ตอนที่ 168: เงามืดปริศนาในทะเลสาบ
ตอนที่ 168: เงามืดปริศนาในทะเลสาบ
ไม่มีความเคลื่อนไหวพิเศษจากทะเลสาบแบล็ควอเตอร์เป็นเวลากว่า 2 วันแล้ว แบ็ตตี้ยังคงไปคฤหาสน์แบล็ควอเตอร์ทุกวันหลังเลิกงาน แล้วก็ไม่ได้เดินทางไปที่บลิสคลับแห่งนั้นในช่วงสองวันนี้
ทีมที่ 2 ที่ทูรามส่งมาได้เข้าประจำตำแหน่งแล้ว ส่วนพี่น้องตระกูลหลิงทั้งสามคนก็ปฏิบัติงานครบทั้งทีมแล้วเหมือนกัน
หลิงเฟิงได้พักผ่อนอยู่เพียงแค่คืนเดียวก่อนที่จะกลับไปช่วยงานพี่น้องของเขาทั้งสองคน เพราะท้ายที่สุดพวกเขาจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งได้สูงสุดก็ต่อเมื่อพวกเขาอยู่รวมกันสามคนเท่านั้น
ปัจจุบันเซี่ยเฟยมีนักสู้ที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่ถึงเจ็ดคน ซึ่งนักสู้ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นทหารผ่านศึกที่สามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี เมื่อรวมกับกองกำลังของผางชิงมันจึงทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับที่ไม่เลว และตราบใดก็ตามที่พวกเขาพบเบาะแสพวกเขาจะสามารถเริ่มลงมือได้ทันที
แอวริลเคาะประตูห้องของเซี่ยเฟยพร้อมถ้วยน้ำชาภายในมือ ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ชายหนุ่มเก็บตัวอยู่แต่ภายในห้องเพื่อศึกษารายละเอียดชีวิตประจำวันของแบ็ตตี้ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
“เข้ามาเลย” เซี่ยเฟยหันไปพูดทางประตูพร้อมกับปิดไมโครคอมพิวเตอร์
แอวริลเดินเข้าห้องมาพร้อมกับถาดน้ำชาภายในมือ ก่อนที่เธอจะได้เห็นบ้านที่ปิดทึบและกลิ่นควันบุหรี่ที่ตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง มันจึงทำให้เธอสำลักควันออกมาในทันทีที่เปิดประตู
เซี่ยเฟยรีบพุ่งตัวออกมาคว้าถาดน้ำชาเอาไว้และเดินพาแอวริลกลับไปที่ทางเดิน
“ขอโทษด้วย กลิ่นควันมันแรงไปหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบหลังแอวริลเบา ๆ
“ไม่เป็นไร ฉันเห็นว่านายกำลังยุ่งอยู่ฉันเลยต้มน้ำชามาให้ พวกเราไปทานอาหารเย็นด้วยกันไหม?” แอวริลสำลักควันจนน้ำตาไหลแต่เธอก็ไม่ได้ถือโทษโกรธชายหนุ่มหรือว่าอะไรออกมา
“ขอโทษด้วยนะ แต่ช่วงนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
แอวริลฝืนยิ้มรับแต่ภายในแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความเหงา ทุกวันนี้เซี่ยเฟยดูเย็นชากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดและขังตัวเองเอาไว้ในห้องอยู่ทุกวัน บางครั้งที่เธอเข้ามาทักทายเขาก็จะพูดตอบกลับไปแบบห้วน ๆ คล้ายกับว่าเขาไม่ได้สนใจในตัวของเธอแล้ว
ผู้หญิงทุกคนชอบผู้ชายที่ดูแลและเอาใจใส่ การกระทำของเซี่ยเฟยจึงทำให้เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจทั้ง ๆ ที่ในตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของความสัมพันธ์ เธอจึงหวังให้ชายหนุ่มคอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา แต่เขากลับมีงานรัดตัวมากจนเธอกังวลว่าเขาจะลืมตัวตนของเธอไปแล้ว
แต่เธอก็เห็นด้วยตาตัวเองว่าเซี่ยเฟยกำลังยุ่งอยู่จริง ๆ แล้วเธอยังรู้สึกได้ถึงความปลอดภัยที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจากผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอไปเพียงแค่ไม่กี่ปี และความรู้สึกนี้ก็เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสแม้แต่จากบุคคลในครอบครัวของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นนายก็กลับไปทำธุระให้เสร็จเถอะ ฉันจะรอ” แอวริลพูดอย่างเกรงใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะหันกลับเข้าไปภายในห้องโดยไม่พูดอะไร
แอวริลถอนหายใจเดินก้มหน้ากลับไปที่ห้อง ซึ่งภาพนี้เป็นภาพที่บอดี้การ์ดทุกคนบนทางเดินมองเห็นได้อย่างชัดเจน พวกเขาจึงรู้สึกอยากจะวิ่งเข้าไปบีบคอเซี่ยเฟยให้ตาย
“เจ้าเด็กนั่นน่าหมั่นไส้มากจนเกินไปแล้ว มันกล้าดียังไงถึงมาเมินใส่คุณหนู!”
“ใช่! เขากับคุณหนูเป็นแค่ดอกฟ้ากับหมาวัด เขามีสิทธิ์อะไรถึงมาทำแบบนี้”
เมื่อแอวริลกลับเข้าไปภายในห้องพวกบอดี้การ์ดก็เริ่มซุบซิบอย่างไม่พอใจในการกระทำของเซี่ยเฟย
“หุบปาก!” ผางชิงหันไปตวาดใส่ลูกน้องอย่างเย็นชาจนทำให้บอดี้การ์ดทุกคนตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
บอดี้การ์ดหัวโล้นกัดฟันยืนเฝ้าทางเดินนิ่ง ๆ ต่อไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีกว่าใครว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามอย่างหนักขนาดไหนเพื่อความปลอดภัยของแอวริล
“ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยตรงไหนเลย” เซี่ยเฟยจุดบุหรี่พร้อมกับทิ้งตัวลงบนโซฟาปล่อยให้ตัวเองนั่งอยู่ท่ามกลางควันขาว
“บางทีพวกเราอาจจะเข้าใจแบ็ตตี้ผิดไปจริง ๆ” อันธกล่าวพร้อมทำหน้ามุ่ย
“ถึงแม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจะเข้าข้างแบ็ตตี้แต่สัญชาตญาณของฉันบอกว่าห้ามปล่อยคนคนนี้ไปอย่างเด็ดขาด เขาคือคนที่น่าสงสัยมากที่สุด เป็นไปได้ไหมที่มันจะมีตัวแปรอะไรที่พวกเราเผลอมองข้ามไป” เซี่ยเฟยพูดวิเคราะห์พร้อมกับเดินไปเดินมาภายในห้อง
หลักฐานที่ผางไห่ให้กับเซี่ยเฟยเป็นหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ, กล้องวงจรปิด, บันทึกการสนทนารวมถึงรายงานของผู้รับผิดชอบในการติดตาม เมื่อรวมหลักฐานทุกชิ้นเข้าด้วยกันแล้วข้อมูลพวกนี้ก็เป็นข้อมูลจริงอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
นับตั้งแต่ตอนที่ผางไห่รู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังแอบสะกดรอยแบ็ตตี้จนถึงตอนที่ชายชรามาหาเขาพร้อมกับหลักฐาน มันเป็นเวลาที่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้นผางไห่กลับสามารถรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแบ็ตตี้ได้อย่างไร้ที่ติ
“เป็นไปได้ไหมว่าการเก็บข้อมูลของพวกเราจะมีอะไรผิดพลาด?” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยหลับตานอนคิดอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดอะไร แต่ภายในหัวของเขากำลังฉายภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เหมือนภาพยนตร์เพื่อพยายามพิจารณาเงื่อนงำทั้งหมดใหม่อีกครั้ง
ชายหนุ่มได้ทำการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าแบ็ตตี้ไม่ใช่ผู้ลงมือจริง ๆ เขาก็ไม่รู้จะต้องเดินไปทางไหน
ตอนนี้เซี่ยเฟยตัดชื่อแบ็ตตี้ทิ้งไปและเริ่มทำการพิจารณาเบาะแสเก่า ๆ ภายในใจใหม่อีกครั้ง
“ใช่แล้ว! ถ้าแอวริลตายคนที่ได้ประโยชน์ไม่ได้มีแค่แบ็ตตี้ แต่มันยังมีคนอื่นด้วย!” เซี่ยเฟยส่งเสียงอุทานพร้อมกับกระโดดขึ้นมาจากโซฟาด้วยความตื่นเต้น
“นายคิดอะไรได้ รีบพูดออกมาเร็ว ๆ เข้า” อันธถาม
เซี่ยเฟยไม่เลือกที่จะตอบคำถามแต่รีบทำการติดต่อไปยังหลิงเซียวที่ยังคงจับตาดูแบ็ตตี้อยู่
“น้องเฟยมีอะไรหรือเปล่า?” หลิงเซียวถามขึ้นมาจากบนหน้าจอ ซึ่งใต้ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างเห็นได้ชัดแสดงว่าช่วงนี้ไม่ได้มีแค่เซี่ยเฟยคนเดียวที่ไม่ได้นอน
“มีอะไรน่าสงสัยไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างยังปกติดี” หลิงเซียวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“พี่ใหญ่ขอให้คนอื่นมาจับตาดูแบ็ตตี้แทนพี่ได้ไหม? พวกเรามีเรื่องสำคัญกว่าจะต้องไปทำ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรหรือเปล่า? ไอ้สารเลวนี่เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดแล้วนะ เราจะปล่อยมันไปไม่ได้เด็ดขาด!” หลิงเซียวกล่าว
เขารู้สึกขยะแขยงกับการกระทำของแบ็ตตี้ที่ใช้ความทรมานของคนอื่นเพื่อสร้างความสนุกให้กับตัวเอง มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตั้งใจจะจับตาดูชายคนนี้ด้วยตาของตัวเอง
“ผมรู้ว่าพี่เกลียดแบ็ตตี้มากอันที่จริงผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พวกเราต้องอย่าปล่อยให้ความโกรธมาบังตา มันยังมีคนอื่นที่น่าสงสัยมากกว่าแบ็ตตี้” เซี่ยเฟยพยายามพูดอย่างใจเย็น
หลิงเซียวพยายามสงบสติอารมณ์ เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมามันก็เป็นเรื่องจริง มันยังมีคนอื่นอยู่รอบ ๆ ตัวแบ็ตตี้อีกหลายคนแต่เขายังไม่ได้เริ่มทำการสืบสวนคนพวกนั้นเลย หากคนร้ายอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้จริง ๆ คนร้ายคนนั้นอาจจะใช้โอกาสนี้ในการวางแผนจู่โจมเข้าใส่แอวริลอีกครั้ง
“ผมคิดว่าแผนการสืบสวนของพวกเราในก่อนหน้านี้มันผิดพลาดเกือบทั้งหมด” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
—
ณ ช่วงเวลาเช้า บริเวณคฤหาสน์แบล็ควอเตอร์
ขณะนี้แบ็ตตี้ได้แต่งตัวเต็มยศเตรียมออกจากบ้านด้วยรถเข็นลอย ขณะที่โจวหยูฉิงเดินถือกระเป๋าเอกสารไปส่งที่รถ
รถของแบ็ตตี้ได้รับการดัดแปลงพิเศษให้มีประตูกว้างมากกว่ารถรุ่นปกติ และได้นำเบาะด้านหลังแถวหนึ่งออกไปเพื่อให้รถเข็นสามารถเคลื่อนที่เข้าไปในรถได้อย่างง่ายดาย
“เดี๋ยวฉันจะไปซื้อปลากับกุ้งที่ท่าเรือริมทะเลสาบ เย็นนี้คุณจะกลับมาทานอาหารที่บ้านไหมคะ?” โจวหยูฉิงส่งกระเป๋าเอกสารให้แบ็ตตี้และถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“กุ้งจากทะเลสาบแบล็ควอเตอร์ขึ้นชื่อมาก เธอซื้อมาเยอะหน่อยก็แล้วกัน คืนนี้พวกเราจะได้ฉลองกัน” แบ็ตตี้ตอบกลับไป
หลังจากนั้นโจวหยูฉิงก็เฝ้าดูสามีออกไปด้วยรอยยิ้ม แต่เธอไม่ได้กลับเข้าไปในห้องทันทีแต่ยืนอยู่ที่สวนและมองไปยังถนนสายเล็ก ๆ ในระยะไกล
ในเวลาไม่นานรถขนสินค้าขนาดเล็กก็ขับตามรถของแบ็ตตี้เข้าไปภายในเมือง ซึ่งแน่นอนว่ารถคันนี้คือรถของพี่น้องตระกูลหลิง โจวหยูฉิงจึงเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นหญิงสาวก็เดินเข้าไปในห้องนอนของลูกชาย โดยที่ปาล์มกำลังนอนอยู่บนเตียงและมีน้ำลายเลอะเปื้อนเต็มหมอน
เมื่อเห็นมารดาเดินเข้ามาภายในห้องปาล์มก็เผยรอยยิ้มออกมาโง่ ๆ แต่โจวหยูฉิงก็เดินออกจากห้องไปในทันทีพร้อมกับปิดประตูด้วยท่าทางอันเฉยเมยและล็อกประตูจากด้านนอกด้วยแม่กุญแจ
เธอดูจะไม่สนใจปาล์มเลยด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่เขาก็ยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเลย
โจวหยูฉิงจัดแจงสวมใส่ชุดแม่บ้าน, สวมหมวกและแว่นกันแดด จากนั้นเธอก็นำตะกร้ามาคล้องไว้ที่แขนก่อนจะเปิดประตูหลังคฤหาสน์เพื่อเดินลงไปยังทะเลสาบแบล็ควอเตอร์
คฤหาสน์ทุกหลังถูกสร้างอยู่ตรงบริเวณริมทะเลสาบและมีท่าเรือเล็ก ๆ อยู่ด้านหลัง โดยที่ท่าเรือนี้มีเรือลอยขนาดเล็กจอดให้บริการ ทำให้เจ้าของบ้านสามารถออกไปตกปลาในทะเลสาบได้ทุกเมื่อ
หลังจากทำการปลดสายคล้องเรือโจวหยูฉิงก็ขับเรือมุ่งหน้าตรงไปยังท่าเรือที่อยู่อีกฟากด้วยความรวดเร็ว ซึ่งในบริเวณนั้นเป็นตลาดปลาที่ชาวประมงจะนำมาขายในทุก ๆ เช้าอยู่เป็นประจำ
แม่บ้านในคฤหาสน์ริมทะเลสาบจะเดินทางไปตลาดปลาเป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้โจวหยูฉิงยังสวมใส่ชุดธรรมดา ๆ และเรือที่เธอขับก็เป็นเรือที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ดังนั้นการปรากฏตัวของเธอจึงไม่ใช่เรื่องที่สะดุดตาใครเลย
เรือของเหล่าแม่บ้านที่กำลังขับไปยังตลาดปลาเป็นเรือที่ขับช้ามาก เพราะพวกเธอต้องการจะใช้ช่วงเวลานี้ในการชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบ นอกจากนี้เรือยังสามารถขับเคลื่อนได้เองตามระบบนำทางอัตโนมัติ หญิงสาวจึงวางตะกร้าของเธอลงและนั่งที่ด้านข้างของเรือ จากนั้นเธอก็วางมือข้างหนึ่งลงไปในน้ำและใช้นิ้วแกว่งลงไปในทะเลสาบน้ำใส
หากไม่เข้าไปดูใกล้ ๆ มันจะไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่านิ้วของโจวหยูฉิงสั่นไหวในน้ำเป็นจังหวะด้วยความรวดเร็วทั้ง ๆ ที่โดยปกติผิวน้ำจะมีแรงต้านเสมอ และมันก็แทบที่จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะสามารถขยับนิ้วในน้ำได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ทันใดนั้นเองร่างสีดำที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบก็กำลังมุ่งหน้าเข้าหาเรือของหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ
***************
นี่สินะตัวการที่แท้จริง? หรือซ้อนแผนอีกแล้ว?