บทที่ 158: หูเจียวเจียวกลายเป็นฝันร้ายของเด็กในเผ่า
ในขณะที่หูหมินคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกสาวต้องทำงานหนัก หูเจียวเจียวได้จัดเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อย แล้วดึงผู้เป็นแม่ไปนั่งบนเบาะหนังสัตว์ ก่อนที่เธอจะวางโจ๊กข้าวฟ่างอุ่นลงตรงหน้าอีกฝ่าย
“ท่านแม่ ข้าทำสิ่งนี้มาให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านลองชิมดูสิ ตอนนี้ท่านมีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ช่วงนี้ท่านอย่าโหมทำงานหนักเลย”
ภูตหญิงนั้นอ่อนแอกว่าภูตชาย อีกทั้งภูตที่อายุเยอะมักจะเจ็บป่วย เธอจำได้ว่าในหนังสือบรรยายว่าหูหมินต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยหนักและสุขภาพของนางก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
ในฐานะที่หญิงสาวเป็นสมาชิกครอบครัวของตระกูลหู พี่ชายทั้ง 4 ของเธอบางคนเสียชีวิต หรือไม่ก็สูญหายไประหว่างนั้น และไม่มีใครสนใจเก็บศพของพวกเขาเลยสักคน
ส่วนเจ้าของร่างเดิมที่มีชีวิตเพียงลำพังมีสภาพกลายเป็นหมูแช่ในถังน้ำโดยฝีมือลูกของเจ้าจอมวายร้าย
ด้วยเหตุนี้ หูเจียวเจียวจึงไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับหูหมิน แม่ที่ดีเช่นนี้จะต้องมีชีวิตที่ยืนยาว!
“แม่สบายดี แม่บอกแล้วว่าถ้าได้พักสักคืนก็ดีขึ้นแล้ว เจ้าก็ไม่เชื่อ เจ้าเห็นไหมว่าวันนี้แม่มีพลังมากแค่ไหน แม่ไม่ได้รู้สึกแย่เลย” หญิงวัยกลางคนหยิบชามโจ๊กข้าวฟ่างขึ้นมากินด้วยรอยยิ้ม
ทางด้านจิ้งจอกสาวที่ได้ยินคำพูดรวมถึงสภาพของอีกฝ่ายก็คิดว่ามันเป็นอย่างที่นางกล่าวจริง ๆ
เธอสันนิษฐานว่าผลของการให้ยาผ่านสายน้ำเกลือนั้นดีมากจนทำให้แม่จิ้งจอกหายขาดแล้ว
หูเจียวเจียวจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และหลังจากรับประทานอาหารเช้ากับหูหมิน เธอก็กำชับคนเป็นแม่ว่าอย่าหลบเลี่ยงไม่บอกอะไรเธออีกถ้านางเกิดป่วยขึ้นมา
“แม่รู้ แม่สุขภาพดีจะตาย บางทีแม่อาจจะไม่ป่วยอีกเลยก็ได้!” หูหมินตบแขนของตัวเองพลางพูดอย่างอารมณ์ดี
“ยังไงก็ตาม นี่คือเนื้อย่างสำหรับลูก 5 คนของเจ้า เอากลับไปให้พวกเขาที่บ้านเถอะ เจ้ายังต้องไปสร้างบ้านหินและดูแลลูก ๆ อีก เจ้าจะได้ไม่เหนื่อย”
หูหมินหันกลับมายัดเนื้อย่างจำนวนมากใส่มือลูกสาวสุดที่รัก ในขณะที่เธอคาดคะเนน้ำหนักของเนื้อทั้งหมดนี้คร่าว ๆ ว่าอยู่ที่ประมาณ 18-24 กิโลกรัม
“ถ้าขาดอาหารหรือหนังสัตว์ เจ้าก็รีบมาบอกแม่ล่ะ” หญิงวัยกลางคนผู้นี้มักจะเป็นห่วงลูกคนสุดท้องเสมอ
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านแม่แทนลูก ๆ ของข้าด้วย” หูเจียวเจียวรู้ว่านี่คือความปรารถนาดีของอีกคน ดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธเนื้อที่นางมอบให้
หลังจากที่หญิงสาวออกจากบ้านของหูหมิน เธอก็เดินไปหาหูชิงเกาผู้เป็นพี่รองที่อยู่ข้างบ้านพ่อแม่จิ้งจอก และเตือนความจำเขาว่าให้นำถ่านที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจากเตาเผากลับมาให้แม่ของตน จากนั้นเธอก็กลับไปพร้อมกับเนื้อย่าง
เนื่องจากจิ้งจอกสาวต้องการใช้ประโยชน์จากการที่หลงโม่ไม่อยู่เพื่อดูแลงาน และพยายามย้ายครอบครัวทั้ง 7 ของเธอไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ให้เร็วที่สุด
ระหว่างทางกลับ หูเจียวเจียวพบเหตุการณ์แปลกประหลาด นั่นก็คือ ภูตที่อายุยังน้อยจำนวนมากกำลังวิ่งวุ่นในเผ่าพร้อมกับแบกท่อนซุงขนาดใหญ่กว่าร่างสัตว์ของพวกเขา 2-3 เท่า
แม้แต่เด็กที่มีอายุ 10 ขวบต้น ๆ ซึ่งเพิ่งทำความคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงระหว่างร่างสัตว์กับร่างมนุษย์ก็ยังวิ่งเต็มฝีเท้าตลอดเวลา
ทางด้านหูเจียวเจียวได้เห็นเด็กมากกว่า 20 คนที่มีลักษณะเช่นนี้ตลอดทาง ราวกับมีคนขี่อยู่บนหลังแล้วกำลังเฆี่ยนตีพวกเขาด้วยแส้เพื่อให้แต่ละคนวิ่งแบกท่อนซุงไปเรื่อย ๆ
จิ้งจอกสาวอดที่จะรู้สึกสับสนไม่ได้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“เด็กน้อย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” หูเจียวเจียวตัดสินใจคว้าไหล่เด็กคนหนึ่งมาถาม
อีกฝ่ายหันมามองคนที่รั้งตัวเองไว้ พอเขาเห็นว่าเป็นแม่จิ้งจอก เขาก็ตัวสั่นสะท้านทันที พร้อมกับดวงตาที่ตื่นตระหนกราวกับว่าเขากำลังเห็นปีศาจ
“ข้ากำลังเก็บไม้ไว้เพื่อทำถ่าน”
เด็กคนนั้นตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งจ้ำอ้าวหนีไป
หลังจากที่หญิงสาวได้รู้คำตอบ เธอก็ยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้น เพราะงานทั้งหมดนี้ควรเป็นงานของผู้ใหญ่ไม่ใช่หรือ?
ช่างเป็นเด็กที่ขยันขันแข็งจริง ๆ!
ปัจจุบันทุกคนในเผ่ากำลังวุ่นอยู่กับการเผาถ่านหรือ?
เมื่อวานนี้เธอคุยกับหัวหน้าเผ่าว่าเป็นไปไม่ได้ที่ภูตทุกคนในเผ่าจะมาเรียนรู้วิธีทำถ่าน ถ้าพวกเขาเผาถ่านที่บ้านเองก็จะไม่มีภูตคนไหนออกไปล่าเหยื่อ
ภูตทั้ง 4 ที่จิ้งจอกสาวสอนเมื่อวานจึงกลายเป็นคนที่มีหน้าที่ในการเผาถ่าน หากภูตคนอื่นต้องการถ่าน พวกเขาจะต้องนำไม้มาให้ภูตชาย 4 คนเผาและจ่ายเหยื่อให้อีกฝ่ายเป็นค่าตอบแทน
สิ่งที่หูเจียวเจียวไม่รู้ก็คือ ณ เวลานี้ ในบ้านของเด็กแต่ละคนมีผู้หญิงถือไม้เท้าเพื่อกระตุ้นพวกตนอยู่
“เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า ทำไมเจ้าขนไม้ได้ช้าเหมือนเต่าขนาดนั้น? ดูหูเจียวเจียวสิ นางแบกถ่านเดินได้เร็วกว่าเจ้าเสียอีก!”
“ทั้งที่ไป๋ฉางก็ออกจะแข็งแรง แต่ทำไมเขาถึงเทียบกับผู้หญิงไม่ติดเลย!”
“แบบนี้เทพอสูรผิดหวังในตัวเจ้าแน่นอน พยายามให้มากกว่านี้อีก!”
เนื่องจากเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัยไม่จำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ แต่เด็กทั้งหลายยังสามารถทำงานขนฟืนได้ ดังนั้นการที่ภูตชายในครอบครัวต้องออกไปล่าเพื่อสะสมอาหารสำหรับฤดูหนาว พวกเขาจึงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นอีก
นั่นจึงกลายเป็นหน้าที่ของเด็ก ๆ ที่อยู่ในเผ่า นอกจากมันจะช่วยให้ทุกคนได้ออกกำลังกายแล้ว ยังสามารถกักเก็บฟืนไว้เพื่อทำถ่านได้มากขึ้นอีกด้วย การทำงานเก็บฟืนเลยเป็นทางเลือกที่ดี
แม้ว่าแม่ของพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะหูเจียวเจียวได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครมาดูถูกตนได้เช่นกัน!
ภูตหญิงทุกคนในเผ่าคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีสำหรับพวกนาง
และแม่จิ้งจอกก็กลายเป็นฝันร้ายของเด็กทั้งหมดในชั่วข้ามคืน...
...
ในเวลาเดียวกัน
ทางด้านของภูตที่ออกไปทำภารกิจขนดอกเกลือ เมื่อกลุ่มภูตที่เชิงเขาได้ยินเสียงหอนของหมาป่า สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป และทุกคนก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้น
“เร็วเข้า ภูตพวกนั้นตามหลังเรามาแล้ว ถ้าเราวิ่งเร็วพอ พวกมันก็จะไล่ตามเราไม่ทัน” หูเฉียงสั่งให้สมาชิกในกลุ่มเร่งความเร็วขึ้นทันที
การมาถึงของหลงโม่และเป้าเฟิงทำให้น้ำหนักบรรทุกลดลง รวมถึงเพิ่มความเร็วในการเดินทางได้มากขึ้น
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ไม่มีใครต้องการรั้งคนอื่นไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งหนีเต็มกำลัง
แต่ไม่นานภูตชายทั้ง 10 ก็หยุดลงอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าจะมีเสียงจากภูตหมาป่าอยู่ข้างหน้า...” ภูตคนหนึ่งพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
“งั้นอ้อมไปอีก! เร็วเข้า เปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น!” หูเฉียงที่เป็นผู้นำกลุ่มตอบอย่างรวดเร็ว
สิ้นเสียงของชายวัยกลางคน ภูตอีก 2 คนก็พูดเสียงสั่นสะท้าน
“มันอยู่ทางซ้ายด้วย...”
“ถูกต้อง!”
“ท่านพ่อ พวกเราดูเหมือนจะถูกล้อมไว้แล้ว” หูชิงซานบอกความจริงอย่างใจเย็น
ขณะนี้เสียงหมาป่าหอนดังไปทั่วประหนึ่งว่าพวกมันอยู่ทุกซอกทุกมุม
บัดนี้เหล่าภูตที่ออกมาขนดอกเกลือหันหลังชนกัน ในขณะที่เฝ้าสังเกตรอบทิศอย่างระแวดระวัง
ไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงหอนของหมาป่าก็ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ ส่งผลให้สมาชิกในกลุ่มยิ่งตื่นตระหนก
“หูเฉียง ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?”
“ข้าไม่รู้ว่าฝูงภูตหมาป่ากลุ่มนี้มาจากไหน หากฟังจากเสียง อย่างน้อยพวกมันก็มีหลายร้อยคน พวกเราสู้กับพวกมันไม่ไหวแน่!”
“เราต้องสู้กับพวกมัน! ข้าไม่รู้ว่าหมาป่าพวกนั้นมาจากไหน ถ้ามันกล้าขโมยของของเรา มันก็สมควรตาย!”
ในช่วงวินาทีชีวิต อารมณ์ของเหล่าภูตชายก็ถูกกระตุ้นให้ตื่นเต้นมากขึ้น
จังหวะนั้นเอง เป้าเฟิงก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าจะรั้งพวกมันไว้เอง พวกเจ้าใช้โอกาสนี้หาทางหนีไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเจ้าต้องเอาดอกเกลือกลับไปที่เผ่าให้ได้!”
นี่คือการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อถ่วงเวลาศัตรูไว้ เสือดาวหนุ่มไม่ได้คิดที่จะเอาชีวิตรอดกลับไปยังเผ่าอีก
“ไม่!” หูชิงซานขมวดคิ้วปฏิเสธเสียงดัง
เขาไม่สามารถปล่อยให้เป้าเฟิงไปตายเพียงเพราะดอกเกลือ แล้วต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับทุกคน!
“ไม่มีทางอื่นแล้ว เสียงทางซ้ายเบาที่สุด และภูตที่อยู่ทางนั้นน่าจะมีคนอยู่น้อยที่สุด ไปจากที่นี่กันเถอะ…”
ยามนี้ภูตเสือดาวทำหน้าน่าเกรงขามโดยไม่รอความคิดเห็นของคนอื่น แล้วเขาก็วิ่งนำหน้าไปทางซ้ายทันที
ทว่าชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าได้เพียง 2 ก้าว หลงโม่ที่เงียบมาตลอดก็ยื่นมือมากดไหล่ของเขาไว้
“เจ้ากำลังทำอะไร…” เสือดาวหนุ่มไหล่แทบทรุด เขาพยายามผลักมือของอีกฝ่ายออกไป แต่เขาไม่สามารถขยับไหล่ที่ถูกตรึงไว้ได้เลย
“???”
ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมากตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ข้ามีวิธีหนึ่ง” มังกรหนุ่มชำเลืองมองไปที่เป้าเฟิงอย่างเย็นชา “เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบไปตาย”
จากนั้นเขาก็หยิบถุงหนังสัตว์ใบเล็ก 2 ใบออกจากห่อหนังสัตว์สวยงามที่เขานำติดตัวมาด้วย และเปิดถุงใบเล็กใบหนึ่ง
ระหว่างนี้ภูตทั้งหมดในกลุ่มมองดูหลงโม่อย่างมีความหวังพลางเลื่อนสายตาไปมองของในมืออีกคน พวกเขาเห็นว่าถุงหนังสัตว์ขนาดเท่าฝ่ามือถูกดึงเปิดออก ก่อนจะเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน...