บทที่ 31 - อีกหนึ่งการวิวัฒนาการ
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่เสี่ยวจินดูเหมือนจะถึงขีดจำกัดของการดูดซับพลังเวทย์แล้ว ดวงเวทย์สีทองก็กลับไปอยู่ที่จุดสะสมพลังเหมือนเดิม ผมออกจากการทำสมาธิ
เมื่อลืมตาขึ้น ผมเห็นสายตาเป็นห่วงของอาจารย์ตี้
“อาจารย์ครับ ดูเหมือนว่าผมจะทำสำเร็จแล้ว”
“เยี่ยมมาก! เธอบีบอัดพลังเวทย์ทั้งหมดของเธอเรียบร้อยแล้ว ถ้าดูจากพลังเวทย์ของเธอเพียงอย่างเดียว ตอนนี้เธอถือว่าอยู่ในระดับอาจารย์เวทย์แล้ว” อาจารย์ตี้กล่าวด้วยความพึงพอใจ
“จริงเหรอครับ? สุดยอดไปเลย” พอรู้ว่าพลังเวทย์ของผมเพิ่มขึ้นสูงมากขนาดนั้น ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก
“ไม่ว่าจะยังไง เธอก็ยังต้องฝึกฝนอย่างหนักต่อไป อีกอย่าง บอกอาจารย์ว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไรบ้าง”
ผมเริ่มสังเกตตัวเอง แสงสีขาวรอบ ๆ ตัวผมค่อย ๆ จางหายไป ผิวของผมเรียบเนียนอย่างเรียกได้ว่าผิดปกติ จนผมอยากจะลองกัดดู
“ดูเหมือนว่าผมจะบีบอัดพลังเวทย์ทั้งหมดจนกลายเป็นบอลแสงสีทองลูกเล็ก ๆ ผมทำถูกต้องมั้ยครับ?”
“ไม่เลว! ไม่เลว! อย่างนั้นแหละถูกแล้ว บอลแสงสีทองลูกเล็กนั่นรวมพลังเวทย์ทั้งหมดของเธอตอนนี้ไว้ ในอนาคตมันจะมีประโยชน์ในการเรียนเวทย์มนต์ของเธออย่างมาก”
“นั่นมันสุดยอดไปเลย! อาจารย์ครับ อย่างนี้ผมจะไม่ใช่อัจฉริยะได้ยังไง? ฮิฮิ” ผมถามด้วยความภูมิใจ
“เจ้าเด็กตัวเหม็น อย่าเพิ่งรีบยกหางตัวเอง ยังไม่ถึงเวลา การเดินทางของเธอยังอีกไกลนัก ถึงแม้ว่าเธอจะบีบอัดพลังเวทย์จนสำเร็จแล้ว แต่มันยังไม่เสถียร การที่จะทำให้มันเสถียรได้นั้น เธอต้องการทั้งเวลาและวิธีการ อย่าคิดว่าของแค่นี้จะทำให้เธอเป็นเมธีเวทย์ได้ เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” เพื่อไม่ให้แน่ใจว่าผมจะไม่ผยองจนเกินไป อาจารย์ตี้ราดน้ำใส่ผมทั้งถัง
“โอ้!..” ผมไม่ชอบใจ
“เธอรู้มั้ยว่าพลังเวทย์สูงสุดของนักเวทย์อยู่ในรูปแบบไหน?” อาจารย์ตี้ถามคำถามที่ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน ซึ่งมันดึงความสนใจของผมได้ทันที
“รูปแบบไหนหรือครับ?”
“มีดวงเวทย์ 6 ดวง นอกจากนั้น สำหรับพวกเรานักเวทย์แสง ไม่เพียงแต่มันต้องเป็นสีทอง มันต้องใสด้วย เข้าใจมั้ย?”
“สีทองใส? อาจารย์ครับ เวทย์มนต์ตอนนี้ของอาจารย์ถึงระดับไหนแล้วครับ?”
อาจารย์ตี้เกาศรีษะแสดง ก่อนพูดแบบอาย ๆ “ตอนนี้อาจารย์มีดวงเวทย์สีทองใส 1 ดวง”
“อา!! ความสามารถระดับเมธีเวทย์สร้างดวงเวทย์สีทองใสได้แค่ดวงเดียว?” ผมถามด้วยความตระหนก
“ใช่! ไม่เฉพาะอาจารย์ แต่เมธีเวทย์ทุกคนมีดวงเวทย์แค่ดวงเดียว” เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมล่ะครับ”
“การจะครอบครองดวงเวทย์ใสทั้ง 6 ดวงคือสิ่งที่มีเฉพาะมหาเมธีเวทย์ที่อยู่ในตำนานเท่านั้นที่ทำสำเร็จ จนถึงตอนนี้ พวกเราผู้เฒ่ายังไม่สามารถค้นหาวิธีที่จะเพิ่มจำนวนดวงเวทย์ใสที่เราครอบครองได้ ในอนาคต นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องมุ่งมั่นพยายามทำให้ได้” อาจารย์ตี้พูดแฝงความหมาย
“อาจารย์ วางใจได้เลย ผมทำได้แน่นอนครับ”
เพราะคำตอบนี้ บุตรแห่งแสงได้ก้าวเท้าขึ้นมาบนทางเดินอันแสนยาวไกล เพื่อไล่ตามความต้องการที่จะขึ้นไปยังจุดสุดของเวทย์มนต์
“ดีมาก แต่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้หรอก ต่อไปเธอต้องทำให้ดวงเวทย์ของเธอเสถียรอย่างระมัดระวัง เธอต้องรู้ว่าการฝึกฝนเวทย์มนต์ก็เหมือนกับการพายเรือทวนน้ำ ถ้าเธอหยุดฝึกฝนเธอจะถูกผลักถอยหลัง มันจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง สำหรับวันนี้เธอควรพักผ่อน พรุ่งนี้อาจารย์จะสอนการใช้เวทย์มนต์ หลังจากนั้นเธอก็กลับไปเรียนชั้นเรียนปกติ เตรียมตัวสำหรับการประลองจบภาคการศึกษา”
“รับทราบครับ”
ไม่ว่ายังไง ผมก็จะผ่านการฝึกที่ยากลำบากนี้ให้ได้ แต่สิ่งที่ผมคิดอยู่ตอนนี้คือสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือ การกินข้าว! อาจารย์ตี้กักตัวผมไว้ให้ฝึกเพียงอย่างเดียวอยู่นานมาก นั่นทำให้ผมได้เพียงแต่บอกเขาว่าผมอยากกินอะไรบ้าง หลังจากได้ยินรายการอาหารของผม อาจารย์ตี้ได้แต่คิดว่าผมเป็นหมู
ฮิฮิ! ผมไม่ได้อยากกินมากมายอะไร แค่อาหารที่พอจะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ได้แค่นั้นเอง ไม่มากเลย ตกใจอะไรกัน? ผมเป็นเด็กกำลังโตนะ!
“อาจารย์ครับ อาจารย์อยากรู้มั้ยครับว่าฉายาของผมในโรงเรียนคืออะไร?”
“คืออะไร?”
“ถังข้าวธาตุแสง ฮ่าฮ่า!” ผมยิ้มกว้าง
“เธอ เธอ เธอนี่มันเป็นความอับอายของนักเวทย์แสง” เขาตะคอกใส่ผม จนหนวดของเขาปลิว
ถึงอาจารย์ตี้จะไม่ได้จัดอาหารให้ตามที่ผมขอ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมพอใจ ‘นิดนึง’
หลังจากกินข้าวเสร็จ ดื่มน้ำตาม มีอะไรอีกที่คุณต้องทำ? ผมไม่รู้ว่าคนอื่นทำอะไร แต่สำหรับผม ผมนอน! นี่เป็นวิธีการช่วยย่อยที่ดีที่สุด (อย่าทำตามผมนะเด็ก ๆ ระบบย่อยอาหารของผมค่อนข้างทรงพลัง ฮิฮิ)
ตอนที่ผมตื่น ฟ้ายังมืดอยู่ ปรากฏว่ามันยังเช้าเกินไป ผมรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว สิ่งที่ผมต้องกังวลตอนนี้? เสี่ยวจินดูเหมือนจะวิวัฒนาการ ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว...ผมยังไม่ได้เห็นมันเลย ผมจะเรียกมันออกมาเล่นด้วยกัน
ผมเรียนรู้จากครั้งที่แล้ว ผมทำให้แน่ใจว่าม่านที่หน้าต่างปิด ประตูถูกล็อก หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีช่องโหว่ ผมอัญเชิญเสี่ยวจิน “เสี่ยวจิน ฟังคำข้า ออกมาข้างหน้าข้า!”
แสงสีทองสว่างวาบขึ้นตรงหน้าผม สิ่งแปลกประหลาดปรากฏขึ้น แถมยังพุ่งเข้าหาผม ผมรู้สึกกลัวจริง ๆ
“โว้!! อะไรเนี่ย?” ผมเคลื่อนย้ายหลบไปด้านข้าง
เจ้าสิ่งแปลกประหลาดดูเหมือนจะผิดหวัง ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงพูดดังขึ้นมาในความคิด “ข้าเองเจ้านาย เสี่ยวจินของเจ้านายไง!”
อา! เสี่ยวจินพูดได้เหรอ?
ผมสังเกตสิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้าอย่างระมัดระวัง มันดูเหมือนงูหลามสีทองขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 6 เมตร บนหัวของมันมีเขาเล็ก ๆ น่ารักสีทอง 2 ข้าง ลำตัวของมันตั้งแต่หัวจรดหางคลุมด้วยเกล็ดสีทองขนาดเล็ก ดูที่เขาสีทองเล็ก ๆ นั่นสิ มันเหมือนกับของเสี่ยวจิน
“แกคือเสี่ยวจิน?” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ
มันเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด มันผงกหัวให้ผม
“เสี่ยวจิน แกเปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่ว่านายตัวสีขาวเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“เจ้านาย มันเป็นเพราะเวทย์มนต์ของเจ้านายพัฒนาขึ้นมาก ตอนนี้เราเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียว เมื่อเจ้านายก้าวหน้า เป็นธรรมดาที่ข้าจะวิวัฒนาการ หรือว่าเจ้านายไม่ต้องการข้าแล้ว?” ผมได้ยินเสียงแปลก ๆ ในความคิด
เสี่ยวจินจริง ๆ ผมรีบเข้าไปกอดหัวใหญ่ ๆ ของมัน “เสี่ยวจิน เป็นแกจริง ๆ ฉันคิดถึงแกมาก”
เสี่ยวจินแสดงอาการอ่อนไหว มันใช้ลำตัวที่ทั้งยาวทั้งใหญ่ของมันขดล้อมตัวผมไว้ เกล็ดที่เรียบรื่นของมันสัมผัสอยู่รอบตัวผมอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกที่อบอุ่นของมันกระจายไปทั่วร่างของผม