี๋ยวอีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ
“อือ ฉันไปไหนก็ได้ ขอแค่ได้อยู่กับนาย” แอวริลพยักหน้ารับพร้อมพูดขึ้นมาเบา ๆ
—
เหตุการณ์เป็นไปอย่างที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้ว่าระบบการรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลมีช่องโหว่อยู่อีกมาก เขาจึงสามารถนำแอวริลหนีออกมาโดยแทบที่จะไม่ต้องใช้ความพยายาม
ไม่กี่นาทีต่อมาทั่วทั้งโรงพยาบาลก็ตกอยู่ในความโกลาหล
สาเหตุที่เขาต้องนำตัวแอวริลออกไปนั่นก็เพราะว่าในกลุ่มบอดี้การ์ดมีนักฆ่าจากสำนักวิหคสังหารแฝงตัวเข้ามาอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเริ่มแผนการล้อมตาข่ายสายลับพวกนี้ก็มีโอกาสที่จะต่อสู้กลับอย่างสิ้นหวัง ซึ่งในเวลานั้นแอวริลจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เป็นคนขี้ระแวงอยู่เสมอและเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงของเขาต้องตกอยู่ในอันตราย!
แผนการล้อมตาข่ายเป็นแผนการที่เขาคิดขึ้นมา ดังนั้นตามปกติเขาก็สมควรจะต้องเป็นคนคอยบัญชาการ แต่เซี่ยเฟยกลับเลือกมาปกป้องแอวริลโดยไม่ลังเล เพราะในความคิดของเขามันไม่มีอะไรนำมาเทียบกับความปลอดภัยของหญิงสาวได้
ถึงแม้แผนการจะล้มเหลวแต่เขาก็ยังมีโอกาสกลับไปจัดการกับศัตรูได้เสมอ แต่แอวริลมีเพียงแค่คนเดียวการสูญเสียเธอไปจึงไม่มีอะไรมาชดเชยได้
—
ในโรงพยาบาล
ผางชิงกำลังรายงานสถานการณ์ให้นิวแมนอย่างสิ้นหวัง
เขาไว้ใจเซี่ยเฟยมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเซี่ยเฟยที่ลักพาตัวแอวริลไป มันจึงทำให้เขาแอบสาปแช่งชายหนุ่มเป็นล้าน ๆ ครั้ง
อย่างไรก็ตามในรัศมีกว่า 20 กิโลเมตรรอบ ๆ โรงพยาบาลถูกควบคุมสัญญาณเอาไว้จนหมดแล้ว ทำให้ทุกการสื่อสารไม่สามารถรอดพ้นการตรวจจับของพี่น้องตระกูลหลิงไปได้
หลิงเซียวนั่งในศูนย์บัญชาการชั่วคราวอย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยพูดอะไรกับทูรามเขาจึงถูกมอบหมายให้มาเป็นผู้บัญชาการอย่างงง ๆ
โดยปกติหลิงเซียวมักจะคอยสั่งการทีมเล็ก ๆ ที่มีสมาชิกเป็นพี่น้องของเขาเท่านั้น และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสคอยบัญชาการภารกิจที่มีผู้ปฏิบัติการหลายร้อยคน
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกขอบคุณเซี่ยเฟยภายในใจ เพราะหากเขาสามารถทำภารกิจครั้งนี้ได้สำเร็จ มันก็มีโอกาสสูงมากที่เขาจะได้รับการชื่นชมจากทูรามและสามารถพัฒนาจากผู้บัญชาการหน่วยย่อยกลายเป็นผู้บัญชาการหน่วยที่ควบคุมผู้คนนับสิบ
“สัญญาณสื่อสารแรกถูกส่งออกไปแล้วครับ เป็นหัวหน้าพ่อบ้านผางชิงติดต่อไปหานิวแมน” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรายงานสถานการณ์
“ตรวจสอบเนื้อหาการสื่อสารแล้วบันทึกเอาไว้” หลิงเซียวสั่งการด้วยเสียงเข้มและถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะดูสงบนิ่ง แต่อันที่จริงฝ่ามือของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ
“สัญญาณสื่อสารชุดที่ 2 ถูกส่งออกไปแล้วครับ” เจ้าหน้าที่อีกคนรายงานขึ้นมา
“ของใคร? ติดต่อไปไหน?”
“เป็นบอดี้การ์ดชื่อ ‘หลงจื่อ’ ติดต่อไปหาเออเนส ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจี่ยนครับ”
“คอยเฝ้าระวังเอาไว้ ยังไม่ต้องบล็อกสัญญาณ”
ในบรรดาบอดี้การ์ดจำนวนมากมันไม่เพียงแต่จะมีสายลับจากสำนักวิหคสังหารเท่านั้น แต่มันยังมีสายลับส่วนตัวของคนในตระกูลเจี่ยนอีกด้วย
สัญญาณการติดต่อครั้งแรกไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะท้ายที่สุดผางชิงที่พึ่งได้รับตำแหน่งหัวหน้าพ่อบ้านในวันนี้ย่อมต้องเป็นคนคอยรายงานเรื่องทุกอย่างให้นิวแมนอยู่แล้ว
แต่สัญญาณการติดต่อจุดที่ 2 เริ่มมีความผิดปกติ เพราะบอดี้การ์ดที่ชื่อหลงจื่อกลับเป็นลูกน้องสายตรงของเออเนส ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหาเขาจะรีบรายงานตรงไปยังผู้อาวุโสของตระกูลเจี่ยนทันที
เป้าหมายของเซี่ยเฟยไม่ใช่คนพวกนี้แต่เป็นสายลับจากสำนักวิหคสังหาร 2 คนที่ซ่อนอยู่ภายในตระกูล เพราะท้ายที่สุดถ้าหากว่าเขาไม่สามารถจัดการกับสายลับได้ เขาก็คงจะไม่สามารถทำใจนอนหลับอย่างสงบได้จริง ๆ
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงที่เขาลักพาตัวแอวริลไปอย่างกะทันหัน เพราะเขาพยายามทำให้ตระกูลเจี่ยนเกิดความโกลาหล ท้ายที่สุดในสถานการณ์ที่ผิดปกติแบบนี้มันย่อมไม่อยู่ในแผนการของศัตรู และสายลับย่อมต้องทำการติดต่อกลับไปเพื่อรายงานหัวหน้าของตัวเองอย่างแน่นอน
สำหรับสายลับอย่างโจวหยูฉิงนั้นเซี่ยเฟยก็ได้เตรียมแผนการเอาไว้ให้เธอแล้ว
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจพบชุดสัญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึงนั่นก็คือสายลับที่แฝงตัวอยู่ไม่ได้มีเพียงแต่สายลับจากคนในตระกูลเจี่ยนเท่านั้น แต่มันยังมีสายลับจากตระกูลขนาดใหญ่อื่น ๆ แฝงตัวอยู่ด้วย
สายลับทุกคนต่างก็รีบรายงานว่าทายาทของตระกูลเจี่ยนถูกลักพาตัวไปเพื่อให้เจ้านายของพวกเขาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ให้ได้มากที่สุด
ตระกูลเจี่ยนเป็นตระกูลที่ครอบครองธุรกิจขนาดใหญ่ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีสายลับถูกแฝงตัวเข้ามาอยู่ด้านในเพื่อพยายามล้วงความลับทางธุรกิจ หรือหาข้อมูลที่พวกเขาอาจจะนำไปใช้ทำประโยชน์
แผนการของเซี่ยเฟยในครั้งนี้คือการล้อมตาข่ายพร้อมกับตีหญ้าให้กระต่ายโผล่หัวออกมา ถึงแม้ว่ากระต่ายบางตัวจะไม่ได้เป็นอันตรายแต่เขาก็ได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้อย่างคาดไม่ถึง
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปแต่พวกสายลับจากสำนักวิหคสังหารก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว มันจึงทำให้หลิงเซียวเริ่มที่จะรู้สึกกังวล
“เซี่ยเฟยเวลาผ่านมา 10 นาทีแล้ว แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากพวกสำนักวิหคสังหารเลย” หลิงเซียวติดต่อไปหาเซี่ยเฟย
“ไม่ต้องห่วง รอดูสัญญาณจากด้านนอกได้เลย ถ้าผมเดาถูกมันคงจะมีข่าวใหม่อีกไม่นาน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
หลิงเซียวพยักหน้ารับและแอบชื่นชมความสงบของชายหนุ่มภายในใจ ที่แท้แผนการที่เซี่ยเฟยสร้างขึ้นมาไม่ใช่การล้อมจับกระต่ายเพียงแค่ไม่กี่ตัว แต่เป็นฝูงกระต่ายทั้งหมดที่ซ่อนตัวอยู่ในโพรง
***************