ตอนที่ 171: อยู่ในห้องสองต่อสอง
ตอนที่ 171: อยู่ในห้องสองต่อสอง
หลังจากเซี่ยเฟยส่งเออเนสออกไปมันก็ทำให้เขาเริ่มกลับมารู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง การพยายามปฏิเสธข้อเสนอแบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเพียงแค่มูลค่าของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดก็ไม่สามารถที่จะประเมินได้ ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงการมีโอกาสได้แต่งงานกับแอวริลเลย
“นายบ้าหรือเปล่าถึงกล้าปฏิเสธข้อเสนอแบบนั้น” อันธส่ายหัวให้กับความบ้าของเซี่ยเฟย
“แอวริลไม่ใช่สินค้า เธอไม่สมควรถูกนำเอามาไว้ในข้อเสนอ นอกจากนี้ข้อเสนอของเขายังมีข้อสงสัยอยู่มากจนเกินไป ถ้าหากว่านายเป็นเออเนสนายจะยอมมอบบริษัทของตระกูลให้กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกไหมล่ะ” เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“ถึงแม้เออเนสจะพยายามบอกว่าตัวเองทำเพื่อตระกูล แต่ข้อเสนอแบบนี้มันก็ยังดูห่างไกลเกินกว่าความเป็นจริง ท้ายที่สุดตระกูลของพวกเขาก็คงอยู่มาอย่างยาวนาน มันไม่มีเหตุผลอะไรที่คนพวกนั้นจะยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดมาให้กับนาย” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วหลังจากที่เขาตั้งสติและได้มีเวลาคิดพิจารณา
“เรื่องนี้มันแปลกประหลาดมากเกินไป ถึงฉันจะคิดเหตุผลไม่ออกแต่ฉันก็พูดปฏิเสธไปก่อน เพราะท้ายที่สุดในสถานการณ์ตอนนี้การปฏิเสธข้อเสนอคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
อันธดูเหมือนจะเข้าใจแต่เขาก็เข้าใจสถานการณ์เพียงแค่ส่วนน้อย อันที่จริงมันก็ไม่ได้มีเพียงแต่เขาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ เพราะแม้แต่ตัวของเซี่ยเฟยเองก็ไม่เข้าใจเจตนาที่ซ่อนอยู่ของเออเนสด้วยเช่นกัน เพียงแต่เขาได้ตอบปฏิเสธกลับไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยบอกทีว่าอีกวิธีที่ช่วยรักษาชื่อเสียงของตระกูลเจี่ยนเอาไว้ได้คืออะไร?” อันธเปลี่ยนเรื่องถาม
“ฆ่าแบ็ตตี้”
“ฆ่าแบ็ตตี้?!”
“ใช่ แบ็ตตี้ต้องตายเท่านั้นถึงจะช่วยลดผลกระทบในเรื่องนี้ได้ อย่าลืมว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่เรา ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ออกมาพูดอะไรแต่ฉันไม่มีสิทธิ์เข้าไปห้ามพี่น้องตระกูลหลิงแน่นอน พี่น้องตระกูลหลิงเกลียดแบ็ตตี้มากแค่ไหนนายก็เห็น อีกไม่นานเรื่องนี้จะต้องถูกรายงานเข้าไปยังสมาพันธ์จัสทิสแน่ ๆ จากนั้นทุกคนที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่อุบาทว์นั้นก็จะเริ่มถูกถอนรากถอนโคน”
“ถ้าแบ็ตตี้ตายเรื่องนี้มันก็จะกลายเป็นเพียงแค่เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับวงศ์ตระกูล นายลองคิดดูสิถ้าหากว่าแบ็ตตี้ต้องขึ้นศาลมันจะมีคนออกมาเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากตระกูลเจี่ยนมากแค่ไหน”
หลังจากพูดจบเขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากประตู ขณะที่อันธก็พยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า
“นั่นก็จริง ถ้าหากคนก่อเรื่องตายทุกอย่างมันก็จบ หากมองจากมุมของตระกูลเจี่ยนเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ทำให้ตระกูลสูญเสียน้อยที่สุด แต่นายคิดว่าเออเนสจะฆ่าลูกตัวเองได้จริง ๆ หรอ?”
“ตอนที่เขาเดินออกไปมันดูเหมือนกับเขาจะแก่ลงไปอีก 10 ปีเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เขาเลือกไม่ใช่แบ็ตตี้แต่เป็นการพยายามรักษาวงศ์ตระกูลของพวกเขาไว้ ในช่วงเวลาสำคัญเขาสามารถทิ้งลูกชายได้ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาจะสามารถตัดสินใจได้อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พูดตามตรงนะถ้าไม่ใช่เพราะแอวริล แบ็ตตี้น่าจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่าตัวเองตกต่ำมากที่ต้องมารู้จักกับคนแบบนี้”
ในทางเดินที่ว่างเปล่าเหลือผางไห่อยู่เพียงแค่คนเดียว เนื่องจากแอวริลกับเออเนสออกไปที่ร้านอาหารแล้วบอดี้การ์ดทั้งหมดจึงตามไปอารักขาพวกเขา
“นายท่านใหญ่กับคุณหนูรอคุณอยู่ที่ร้านอาหารแล้วครับ” ผางไห่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกดีกับชายชราคนนี้แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดผางไห่เช่นเดียวกัน เหตุผลที่ชายชราปกป้องแบ็ตตี้มาจากความภักดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยรู้สึกชื่นชมมาโดยตลอด นอกจากนี้ผางไห่ก็กำลังจะเกษียณชายหนุ่มจึงไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งอะไร
“ขอแสดงความยินดีด้วย นายท่านใหญ่ชื่นชมคุณเอาไว้มาก” ผางไห่กระซิบ
“จริงหรอครับ?” เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดเขาพึ่งจะทำการเสนอให้เออเนสสังหารลูกชายของตัวเอง แต่ชายชราคนนั้นกลับชื่นชมเขาให้พ่อบ้านฟัง
เขากินอะไรผิดแปลกเข้าไปหรือเปล่า?
“ผมเคยบอกคุณแล้วว่าตระกูลเจี่ยนอยู่ในโลกที่แตกต่างจากคุณโดยสิ้นเชิง ถ้าหากว่าในวันนี้คุณยอมปล่อยแบ็ตตี้ไปเพราะเห็นแก่ทรัพย์สิน ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะไม่มีวันได้กลับมาเหยียบพื้นที่ของตระกูลเจี่ยนอีกเป็นครั้งที่ 2 แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าไม่เพียงแต่คุณจะปฏิเสธข้อเสนอของนายท่านใหญ่เท่านั้น แต่คุณยังเสนอให้สังหารแบ็ตตี้เพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลอีกด้วย นายท่านจึงรู้สึกชื่นชมในตัวของคุณจริง ๆ” ผางไห่กล่าวพร้อมกับฝืนยิ้ม
“ผมต้องการให้เขาฆ่าลูกชายตัวเอง แต่เขากลับชื่นชมผมเนี่ยนะ?!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมรู้ว่าคุณไม่เข้าใจแต่คุณต้องจำไว้ว่าเหตุผลที่ตระกูลเจี่ยนเติบโตขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ นั่นก็เพราะพวกเขามักจะเลือกเส้นทางที่ถูกต้องทุกครั้งเมื่อมันได้เกิดวิกฤติกับตระกูล”
“นี่คือวิถีชีวิตของชนชั้นสูง ผมหวังว่าคุณจะค่อย ๆ เริ่มรู้สึกคุ้นชินวิถีชีวิตพวกนี้เมื่อเวลาผ่านไป” ผางไห่กล่าวพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
—
มื้ออาหารเย็นผ่านไปอย่างน่าเบื่อเนื่องจากเออเนสกำลังทำใจเรื่องที่ต้องจัดการกับลูกชาย ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังคิดถึงสิ่งที่ผางไห่พูดไว้ในก่อนหน้านี้ มันจึงแทบที่จะไม่มีใครพูดอะไรตลอดมื้ออาหาร
แอวริลผู้น่าสงสารไม่รู้ว่าเธอควรจะต้องทำตัวอย่างไร เพราะเธอก็อยากทำให้คุณปู่มีความสุขแต่ก็กังวลว่ามันจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเศร้าไปในเวลาเดียวกัน มันจึงทำให้แม้แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเหมือนกัน
ในที่สุดอาหารมื้อค่ำที่น่าหดหู่ก็จบลงเออเนสกับผางไห่จึงบอกลาโดยบอกว่าพวกเขาจะกลับไปยังสถานที่อันเงียบสงบ ก่อนจากไปเออเนสมองมาที่เซี่ยเฟยราวกับว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากส่งเออเนสเรียบร้อยแล้วเซี่ยเฟยกับแอวริลก็กลับไปยังชั้นที่ห้องของพวกเขาอยู่ติดกัน แต่ชายหนุ่มไม่ได้กลับเข้าไปในห้องของตัวเองแต่เดินเข้าไปในห้องของแอวริลและเปิดประตูอย่างเบามือ
“คืนนี้ขอนอนที่นี่นะ” เซี่ยเฟยพูดเบา ๆ
“ถ้านายนอนห้องนี้แล้วฉันนอนห้องไหนล่ะ?” แอวริลถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เธอก็นอนด้วยกันไง” แอวริลชะงักไปชั่วขณะก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
เธอไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะใจกล้าถึงขนาดขอนอนห้องเดียวกับเธอ การที่ชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองภายในห้องแม้แต่คนโง่ก็จินตนาการได้ไม่ยากว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าแอวริลจะเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ แต่เธอก็พอรู้เรื่องระหว่างชายหญิงอยู่บ้าง
“หรือว่าเขาอยากจะ…” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หญิงสาวก็รู้สึกเขินอายมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงก้มศีรษะลงแล้วเดินเข้าไปภายในห้องพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง
เซี่ยเฟยส่งยิ้มให้ผางชิงที่กำลังตกตะลึงอยู่ตรงประตู จากนั้นเขาก็เดินเข้าห้องและปิดประตูลง
แกร๊ก!
เสียงล็อกประตูดังขึ้นดึงสติของพวกบอดี้การ์ด
“ไอ้เวร!”
“ไอ้ชั่ว!”
“ไอ้คนฉวยโอกาส!”
บอดี้การ์ดบนทางเดินต่างก็ไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป พวกเขาจึงเริ่มด่าทออย่างเกรี้ยวกราด เพราะทุกคนกำลังคิดว่าคุณหนูที่งดงามของพวกเขาคงจะต้องพลีกายให้เซี่ยเฟยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในความคิดของเหล่าบอดี้การ์ดแอวริลเป็นเหมือนกับสาวน้อยผู้บริสุทธิ์ที่เปล่งประกายจากระยะไกล แต่เซี่ยเฟยกลับได้ครอบครองสาวงามคนนี้มันจึงทำให้หัวใจของพวกเขารู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม
โดยเฉพาะท่าทางที่เซี่ยเฟยเชิญชวนแอวริลเข้ามาในห้องราวกับว่าเขาเป็นคนคุมเกม มันจึงทำให้ความโกรธของเหล่าบอดี้การ์ดที่มีต่อเซี่ยเฟยพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
หลังจากปิดประตูเซี่ยเฟยก็เดินไปปิดม่านทำให้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดทันที หากชายหญิงได้อยู่กันสองต่อสองภายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มันย่อมทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกจินตนาการเรื่องภายในห้องไปต่าง ๆ นานา
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เดินขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมกับจ้องมองขึ้นไปบนเพดานราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนทางด้านของแอวริลก็กำลังเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายโดยไม่รู้ว่าเธอควรจะต้องทำอะไรต่อไปดี
‘เขานอนอยู่บนเตียงของฉัน! เขาจะทำอะไร? เขากำลังรอฉันอยู่หรือเปล่า?’
“ฉัน... ฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ” แอวริลพูดขึ้นมาเสียงเบาหลังจากลังเลอยู่นาน
“อือ” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
หญิงสาวรีบเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำและแอบดูชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ปิดประตูลงไป
“นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย” แอวริลซ่อนตัวอยู่หลังประตูด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว
จากนั้นเธอก็รีบทำความสะอาดร่างกายและเดินมาหวีผมอยู่หน้ากระจกครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับยืนเหม่อจินตนาการถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
“วันนี้จริง ๆ หรอ... ฉันยังไม่พร้อมเลยนะ”
“แต่การได้อยู่กับเซี่ยเฟยมันก็น่าจะเป็นเรื่องดีใช่ไหม”
“ถ้าฉันเดินออกจากห้องน้ำไป ฉันควรจะต้องพูดว่าอะไรดี”
หัวใจของหญิงสาวกำลังเป็นเหมือนสภาพอากาศในเดือนมิถุนายนที่สามารถแปรปรวนได้ตลอดเวลา โดยเธอทั้งรู้สึกกระวนกระวายและตั้งตารอสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันจนทำให้แม้แต่ตัวของเธอก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
“เธอโอเคไหม?” เซี่ยเฟยถามขณะเคาะประตู
“อย่านะ! อย่าเข้ามา” แอวริลตะโกนขึ้นไปอย่างประหม่าหลังจากได้ยินเสียงของเซี่ยเฟยอย่างกะทันหัน
“ฉัน... ฉันไม่เป็นไร” หญิงสาวใช้มือกุมหน้าอกของตัวเองเอาไว้พร้อมกับความกล้าที่แตกกระเจิงหลังจากที่ตกใจเสียงของชายหนุ่ม
แอวริลต้องใช้เวลาทำใจอยู่นานกว่าที่เธอจะสงบสติอารมณ์ได้อีกครั้ง เธอจึงเปิดประตูห้องน้ำและเดินไปที่ประตูอย่างเอียงอายโดยใช้มือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างถูมุมชุดนอนอยู่ตลอดเวลา
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็ลุกขึ้นจากเตียงและเดินเข้าไปหาหญิงสาว
‘เขากำลังมาแล้ว!’ หัวใจของแอวริลกำลังเต้นระรัว เธอจึงก้มหน้าหลับตาเตรียมรับสิ่งที่จะตามมา
เซี่ยเฟยลูบศีรษะแอวริลเบา ๆ พร้อมกับกอดเอวของเธอไว้
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน!” หญิงสาวพูดออกไปด้วยใบหน้าอันร้อนผ่าวแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดคำพวกนั้นออกไป
“ไปรอบนเตียงก่อน ฉันขออาบน้ำแป๊บนึง” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากชะงักไปเล็กน้อย
ตึก! ตึก! ตึก! คลุก! คลุก! คลุก!
หญิงสาวรีบสลัดตัวออกจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็วิ่งขึ้นไปบนเตียงแล้วใช้ผ้าห่มพันตัวเองจนกลายเป็นดักแด้
ไม่นานมันก็มีเสียงน้ำไหลดังขึ้นมาจากในห้องน้ำ แต่เซี่ยเฟยอาบน้ำเร็วกว่าแอวริลมากมันจึงทำให้ในเวลาเพียงแค่ 2 นาทีชายหนุ่มก็ปรากฏตัวในห้องอีกครั้ง
“เขามาแล้ว! เขากำลังมาแล้ว!” แอวริลพึมพำอย่างประหม่าขณะขดตัวอยู่ในผ้าห่ม
1 นาทีผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
3 นาทีผ่านไป เซี่ยเฟยก็ยังไม่ทำอะไร!
10 นาทีผ่านไป ในที่สุดแอวริลก็ทนไม่ไหวเธอจึงยื่นหัวออกมาจากผ้าห่มด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ภาพที่หญิงสาวเห็นกลับกลายเป็นเซี่ยเฟยนอนราบอยู่บนพรม โดยใช้เสื้อผ้ารองหัวแทนหมอนและนอนหลับอย่างสงบ
“ฮึ่ม!”
หญิงสาวส่งเสียงในลำคออย่างผิดหวังก่อนที่เธอจะถอยกลับไปบนเตียงและเริ่มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ไอ้คนผีทะเล! นายแกล้งฉันใช่ไหม!!”
ไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ในที่สุดแอวริลก็ผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยล้า ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่เธอกลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกวัน
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงเช้ามืดเซี่ยเฟยก็ลืมตาตื่นขึ้นจากนิทรา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนเบา ๆ แล้วเดินไปซ่อนตัวอยู่หลังผ้าม่านเพื่อคอยสังเกตแสงอันริบหรี่เหมือนหิ่งห้อยที่กำลังส่งสัญญาณอยู่ในระยะไกล
***************
โถ่! ใครลุ้นเหมือนกันบ้าง ยกมือเลย (☼Д☼)//