บทที่ 150 ทลายขีดจำกัด (อ่านฟรี)
บทที่ 150 ทลายขีดจำกัด
"เขาเป็นอวตารของฟาร์เวสต์ ที่เกิดจากพระมเหสีและจักรพรรดิสุริยันต์อันรุ่งโรจน์ เจ้าชายองค์สุดท้องของจักรวรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้ที่ยังไม่ตื่นเท่าที่เคยมีมาในฟาร์เวสต์" แอร์โล่ยกย่องเขา
จักรพรรดิ์มีสตรีเพียงสองคนเป็นภรรยา คือจักรพรรดินีและพระมเหสี
คนแรกคือคนที่เขารักอย่างจริงจัง คนที่สองตกลงที่จะมาอยู่กับเขาด้วยความสมัครใจของเธอเอง
และเขาไม่ได้ปฏิเสธความปรารถนาของเธอด้วยเหตุผลบางประการ
การมีเธอเป็นภรรยาทำให้เขามีลูกชายที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่ถึงแม้เขาจะรักและทะนุถนอมทั้งภรรยาคนที่สองและลูกชายคนสุดท้องของเขาอย่างมาก แต่เขาก็ยังแต่งตั้งให้ลูกชายคนโตของเขาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ แม้ว่าในทางเทคนิคแล้วลูกคนสุดท้องของเขามีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาจึงทำเช่นนี้
แต่บางคนกล่าวว่าจักรพรรดิลำเอียง
"เขามีความพิเศษอะไรถึงได้รับการยกย่องเช่นนี้" รอยถาม
แอร์โล่หัวเราะให้กับความไม่รู้ของเขา "เขาเกิดมาพร้อมกับประตูออร่าที่เปิดโดยธรรมชาติ และได้รับทรัพยากรทั้งหมดที่เขาต้องการเพื่อบรรลุถึงจุดสูงสุดที่เป็นที่รู้จักของขอบเขตแรก ปัจจุบันเขาอยู่ที่ระดับ 12 ซึ่งเรียกว่าระดับตำนาน และมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าเขาใกล้จะถึงระดับที่ 13 ในตำนานแล้ว นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดกระแสแล้ว แต่กระนั้นสิ่งที่พูดมานั้นน่าสนใจน้อยที่สุดเกี่ยวกับเขาแล้ว”
"ยังมีอีก?" รอยขมวดคิ้ว
แอร์โล่ทำให้รอยใจจดใจจ่ออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทิ้งระเบิดอีกลูกหนึ่งใส่เขา
"เนื่องจากสายเลือดอันทรงพลังของจักรพรรดิสุริยันต์ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา มันเสริมสร้างกระดูก อวัยวะ และหลอดเลือด ดังนั้นตั้งแต่เขายังเป็นทารกแรกเกิด เขาก็มีพละกำลังเทียบเท่ากับม้านับพันตัว นั่นมันทรงพลังมากกว่านักรบฝึกหัดขอบเขตฝึกฝนร่างกายขั้นที่ 10 เสียอีก”
“แต่สิ่งที่ทำให้เขาพิเศษอย่างแท้จริงคืออำนาจของจักรพรรดิ” แอร์โล่กล่าวเสริม
ดวงตาของรอยเบิกกว้างจนแทบฉีก
ผู้มีอำนาจของจักรวรรดิมีจำนวนน้อย มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มนุษย์รู้จัก
คนแรกคือจักรพรรดิมีหนึ่ง
และ... คนที่สองอยู่กับฟาร์เวสต์
มีแค่สองคนเท่านั้น
แล้วลูกชายของพวกเขาจะมีมันได้อย่างไร?
เขาคือคนที่สามงั้นหรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขามีมันได้ยังไง?
“เขามีอำนาจจักรพรรดิด้วยเหรอ!” รอยถามด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก
แอร์โล่ส่งสัญญาณให้เขาสงบสติอารมณ์และพูดว่า "อย่าตกใจกับสิ่งที่ข้าจะบอกเจ้า พระมเหสีนั้นใช้พลังส่วนหนึ่งของเธอกลั่นให้เป็นพลังที่ทรงอำนาจและฝังไว้ในเจ้าชายคนสุดท้องของเธอ ส่งผลให้เขาได้รับความสามารถในการควบคุม รวบรวม ปลดปล่อย และควบแน่นออร่ามากพอที่จะทำให้มันกลายเป็นรูปร่างที่จับต้องได้ เหมือนกับปรมาจารย์ออร่าที่แท้จริง เขายังไม่ตื่นขึ้นด้วยซ้ำแต่เขาแข็งแกร่งกว่า ผู้เชี่ยวชาญอาวุธและสามารถรับมือกับปรมาจารย์ออร่า นั่นแหละเขาถึงเรียกว่าผู้ได้รับพร"
"เชี่ยอะไรเนี่ย! เขาเป็นเพียงเกมเมอร์เทพทรูที่ชนะด้วยการใช้เงินหลายพันดอลลาร์ที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับตำนานทั้งหมดไม่ใช่หรือ!" “ข้ายากจนค้นแค้นขนาดนี้จะไปเอาชนะเขาได้อย่างไร” รอยอุทาน
“เจ้าพึมพำอะไร” แอร์โล่เลิกคิ้วมองรอย
ไม่มีคำว่าเกมเมอร์ในฟาร์เวสต์!
"อ...อ๊ะ" เมื่อพบว่าเขาพูดความคิดของเขาออกมาดัง ๆ รอยก็เหงื่อตก
แอร์โล่จ้องมองที่เขา พยายามมองผ่านเขา
รอยหลบสายตาของเขาและเกาหลังศีรษะด้วยความประหม่า
"ไม่มีอะไร."
รอยพยายามพูดให้ฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด
แอร์โล่คิดว่าบางทีเขาอาจหูฟาดไป
"ข้าจะเอาชนะสัตว์ประหลาดอย่างเขาได้อย่างไร"
แตกต่างจากรอยเจ้าชายที่อายุน้อยที่สุดนั้นได้รับข้อได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ เป็นพันไมล์ เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับคาบช้อนทองในปากมาด้วย
อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะได้เรียนรู้วิธีสามารถต่อกรกับปรมาจารย์ออร่าได้
เหนือกว่านักรบฝึกหัดคือผู้เชี่ยวชาญอาวุธ
และเหนือกว่าทั้งสองขอบเขตคือปรมาจารย์ออร่า
มันไม่ง่ายเลยที่นักรบฝึกหัดจะเอาชนะคนที่อยู่เหนือพวกเขาสองขั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
นักรบฝึกหัดสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญอาวุธได้หากพวกเขามีชิ้นส่วนวิญญาณหรือไอเท็มรูน
นักรบฝึกหัดอย่างรอยสามารถหยิบผู้เชี่ยวชาญอาวุธเหมือนเลือกกะหล่ำปลีที่แผงขายริมถนนแล้วหั่นมันเหมือนแครอท
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับปรมาจารย์ออร่า แม้เขาจะเป็นนักรบฝึกหัดแข็งแกร่งอย่างมาก สุดท้ายเขาก็ได้แต่ก้มศีรษะยอมรับความพ่ายแพ้
และเจ้าชายผู้ได้รับพรนั้นมีพลังเท่าเทียมกับปรมาจารย์ออร่า เพราะกลโกงมากมายของเขา
ดังนั้นจึงอธิบายได้ว่ารอยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แม้จะงัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้ก็ตาม
"ข้าจะเริ่มต้นด้วยการสอนเทคนิคที่จะช่วยให้พลังของเจ้าไปถึงระดับของผู้ที่ได้รับพร" แอร์โล่เตือนว่า "มันเป็นสิ่งที่เจ้าจะสามารถต่อกรกับเจ้าชายที่อายุน้อยที่สุดในการประลองได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว"
รอยได้รับการเตือนอีกครั้งว่าเขาจึงตอบอย่างยอมรับความจริงว่า "ข้าเข้าใจ."
แอร์โล่อธิบายต่อว่า "เทคนิคที่ข้าจะสอนเจ้าเรียกว่าทลายขีดจำกัด มันจะช่วยให้เจ้าทำลายโซ่แห่งข้อจำกัดที่จำกัดศักยภาพของเจ้าเอาไว้ ที่บางเรียกข้อจำกัดของเราว่าเป็นสิ่งถูกสาปโดยเหล่าทวยเทพ และเว้นแต่เราจะได้รับพรจากเหล่าเทพและปลุกพลังให้ตื่นขึ้น เราจะไม่สามารถก้าวข้ามระดับพลังใด ๆ ได้ แต่นั่นเป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ใช้หลอกและปลอบโยนผู้อ่อนแอ
"ความจริงก็คือ ถ้าเจ้าอดทนและพยายามมากพอ เจ้าจะสามารถหลุดพ้นจากขีดจำกัดของพลังเดิมของเจ้าโดยไม่รู้ตัว กำไรที่ได้รับจะน่าทึ่งมากจนสามารถถือว่าเป็นปาฏิหาริย์เลยก็ว่าได้ แต่ปาฏิหาริย์นั้นยากที่จะสร้าง เจ้าจะต้องข้ามผ่านนรกถึงจะสามารถเรียนรู้และฝึกฝนมันได้”
รอยถูกล่อลวงเรียบร้อย
ห่วงโซ่แห่งข้อจำกัดคือสิ่งที่โกสด์วอคเกอร์พยายามทำลาย
เนื่องจากการแทรกแซงของรอยเขาจึงทำลายโซ่ได้เพียงอันเดียว
อย่างไรก็ตาม การทำลายหนึ่งอันทำให้สถานะของเขาเพิ่มมากกว่า 69 แต้มในครั้งเดียว แถมแถบ HP ของเขายังเพิ่มขึ้นด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำลายได้สองอัน?
รอยน่าจะตายไปแล้ว
เพราะมันน่าทึ่งมาก รอยจึงต้องการเรียนรู้เทคนิคนี้ เพื่อสัมผัสความมหัศจรรย์ของมัน และทำลายโซ่ตรวนที่จำกัดศักยภาพของเขาออกไป
ไม่ต้องพูดถึงว่านี่คือวิธีเดียวที่จะทำให้เขาสามารถเป็นคู่มือของผู้ที่ได้รับพรได้
ริมฝีปากของรอยฉีกออก เขายิ้มเหมือนพร้อมที่จะกอดต้นขาทองคำ
"ข้าต้องการเป็นผู้ตื่นที่แข็งแกร่งที่สุดและโค่นล้มผู้ไร้เทียมทาน! ท่านลุง ได้โปรดรับข้าเป็นลูกศิษย์ของท่าน!!"
เมื่อเห็นเขาแสดงแบบนั้นแอร์โล่ก็หัวเราะในใจ ‘ดูท่าทางเขาสิ เขาไม่สนใจคำเตือนของข้าเลย เขากำลังจะได้สัมผัสกับนรก แต่เขากลับตัวสั่นด้วยความสุขและความตื่นเต้น คิดว่านี่จะเป็นเค้กที่กัดกินง่ายงั้นหรือ รอยยิ้มของเขากำลังจะจางหายไปในไม่ช้า’
ทลายขีดจำกัดไม่ใช่เคล็ดลับที่ง่ายที่จะฝึกฝน ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงความเชี่ยวชาญ
นั่นเป็นเหตุผลที่โนอาห์และอาเธอร์ไม่ได้รับการสอนมัน
บาดัลฟ์หยุดแอร์โล่ไม่ให้สอนพวกเขาเกี่ยวกับทักษะทลายขีดจำกัด ด้วยเหตุผลหลายประการ
สายเลือดของพวกเขาไม่บริสุทธิ์เกินไป และพวกเขาคงไม่รอดชีวิตจากความเจ็บปวดอันเลวร้ายที่บอลด์วินต้องประสบเพื่อทำลายขีดจำกัดของพวกเขา
แต่ไม่ใช่สำหรับรอย
เขาเป็นบอลด์วินที่แท้จริงเพราะเขามีทั้งประตูเวทย์และประตูออร่า
โอกาสรอดจากการฝึกฝนของเขาไม่ได้ต่ำ แต่ก็ไม่สูงเช่นกัน