ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 13 ภารกิจของข้าจะสำเร็จได้อย่างไร
เซวียนห่าวใช้เวลาสองชั่วโมงค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งใหม่ของเขา เวลาผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และชิงอี้ก็กลับมาแล้ว นางไปที่ห้องที่เซวียนห่าวจัดให้ก่อนหน้านี้
พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป
เซวียนห่าวเพิกเฉยต่อสิ่งนี้และเข้าสู่จิตสำนึกของเขาแทนเพื่อตรวจสอบว่าเขาได้รับภารกิจเสริมใหม่จากระบบหรือไม่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแรก
ชื่อ: เซวียนห่าว
ความสามารถพิเศษ: ???
ขอบเขต: วิญญาณก่อกำเนิดขั้น 2
นิกาย: นิกายกระบี่ล่องนภา
ศิษย์: ชิงอี้
ภารกิจหลัก: ศิษย์คนใดก็ตามที่มาถึงขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน
รางวัลภารกิจหลัก: ???
ภารกิจเสริม: มีศิษย์ที่มีค่าพรสวรรค์ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป
รางวัลภารกิจ: [ฐานการบ่มเพาะเพิ่มขึ้น 3 ขั้น]
ภารกิจเสริมใหม่ได้ปรากฏขึ้นและภารกิจนี้ยากยิ่งกว่าครั้งก่อน ค่าพรสวรรค์ 50 ขึ้นไป !
แม้แต่ชิงอี้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ก็มีค่าพรสวรรค์เพียง 37 เท่านั้น เขาต้องหาผู้ที่มีค่าพรสวรรค์ตั้งแต่ 50 ขึ้นไปหรือ นั่นหมายความว่าคนเหล่านั้นต้องมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าผู้ที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์
เซวียนห่าวรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเมื่อคิดว่าการค้นหาศิษย์ที่อัจฉริยะเช่นนี้จะลำบากเพียงใด
สำหรับตอนนี้ การมีศิษย์คนเดียวก็เกินพอแล้ว เมื่อนางไปถึงขอบเขตก่อตั้งรากฐาน เขาก็จะสามารถทำภารกิจหลักให้สำเร็จได้ รางวัลจากภารกิจหลักยังคงเป็นความลับ แต่เซวียนห่าวรู้สึกว่ารางวัลจากภารกิจนั้นจะดีกว่าภารกิจเสริมอย่างแน่นอน
ผู้ทีอยู่ในขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปี เซวียนห่าวยังอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ดังนั้นในตอนนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างช้า ๆ และฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ ในกระบี่ล่องนภา
สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการหาหญ้าหัวใจอเวจีสำหรับศิษย์ใหม่ของเขา เพื่อที่นางจะได้ปลุกกายาศักดิ์สิทธิ์ของนางออกมาได้เสียที
ชิงอี้นั่งเงียบ ๆ ในห้องใหม่ของนางขณะที่นางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อนางกลับไปที่ตระกูลของนางที่กำลังรอนางอยู่
สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลชิงถามนางอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับอาจารย์คนใหม่ของนางและนางรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาถึงเลือกนางเป็นศิษย์
ชิงอี้บอกเขาเพียงว่านางไม่รู้ว่าทำไมเซวียนห่าวถึงเลือกนางเป็นศิษย์และรีบเปลี่ยนหัวข้อนี้ นางรู้ว่าการมีอยู่ของกายาศักดิ์สิทธิ์ของนางเป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์และนางเองก็รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขมากทันทีที่อาจารย์ของนางบอกนางเกี่ยวกับกายาศักดิ์สิทธิ์นี้
หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของนางเตือน สิ่งแรกที่นางจะทำคือการบอกผู้อาวุโสใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่อย่างที่อาจารย์ของนางพูด การมีกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นอันตรายหากเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ผู้คนมักจะอิจฉาในสิ่งที่พวกเขาไม่มี
ชิงอี้เข้าใจคำพูดของอาจารย์ของนางและตัดสินใจที่จะซ่อนกายาศักดิ์สิทธิ์ของนางจากตระกูลจนกว่านางจะแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเอง
นางยังจำเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนจากนิกายสัตตะชะตาที่มีกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ เขาถูกค้นพบว่ามีกายาศักดิ์สิทธิ์ชะตาสวรรค์เมื่อเขายังอยู่ที่ขอบเขตรวมปราณ
ต่อมาคนผู้นี้จากนิกายสัตตะชะตาก็เสียชีวิตหลังจากไปถึงขอบเขตควบแน่นแก่นแท้เมื่ออายุได้สิบเก้าปี ไม่มีใครรู้ว่าทำไมนิกายสัตตะชะตาที่พยายามตามล่าผู้กระทำความผิดแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จสักครั้งเลย
นิกายสัตตะชะตา จ้าวเขตตะวันตกของอาณาจักรนภาสวรรค์ นิกายที่ทรงพลังกว่านิกายกระบี่ล่องนภา แต่ก็ยังล้มเหลวในการปกป้องผู้มีกายาศักดิ์สิทธิ์
ชิงอี้ตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงจุดจบอันน่าเศร้าของผู้มีกายาศักดิ์สิทธิ์ชะตาสวรรค์
อาจารย์ของนางช่างมีวิสัยทัศน์ที่ดีจริง ๆ
“แต่ข้าควรทำอย่างไรกับนิกายนวาระทมิฬและตระกูลไป๋...”
นางมีสีหน้าลำบากใจเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดก่อนที่นางจะเดินทางกลับไปที่ตำหนักของอาจารย์
ครึ่งปีนับจากนี้ การแข่งขันรุ่นเยาว์ของเมืองอาทิตย์สาดส่องจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ไป๋เฟยผู้ได้รับการยอมรับจากผู้อาวุโสของนิกายนวาระทมิฬจะกลับมาในตอนนั้นและอาจารย์ของเขาก็จะตามเขากลับมาด้วยเช่นกัน เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลชิงคงจะต้องถึงวาระ
แต่กับอาจารย์คนใหม่ของชิงอี้ เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไร อาจารย์ของชิงอี้ก็เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด
“แล้วข้าจะขอให้อาจารย์ช่วยได้อย่างไร?”
หากอาจารย์ของนางไม่เข้าร่วมการแข่งขันรุ่นเยาว์ล่ะ ตระกูลไป๋ก็จะคงไม่เชื่อว่าชิงอี้จะถูกรับเข้าเป็นศิษย์ของยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด
ผู้ที่อยู่เพียงขอบเขตรวมปราณขั้น 4 เมื่ออายุสิบห้าปีจะถูกรับเป็นศิษย์ของยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดได้อย่างไร นี่คงเป็นเพียงการข่มขวัญพวกเขาเท่านั้น
ชิงอี้สามารถจินตนาการได้ว่าตระกูลไป๋จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แล้วหากไป๋เฉิงไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ
ชิงอี้สงสัยจริง ๆ ว่าเขาจะพูดถึงมันหรือไม่ สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือเขาจะเพิกเฉยและไม่พูดอะไรกับตระกูลไป๋เกี่ยวกับการที่ชิงอี้กลายเป็นศิษย์ของยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด
“ข้ารอได้ ตอนนี้ข้าเหลือเวลาอีกครึ่งปีในการโน้มน้าวให้อาจารย์ไปกับข้า ข้าควรมุ่งไปที่การแข็งแกร่งขึ้น หากเขาเห็นว่าข้าฝึกหนักเพียงใด เขาคงจะตามข้าไปอย่างแน่นอน”
“ข้าจะกลับไปหาตระกูลของข้าเมื่อเวลานั้นมาถึง”
ด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจนั้น ชิงอี้ล้มตัวลงนอนบนเตียงที่นางเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ และค่อย ๆ หลับไป
แม้ว่าจะยังไม่ค่ำ แต่วันนี้ทั้งวันก็ทำให้นางเหนื่อยมากพอแล้ว
จากการทดสอบรอบสองที่นางต้องต่อสู้กับอสูรเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่พักจนการเป็นศิษย์ของเซวียนห่าวและย้ายเข้าไปในตำหนักนี้ ชิงอี้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และในที่สุดนางก็ได้นอนหลับอย่างสบายเสียที