บทที่ 42 - ผมฆ่า
ผมวิ่งเหยาะกลับไปที่ห้องพัก ไม่มีเพื่อนร่วมห้องคนไหนอยู่ในห้อง ผมคิดว่าพวกเขากลับบ้านกันไปแล้ว ผมรีบเก็บข้าวของ ผมก็อยากกลับบ้านด้วย!
หลังจากที่ผมจัดของของผมเสร็จ ผมไปที่ห้องด้านข้าง หม่าเคอยังอยู่ที่นั่น ตอนนี้เขาฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้เกือบเต็มที่แล้ว
เห็นผมเข้ามา หม่าเคอลุกขึ้นจากเตียง “พี่ใหญ่ พี่กลับมาแล้ว พี่หายดีแล้วเหรอ?”
“ดีขึ้นมากแล้ว นายล่ะ เป็นยังไงบ้าง? ตอนนี้ฉันจะกลับบ้านแล้ว”
หม่าเคอยื่นมือของเขามาทางผม “ไม่มีปัญหา ผมใกล้หายดีแล้ว ผมกำลังจะกลับเหมือนกัน!”
“ถ้าอย่างนั้น ก็บอกลาภาคการศึกษานี้กันเลย ฉันอยากรีบกลับบ้านแล้ว เหมือนว่าจะเป็นโรคคิดถึงบ้านขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว”
“รอผมแป๊บหนึ่ง ผมต้องเก็บของอีกหน่อย พวกเราออกไปด้วยกันเลย”
หม่าเคอเก็บของไม่กี่อย่าง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเราก็มุ่งหน้าออกจากตึกพักนักเรียนไปด้วยกัน
“หม่าเคอ ไห่รื่อได้มาเยี่ยมนายบ้างมั้ย?” ยังไงก็ตาม ผมยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง ที่จะท้าทายกับเขาอีกครั้งหนึ่ง
“เขามา ถามถึงอาการของพี่ด้วย แล้วบอกด้วยว่าพี่ตอนนี้โหดมาก ผมดูแล้วตอนนี้เขาไม่น่าจะเอาชนะพี่ได้ ในอนาคตยังมีโอกาสอีกเยอะ พี่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ การประลองวันนั้นพี่ทำได้ดีจริง ๆ”
“ฮิฮิ ฉันจะรอจนถึงปีหน้า มันน่าจะมีโอกาสหลายครั้งในการขอท้าประลองกับไห่รื่อ”
ที่ประตูทางเข้าของโรงเรียน ตอนที่เราจะแยกกัน “ดูแลตัวเองด้วย” ผมตบไหล่ของเขา หม่าเคอตาแดง ๆ
“พี่ใหญ่ ตอนที่อยู่กับพี่มันสนุกจริง ๆ พี่ก็ดูแลตัวเองด้วยเหมือนกัน บ้านของผมอยู่ในเมืองหลวงนี่เอง ผมไปก่อนนะ”
“แล้วเอาไว้เจอกัน” ผมหันหลังกลับ รีบวิ่งออกมา ไม่งั้นผมกลัวว่าผมอาจจะไม่อยากกลับ
ผมได้ยินเสียงเรียกมาจากระยะที่ไม่ห่างออกไปนัก “จางกง”
ผมหันไปมองรอบ ๆ แล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที “อาจารย์ซิว! อาจารย์มาจริง ๆ ผมนึกว่าอาจารย์จะไม่มารับผมกลับบ้านแล้ว”
อาจารย์ซิวยังมีสภาพเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มีร่องรอยของความดีใจอยู่บนใบหน้าอันเคร่งเครียดนั้น
“จะไม่มาได้ยังไงล่ะ? ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
อาจารย์ซิวกับผม เริ่มออกเดินทางไปด้วยกัน
“อาจารย์ครับ! อาจารย์ได้เจอพ่อกับแม่ของผมบ้างมั้ย?”
“ก่อนที่อาจารย์จะมา ก็ไปเยี่ยมบ้านเธอมาก่อนแล้ว พวกเขาสบายดี แค่คิดถึงเธอมากหน่อยเท่านั้น เธอล่ะ อยู่ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง?”
“ยอดเยี่ยม ไม่ใช่ว่าผมได้ที่ 1 ในการสอบเข้าเหรอ? ตอนนี้ผมเป็นที่ 1 ของนักเรียนชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนแล้วด้วยนะ”
“จริงรึ? เธอเป็นอันดับ 1 ของทั้งชั้นปีที่ 2?”
“ใช่แล้ว! ผมยังหาเพื่อนใหม่ได้ด้วย ชื่อหม่าเคอ เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยครับ” ผมเริ่มปล่อยคำพูดให้ไหลออกมาไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องในโรงเรียน เราพูดคุยกันอย่างมีความสุขขณะที่เดินไปบนถนน ผมแค่ปิดบังเรื่องที่ผมใช้เวทย์ ‘แบ่งชีวิต’ เพื่อช่วยชีวิตเสี่ยวจิน ผมไม่อยากให้อาจารย์ซิวเป็นห่วง แล้วผมก็ไม่อยากให้ครอบครัวของผมรู้เรื่องนี้ด้วย พออาจารย์ซิวรู้ว่าผมได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ตี้ เขาชื่นชมความโชคดีของผมไม่หยุด แล้วยังเตือนผมซ้ำไปซ้ำมาว่าให้ตั้งใจเรียน และฝึกฝนให้หนัก ภายใต้คำแนะนำสั่งสอนของอาจารย์ตี้ เขายังบอกอีกว่าอาจารย์ตี้นั้นเป็นสุดยอดของนักเวทย์ในทวีปนี้เลย ผมไม่รู้หรอกว่าผมนั้นโชคดีแค่ไหนที่ได้เป็นลูกศิษย์
เราพักเป็นเวลาสั้น ๆ ตอนที่ไม่มีคนอยู่รอบ ๆ เราจะใช้การเคลื่อนย้ายระยะใกล้เดินทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความรวดเร็ว เราเดินทางมาได้ประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของระยะทางทั้งหมดแล้ว เมื่อเรามาถึงป่าที่ไม่มีชื่อแห่งหนึ่ง นั่นแหละ ที่ที่ปัญหาเล็ก ๆ เกิดขึ้น
กลุ่มคนประมาณ 1 โหล วิ่งตัดออกมาจากป่าทึบ ขวางทางของพวกเรา พวกเขาทั้งหมดดูแข็งแกร่งมาก
อาจารย์ซิวส่งสายตาให้ผม แล้วกระซิบ “จางกง อาจารย์จะไปดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น? รออาจารย์อยู่ตรงนี้ เดี๋ยวตอนอาจารย์คุยกับพวกนั้นเสร็จแล้ว เราจะไปกันต่อ”
“สุภาพบุรุษ มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
หัวหน้าร่างกำยำบิดปาก แสยะยิ้ม “ไม่มีปัญหาอะไร มันก็แค่ตอนนี้พวกเราเงินขาดมืออยู่นิดหน่อย ไม่พอที่จะไปเล่นสนุกกับสาว ๆ น่ะ ดูท่าแล้วพวกแกน่าจะเป็นนักเวทย์ พวกข้าขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า อย่าขัดขืนจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น หึหึ! พวกข้าไม่ได้ใจดีหรอกนะ ส่งเงินมาซะดี ๆ”
“โอ้! ท่านสุภาพบุรุษผู้ยากไร้ นี่ครับ ผมมีอยู่ 10 เหรียญทอง ทำไมไม่เอาเงินนี้ไปหาอะไรดื่ม แล้วปล่อยให้พวกเราผ่านไป?”
หัวหน้ากลุ่มออกอาการโกรธ “แกคิดว่าพวกข้าเป็นขอทานหรือยังไงกันห่ะ? คิดว่าเงินแค่นี้มันพอที่จะทำให้พวกข้าปล่อยผ่าน? ไม่มีทาง มีอะไรส่งมาให้หมด!” ทั้งกลุ่มดูเหมือนว่าพร้อมจะกระโจนเข้ามาที่พวกเรา
“เอาล่ะ เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนึง เดี๋ยวผมกลับไปเอามาให้” อาจารย์ซิวรีบเดินกลับมาที่ข้างผม แล้วกระซิบ “จางกง พวกโจรกลุ่มนี้ ดูจากความผันผวนของพลังเวทย์แล้ว ไม่ค่อยแข็งแกร่งเท่าไรนัก ให้อาจารย์ดูผลการฝึกของเธอหน่อย”
“อะไรนะ? อาจารย์อยากให้ผมสู้? อาจารย์ครับ! ผมไม่เอาด้วยหรอก ทำไมอาจารย์ไม่สู้เองล่ะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ผมกลัวจริงจัง
“ไม่น่าถาม! การใช้เวทย์มนต์ในการต่อสู้จริง จะทำให้มันพัฒนาขึ้น อาจารย์จะคอยช่วยป้องกันอยู่ข้าง ๆ สู้เลย ไม่ต้องกลัว” อาจารย์ซิวหยุดยิ้ม เงยหน้าของเขาขึ้น
สมกับฉายาอาจารย์ปีศาจที่ผมตั้งให้ ผมรู้ว่าผมหลบจากเรื่องนี้ไม่พ้น ผมทำได้แค่เพิ่มความกล้าให้ตัวเอง แล้วเดินออกไปด้านหน้า “ท่านสุภาพบุรุษ มองดูผู้น่าสงสารอย่างพวกเราสิ พวกเราไม่มีเงินเลยนะ พวกท่านปล่อยเราไปเถอะ”
“หยุดไร้สาระได้แล้ว!” พูดแบบนี้เหมือนกับตบหน้าเขา เขาพุ่งเข้าหาผมทันที จากท่าทีผ่อนคลาย ผมเคลื่อนย้ายถอยออกมา 5 เมตร ร่ายเวทย์ป้องกันติดต่อกันหลายอย่างลงบนตัวเอง
“นักเวทย์ ไอ้เด็กนี่เป็นนักเวทย์จริง ๆ พวกเราเข้าไปพร้อมกัน” กลุ่มโจรตัวใหญ่ 10 กว่าคนพุ่งมาทางผม
ผมต้องทำยังไง? ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงมาก่อน ผมรู้สึกแตกตื่น! ลืมมันไปให้หมด ผมแต่ต้องสู้ ผมจะร่ายเวทย์ที่แรงที่สุดของผมใส่พวกเขา แล้วมันก็จะจบ ผมเคลื่อนย้ายเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งตัวเอง ไปรอบ ๆ หลังจากนั้นผมร่ายคาถาโจมตีที่ทรงพลังที่สุด “โอ้! ธาตุแสงผู้ยิงใหญ่ ได้โปรดอนุญาตให้ผมขอยืมความแข็งแกร่งอันไร้ที่เปรียบของท่าน ทำให้แสงอันไร้สิ้นสุดบนโลกนี้ส่องแสงขึ้น!” ด้วยตัวผมเป็นศูนย์กลาง อาณาจักรพิสุทธิ์ปล่อยแสงสว่างจ้าอันทรงพลัง
“หวา! ทำไมใช้เวทย์ที่แรงขนาดนั้น?” จากเดิมที่อยู่ไม่ไกลนัก อาจารย์ซิวรีบเคลื่อนย้ายออกไปจากเขตอันตราย
เพราะว่ามันไม่มีกำแพงเวทย์ หรือสิ่งป้องกันใด ๆ อยู่เลย ทำให้อาณาจักรพิสุทธิ์แสดงพลังของมันได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่างในรัศมี 200 เมตรถูกปกคลุมไปด้วยรังสีที่ทำให้สายตาพร่าของแสงสีขาว กลุ่มโจรที่ตกอยู่ในเวทย์อันทรงพลังของผมกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว! ผมเห็นแค่ตอนที่เวทย์มนต์ปะทะเข้ากับพวกเขา ผมไม่ได้เห็นว่าหลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่าง แล้วเปลี่ยนเป็นกองเถ้าถ่าน หลังจากนี้คุณจะไม่มีทางหาพวกเขาเจอ
หลังจากที่ผมหยุดปล่อยพลังเวทย์ อาจารย์ซิวเคลื่อนย้ายตัวเองกลับมาอยู่ข้างผม “จางกง เวทย์มนต์ของเธอน่าเกรงขามจริง ๆ เวทย์ที่เธอเพิ่งใช้ไปมันคือเวทย์อะไร? มันถึงกับทำให้อาจารย์รู้สึกกลัว ทำไมเธอต้องใช้เวทย์ที่แรงขนาดนั้นเพื่อรับมือกับวายร้ายระดับต่ำพวกนี้? ใช้ธนูแสงเสริมพลังก็เพียงพอแล้ว”
ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ ผมทำอะไรไม่ถูก เลยใช้เวทย์อาณาจักรพิสุทธิ์ มันเป็นเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดของผมร่ายได้ อาจารย์ซิว พวกนั้นหายไปไหนแล้ว? ผมไม่ได้รับรู้เลยว่า ผมฆ่าพวกเขาไปแล้ว
“พวกเขา...พวกเขากลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว เธอนึกว่าเธอยังอยู่ในโรงเรียนหรือยังไง? พวกนี้คนที่เก่งที่สุดก็แค่นักเวทย์ชั้นสูงเท่านั้น”
“อะไรนะ! ผมฆ่าพวกเขา?” สายตาของผมว่างเปล่าในทันที
“ลืมมันไปเถอะ ปล่อยให้มันผ่านไป ยังไงเสียคนพวกนี้ก็เป็นโจร” อาจารย์ซิวปลอบผม ผมฆ่าคน แต่มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ อย่างแรก พวกนี้เป็นกลุ่มโจร อย่างที่ 2 ผมยังเป็นเด็ก อย่างสุดท้าย ประเด็นที่สำคัญที่สุด ผมเป็นนักเรียนที่โดดเด่นของโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ผมเป็นเสาหลักของอาณาจักร แน่นอนว่าผมมีสิทธิพิเศษ มากไปกว่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าผมฆ่าคน?