บทที่ 39 - ทำลายเวทย์ผนึก
ตอนเริ่มต้นไหสุ่ยไม่ระวังตัว ทำให้ผมมีโอกาสเริ่มโจมตีเธอ ถึงเธอจะใช้เวทย์ป้องกันแล้ว ผมว่าเธอป้องกันได้ไม่ทั้งหมดหรอก
บางทีเธออาจจะเริ่มเจ็บขึ้นมาแล้ว เธอย่นจมูกเล็ก ๆ น่ารักของเธอ สายตาเริ่มเต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่เธอกำลังป้องกันการโจมตีอยู่นั้น ปากของเธอพึมพำอะไรบางอย่าง เธอพึมพำมันอย่างรวดเร็ว มันไม่เหมือนกับการร่ายเวทย์ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ผมโจมตีของผมต่อ เดี๋ยว! มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมผมรู้สึกว่าความเร็วของเธอเพิ่มขึ้น? อา! ไม่! ผมต่างหากที่ช้าลง ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ผมเริ่มได้ยินเสียงอื้ออึง และมันค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ใช่โลกต้องห้ามใช่มั้ย? โลกต้องห้ามที่อาจารย์อธิบายไว้มันไม่เหมือนแบบนี้
เสียงมันดังขึ้นอีก เหมือนกับคลื่นจากทะเลไหลทะลักเข้าหูของผม ผมเริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นเล็กน้อย เวทย์ของผม การเคลื่อนไหวของผม มันช้าลงมาก
บนที่นั่งหลัก อาจารย์ตี้พูดกับตัวเอง “นี่ไม่ดีแล้ว!” หันไปคุยกับอาจารย์หลงที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ข้าไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กนี่จะสามารถใช้ 1 ใน 3 เวทย์ลับของตระกูลซิงได้ ‘มนต์มังกรน้ำ’ ถ้ารวมกับ ‘โลกต้องห้าม’ เข้าไปด้วย ครั้งนี้จางกงแพ้แน่ ๆ”
“ใช่ เด็กนักเรียนคนนี้เก่งจริง ๆ แข็งแกร่งกว่าพวกเราตอนอายุเท่า ๆ กันมาก ลูกศิษย์ของเจ้า ไม่รอดแน่ ฮ่าฮ่า” เพราะว่าผมเป็นคนที่เอาชนะหม่าเคอได้ อาจารย์หลงดูเหมือนจะค่อนข้างพอใจที่เห็นผมโชคร้าย
“เจ้า เจ้า เจ้า!” อาจารย์ตี้โกรธจนเผลอเป่าหนวดตัวเอง จ้องไปที่อาจารย์หลง
ที่กลางเวทีประลอง ผมเริ่มรู้แล้วว่าสถานการณ์ของผมไม่ค่อยดี และรีบร่ายเวทย์การป้องกันศักดิ์สิทธิ์ลงบนตัวของผม มันช่วยไม่ได้มาก แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ไหสุ่ยเห็นโอกาสแล้ว เธอยกมือของเธอขึ้นกลางอากาศ วนมือเป็นวงกลม วงแหวนแสงสีเขียวปรากฏขึ้นรอบตัวผม ผมรู้ทันทีว่านี่คือเวทย์ประจำตระกูลของเธอ โลกต้องห้าม ตอนนี้ผมหาทางออกไม่เจอ ผมได้แต่ร่ายเวทย์ป้องกันลงบนตัวของผมเพิ่ม หวังว่าพลังเวทย์ของไหสุ่ยจะหมดลง
ผมจบแล้ว ชื่อเสียงของผมในอนาคต หมดกัน
มากหรือน้อย ผมไม่รู้ว่าผมป้องกันเวทย์ไปกี่ครั้งแล้ว ด้วยรัศมีสีขาวรอบ ๆ ตัวผม ตอนนี้ผมกลายเป็นแสงสีเขียวลูกกลม ๆ ผมที่อยู่ตรงกลางของวงกลมนั้น รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาลโถมเข้าหาผมอย่างดุร้ายทุกทิศทุกทาง ดวงเวทย์สีทองในร่างกายผมเริ่มตอบสนองอย่างรวดเร็ว ชั้นแสงรวมตัวขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่า เพื่อป้องกันการผนึกที่บุกรุกเข้ามา
ผมเข้าใจตอนนี้เองว่า ผนึกนี้มีความแข็งแกร่งมากขนาดไหน พลังเวทย์ของผมถูกทำให้สลายไปในอัตราที่ผมไม่เคยคาดฝันถึง ผมจะต้องทำอย่างไรต่อไป? ผมคิดทุกอย่างหาวิธีที่ผมน่าจะทำได้ แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะช่วยแก้สถานการณ์นี้ได้เลย
หน้าของไหสุ่ยเริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้น เธอรู้ว่าชัยชนะนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เธอไม่ได้ใช้เวทย์ของเธอโจมตีผม เธอแค่รอให้พลังเวทย์ของผมหมดลงก่อน ผนึกของเธอกำลังจะนำชัยมาให้เธอ ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวายมากขึ้น มันจะเหนื่อยขึ้นเปล่า ๆ ดังนั้นเธอแค่ยิ้ม แล้วมองไปที่คู่ต้องสู้ที่กำลังจะพ่ายแพ้ ผมเอง!
กำแพงป้องกันของผมเริ่มเล็กลง ๆ แรงกดดันมหาศาลยังระเบิดเข้าใส่ตรงกลาง บีบผมอยู่ตรงนั้น ท้ายที่สุดการป้องกันของผมพังทะลายลงโดยผนึกนี่ วงแหวนแสงสีเขียวมันตัวของผมไว้อย่างกับบะจ่าง มันไม่รู้สึกเจ็บ เพราะแสงนี่แค่สลายพลังเวทย์ของผมไป จนผมไม่คิดว่ามันเหลืออยู่อีกแล้ว สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือ ตอนนี้ผมไม่สามารถสื่อสารกับธาตุเวทย์มนต์ได้อีก ผมรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ผมโดนผนึกอยู่ในโลกต้องห้าม มองออกไปเห็นไหสุ่ยสร้างลูกบอลน้ำขึ้นบนมือของเธอ ผมไม่ได้อยากจะยอมรับ แต่ผมกำลังจะแพ้
เพียงแต่ตอนที่ผมกำลังจะยอมแพ้ เสี่ยวจินตื่นขึ้นมาอย่างคิดไม่ถึง มันเริ่มหมุนตัวอย่างแรงอยู่ภายในตัวผม เกิดอะไรขึ้น? ผมงงมาก เพราะพลังเวทย์ของผมโดนผนึกไปหมดแล้ว ภายในร่างกายของผม เสี่ยวจินก็ควรจะถูกผนึกด้วย ทำไมมันถึงสามารถตื่นขึ้นมาและแกว่งตัวอย่างกระสับกระส่ายได้?
ระหว่างที่มันกระสับกระส่ายอยู่นั้น ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดแปลบขึ้นที่หัวของผม เหมือนกับว่ามันถูกแทงด้วยเข็มเป็นพัน ๆ เล่ม ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น จนผมอยากจะฉีกหัวของผมออก ผมทนความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เลย ผมวางมือทั้ง 2 ข้างไว้บนหัวตัวเอง ตะโกนออกไปด้วยเสียงดังกระชากวิญญาณอย่างสุดแรง
เสียงตะโกนนั่นเองที่ช่วยผมไว้ เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของผม ไหสุ่ยตกใจถึงขนาดที่ทำให้ลูกบอลน้ำสลายตัว (เพื่อที่จะใช้เวทย์มนต์ คุณต้องมีจิตใจที่มุ่งมั่น) เธอคิดอยู่ในใจว่า เป็นไปไม่ได้ โลกต้องห้ามที่ฉันร่ายใส่เขา ไม่มีผลด้านการโจมตี ทำไมเขาเป็นแบบนั้น? เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่?
ผมรู้สึกเจ็บปวดเหมือนว่าผมกำลังจะตาย ขณะที่กำลังจะถึงจุดที่ผมจะล้มลงกับพื้น ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรระเบิดอยู่ในสมองของผม ผมรู้สึกเหมือนผมไม่มีตัวตน ดวงตา หู จมูก ลิ้น ร่างกาย ความคิด ผมรู้สึกว่าสัมผัสทั้ง 6 ของผมหายไป
ผู้คนรอบ ๆ เวทีมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ที่จุดสะสมพลังตรงหว่างคิ้วของผมปรากฏจุดแสงพราวขึ้น และเริ่มกระจายออกเป็นวงกลมสีทองล้อมรอบตัวผม กลายเป็นรัศมีสีทองเข้าปะทะกับโลกต้องห้าม เวทย์โลกต้องห้ามสลายตัวไปเร็วเหมือนหิมะในฤดูร้อน สิ่งที่เกิดขึ้นภายในชั่วลมหายใจเดียวนี้ทำให้ทุกคนอึ้งไปหมด ไหสุ่ยถึงกับอ้าปากค้าง
อาจารย์ตี้กับอาจารย์หลงมองหน้ากัน พูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัด “เขาทำลายผนึกได้!!!”
อาจารย์ตี้พูดอย่างตื่นเต้นถึงขีดสุด “เขาทำได้ยังไง? เขาทำลายผนึกได้ยังไง? ทักษะนี้มีแต่เผ่ามังกรเท่านั้นที่ครอบครองอยู่!”
วิชามังกร 101: เผ่ามังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามที่สุดในทวีป ครอบครองร่างกายอันสุดแกร่ง มีความต้านทานต่อเวทย์มนต์อย่างยากที่จะยอมรับได้ แถมการโจมตีเชิงกายภาพยังนับว่าเป็นอันดับ 1 ในทวีป (อันดับ 2 คือเผ่ายักษ์หมอก) มังกรระดับสูงสามารถใช้เวทย์มนต์ และครอบครองความรู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ มังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบ และปรากฏตัวขึ้นน้อยมาก น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เจอกับพวกมัน คุณต้องมีพลังระดับเดียวกันกับพวกมันเท่านั้นถึงจะมีโอกาส สื่อสารหรือทำความรู้จักกับพวกมันได้ จำนวนของมังกรที่มีอยู่ไม่น่าจะเกิน 300 ตัว แต่อายุไขของมันยืนยาวมาก พวกมันสามารถอยู่ได้ถึง 10,000 ปีหรือมากกว่านั้น แต่พวกมันสืบพันธุ์ได้ยากมากเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลานานกว่าจะฟักตัวออกจากไข่ ปริมาณการวางไข่ก็น้อยอย่างมาก มังกรของทวีปนี้แทบจะเป็นเพียงตำนานไปแล้ว เหลือคนจำนวนไม่มากที่เคยเห็นมันตัวเป็น ๆ ดังนั้นเวทย์มนต์ของมังกรที่ปรากฏขึ้นจากตัวผมทำให้อาจารย์ตี้ และอาจารย์หลงที่เป็นผู้รอบรู้ รู้สึกประหลาดใจมาก
สำหรับคนอื่น พวกเขาแค่ทึ่งที่ผมทำลายผนึกของไหสุ่ยได้
ผมไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์รอบ ๆ ตัวเลย ผมรับรู้ได้เพียงว่าร่างกายของผมกลายเป็นสิ่งว่างเปล่า รับรู้อะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ผมใช้ความพยายาม จนในที่สุดผมสามารถฟื้นคืนการรับรู้ของผมกลับมา ทีละอย่าง สัมผัสทั้ง 6 ของผมค่อย ๆ กลับมาสู่ร่างกาย ผมใช้คทาเวทย์ยันตัวของผมให้ยืนขึ้น เงยหน้ามองไปที่ไหสุ่ย เห็นเธอยังไม่หายตกใจ ผมตรวจสอบพลังเวทย์ที่เหลืออยู่ของผม มันน้อยจนน่าสงสาร น่าจะแค่พอใช้ในการร่ายเวทย์ระดับพื้นฐาน
ผมจะแพ้ไม่ได้ เพื่ออาจารย์ตี้ ผมจะไม่ยอมแพ้ เพื่อเสี่ยวจิน ผมจะไม่ยอมแพ้ เพื่ออาจารย์ซิว ผมจะไม่ยอมแพ้ เพื่อตัวผมเอง ผมจะไม่ยอมแพ้!!!
ด้วยเจตจำนงอันมุ่งมั่น ผมรวบรวมพลังเวทย์ที่เหลืออย่างน้อยนิดด้วยความยากลำบาก เคลื่อยย้ายตัวเองไปข้างหลังไหสุ่ย แล้วใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดในร่างกาย กระแทกไหสุ่ยที่ไม่ทันระวังตัว
ไหสุ่ยที่ไม่ได้ป้องกันตัว โดนผมกระแทกจนตกเวที
“เจ้าวายร้ายหน้าไม่อาย!”
“น่าขายหน้าจริง ๆ ใช้วิธีหน้าไม่อายอย่างนี้ก็ได้”
“ถึงขนาดต้องเอาตัวกระแทกเลยเหรอเนี่ย? ทำเกินไปแล้ว”
เสียงตะโกนตำหนิลอยมาเข้าหูผม ผมใช้คทาเวทย์พยุงตัว หันไปพูดกับอาจารย์ผู้ตัดสินที่ยืนอึ้งอยู่ “อาจารย์! อาจารย์ยังไม่ได้ประกาศผู้ชนะเลยนะครับ”
ผู้ตัดสินตอบสนองทันที “นักเรียนไหสุ่ยตกลงจากเวที นักเรียนจางกงเป็นผู้ชนะ”