ตอนที่ 167: ไม่ต้องห่วง
ตอนที่ 167: ไม่ต้องห่วง
เซี่ยเฟยมีอายุเพียงแค่ 19 ปีมันจึงไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะรู้จักนักฆ่าลึกลับในจักรวาล
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็หาข้ออ้างตอบกลับไปว่าเขาเคยบังเอิญได้เจอกับนักฆ่าที่เกษียณตัวเองออกจากสำนักในระหว่างที่เขาหลงเข้าไปในเขตดาววิลเดอร์เนส ซึ่งนักฆ่าคนนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในโลกแห่งความมืดให้เขาได้ฟัง
ถึงแม้สามพี่น้องตระกูลหลิงจะไม่เชื่อแต่พวกเขาก็ไม่สามารถตั้งข้อโต้แย้งใด ๆ ขึ้นมาได้ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวในเขตดาววิลเดอร์เนสเลย
เซี่ยเฟยใช้เวลาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะติดต่อไปหาทูรามเพื่อเล่าเรื่องอาการบาดเจ็บของหลิงเฟิง ไม่ว่ายังไงตอนนี้สามพี่น้องก็มาช่วยงานเขาอยู่ ดังนั้นหากมันมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเขาก็ควรจะต้องแจ้งไปยังทูรามด้วยตัวเอง
ทูรามไม่ได้พูดอะไรนอกจากให้เวลาหลิงเฟิงหยุดพัก 2-3 วัน นอกจากนี้เขายังทำการส่งผู้ใช้พลังสายความเร็วอีกคนที่ชื่อ ‘เฟยลี่’ มาทำงานแทนหลิงเฟิงเป็นการชั่วคราว และบอกเซี่ยเฟยว่าหากเขาต้องการกำลังคนเพิ่มเติมให้ติดต่อมาได้ตลอดเวลา
เห็นได้ชัดเลยว่าการปรากฏตัวขององค์กรนักฆ่าลึกลับได้ไปกระตุ้นความสนใจของทูรามเข้าแล้วจริง ๆ
แม้ว่าในตอนนี้จะเป็นช่วงดึกแล้วแต่พี่น้องตระกูลหลิงอีกสองคนก็ยังจำเป็นจะต้องกลับไปทำภารกิจต่อ เพราะมันยังเหลืองานอีกมากที่พวกเขาจะต้องทำก่อนที่จะคลี่คลายปัญหาทุกอย่าง เนื่องจากสิ่งที่เซี่ยเฟยต้องการไม่ใช่เพียงแค่การคาดเดาแต่คือหลักฐานที่เพียงพอ
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็กลับมาที่โรงพยาบาลของตระกูลเจี่ยนและทันทีที่เขาเดินมาจนถึงประตูโรงพยาบาล เขาก็ได้พบกับชายชราคนหนึ่งยืนรอเขาอยู่แล้ว
“คุณกำลังรอผมอยู่หรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม
ผางไห่พยักหน้าให้เซี่ยเฟยอย่างเงียบ ๆ และใช้นิ้วชี้ไปยังถนนข้างหน้าเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มเดินไปกับเขาหน่อย
ในช่วงเช้าตรู่แบบนี้ยังไม่มีใครออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน เซี่ยเฟยจึงเดินเคียงข้างชายชราไปเพียงแค่สองคน
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ก่อนที่พวกเขาจะได้เจอแผงขายอาหารที่ปราศจากลูกค้าแม้แต่คนเดียว ผางไห่จึงสั่งปลาย่าง 2 ตัวและข้าวต้มอีก 2 ชาม
หลังจากต้องแบกหลิงเฟิงไปโรงพยาบาลเซี่ยเฟยก็รู้สึกหิวมาก เขาจึงกินข้าวต้มไป 5 ชามและปลาย่างอีกเจ็ดตัว จากนั้นเขาก็จุดบุหรี่สูบอีก 2-3 มวนอย่างสบาย ๆ เพื่อรอพ่อบ้านตระกูลเจี่ยนที่ค่อย ๆ กินข้าวต้มอย่างละเมียดละไม
ผางไห่กินอาหารช้ามากแตกต่างจากการกินของเซี่ยเฟยอย่างสิ้นเชิง โดยเขาใช้ช้อนโลหะตักข้าวต้มคำเล็ก ๆ เข้าไปในปากก่อนที่จะค่อย ๆ เคี้ยวข้าวต้มอย่างระมัดระวังคล้ายกับว่าเขาไม่ได้กินข้าวต้มข้างทางแต่กำลังชิมอาหารจานหรูในภัตตาคารขนาดใหญ่
“แบ็ตตี้เคยเป็นเด็กที่กินเก่งมากแต่เขามักจะเติมน้ำตาลกับน้ำส้มสายชูเข้าไปทุกครั้งที่กินข้าวต้ม ไม่เหมือนกับคุณที่สามารถกินข้าวต้มเข้าไปได้โดยไม่ต้องปรุง” ชายชรากล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับใช้กระดาษเช็ดมุมปากอย่างเบามือ
“ผมเป็นแค่คนจน ๆ ไม่มีสิทธิ์เลือกกินแค่มีอะไรให้ท้องอิ่มแค่นั้นผมก็พอใจแล้ว นอกจากนี้ผมกับคุณแบ็ตตี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจมากที่จู่ ๆ ผางไห่พูดถึงแบ็ตตี้ขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าเพียงแต่พูดจาโต้แย้งออกไปเล็กน้อย
ผางไห่ลุกขึ้นยืนและเดินตามถนนต่อไป เพียงแต่เส้นทางที่เขาเดินไปไม่ใช่เส้นทางกลับไปที่โรงพยาบาล
“ฉันเฝ้าดูแบ็ตตี้เติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็ก ในตอนนั้นเขาเป็นเด็กดีมากจริง ๆ ฉันสามารถรับประกันได้เลย” ผางไห่กล่าว
“ขอโทษด้วยครับ แต่ผมไม่ค่อยสนใจอดีตสักเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมคือเรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น”
“สำหรับผมแอวริลก็เป็นเด็กดีเหมือนกัน แต่ไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใครตอนจบเธอก็คงจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่เหมือนเดิม” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเริ่มรู้ทันในสิ่งที่ชายชรากำลังจะสื่อ
“คุณรู้เรื่องโจวหยูฉิงแล้วใช่ไหม?” ผางไห่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ใช่ครับผมรู้เรื่องแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงหายไปหลายวัน ดูเหมือนก่อนหน้านี้คุณก็น่าจะยุ่งพอตัว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
“แล้วคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
“เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่กับผมครับ คุณควรจะไปถามคุณแบ็ตตี้มากกว่าว่าเขาต้องการจะทำอะไร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“คนลงมือไม่ใช่แบ็ตตี้!” ผางไห่เหลือบสายตามองไปทางเซี่ยเฟยด้วยดวงตาที่ขุ่นมัว
เซี่ยเฟยหยุดเดินอย่างกะทันหันและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไหน ๆ พวกเราก็พูดกันมาจนถึงขนาดนี้แล้ว พวกเรามาพูดตรง ๆ เลยดีไหมครับ ไม่จำเป็นจะต้องพูดอ้อมค้อมก็ได้”
“คนที่ปรากฏตัวในทะเลสาบแบล็ควอเตอร์เมื่อคืนคือคนของคุณใช่ไหม?”
“บางคนใช่และบางคนก็ไม่ใช่ครับ ว่าแต่คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ความรับผิดชอบของผมคือการปกป้องสมาชิกทุกคนในตระกูลเจี่ยน คุณมีคนของคุณผมก็มีคนของผม น่าเสียดายที่ผมยังทำหน้าที่ของพ่อบ้านได้ไม่ดีพอ”
คำพูดของผางไห่ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยความเสียใจเห็นได้ชัดเลยว่าเขารู้สึกผิดมากที่เกือบจะทำให้แอวริลถูกลักพาตัว
เซี่ยเฟยยังคงสูบบุหรี่และตั้งใจฟังอย่างเงียบ ๆ ต่อไปโดยไม่พูดอะไรตอบกลับชายชรา
“เมื่อ 27 ปีก่อนแบ็ตตี้ตามเพื่อนเข้าไปในซ่องเพื่อเรียนรู้การเที่ยวกลางคืน เขาจึงได้ไปพบกับโจวหยูฉิงที่อายุน้อยกว่าเขา 2 ปีในซ่องโดยบังเอิญ แบ็ตตี้รู้สึกสงสารที่เธอต้องขายตัวตั้งแต่อายุยังน้อยเขาจึงแอบซื้อบ้านและเริ่มดูแลโจวหยูฉิงตั้งแต่นั้นมา”
“ทุก ๆ วันแบ็ตตี้จะออกจากคฤหาสน์ไปอยู่บ้านกับเธอสองคน พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนคู่แต่งงานทั่วไปอย่างสงบสุขมามากกว่า 1 ปี ก่อนที่จู่ ๆ โจวหยูฉิงจะหายตัวไปอย่างกะทันหันจนแม้แต่แบ็ตตี้ก็ยังหาตัวเธอไม่เจอ”
“แบ็ตตี้รู้สึกเศร้าเสียใจเป็นเวลานานจนเขาเริ่มติดสุราและออกไปสนุกนอกบ้านตลอดทั้งคืน จนกระทั่งในวันนั้นแบ็ตตี้กับเพื่อนอีกสามคนดื่มสุราเข้าไปหนักมาก และพวกเขาก็แข่งรถในระหว่างกลับบ้านมาตลอดทั้งทางจนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาในที่สุด”
ในขณะที่ผางไห่กำลังเล่าถึงเรื่องที่แบ็ตตี้สูญเสียขาของเขาไป ดวงตาของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยคล้ายกับว่าเขากำลังตำหนิตัวเอง
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างโจวหยูฉิงกับแบ็ตตี้จะซับซ้อนถึงขนาดนี้ ความจริงกลับกลายเป็นว่าลูกเศรษฐีหนุ่มกลับสงสารเด็กสาวที่ขายตัวอยู่ในซ่องจนเขาตัดสินใจไถ่ตัวเธอออกมา ก่อนที่ทั้งสองคนจะค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้วโจวหยูฉิงก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
นี่มันพล็อตเรื่องนิยายน้ำเน่าชัด ๆ!!
“ในเมื่อโจวหยูฉิงเลือกจะจากไปแล้วทำไมเธอถึงกลับมาล่ะครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ผมก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน โจวหยูฉิงหายตัวไปมากกว่า 20 ปี แต่จู่ ๆ เธอก็ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อ 7 เดือนก่อนพร้อมกับพาเด็กปัญญาอ่อนคนนั้นกลับมาด้วย” ผางไห่กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผมเคยสืบว่าโจวหยูฉิงหายตัวไปไหนตลอดช่วงเวลา 20 กว่าปีมานี้ แต่กลับกลายเป็นว่าตัวตนของเธอเหมือนกับหายไปอย่างปริศนาที่แม้แต่บันทึกการเดินทางระหว่างจักรวาลก็ไม่มีชื่อของเธอเลย”
“บันทึกพวกนั้นมันใช้ตรวจสอบอะไรไม่ได้ เท่าที่ผมรู้มันมีดาวเคราะห์อีกหลายดวงในพันธมิตรที่ไม่มีการบันทึกการเดินทางเนื่องมาจากระดับอารยธรรมของดาวเคราะห์พวกนั้นต่ำมาก การเดินทางไปยังดาวเคราะห์พวกนั้นจึงเป็นการเดินทางไปมาอย่างอิสระ บางทีตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมาโจวหยูฉิงอาจจะไปอยู่ในดาวเคราะห์พวกนั้นก็ได้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณเคยตรวจสอบ DNA ของปาล์มหรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากไตร่ตรองสถานการณ์
“ผมตรวจสอบแล้ว มีความเป็นไปได้ 99.99% ที่ปาล์มจะเป็นลูกชายของแบ็ตตี้จริง ๆ” ผางไห่กล่าว
“ถ้าคุณรู้ว่าแบ็ตตี้กับโจวหยูฉิงอยู่ด้วยกัน แล้วทำไมตอนนั้นคุณถึงไม่ห้ามล่ะครับ”
“คุณชายจากตระกูลใหญ่ค่อนข้างจะแตกต่างจากผู้ชายทั่ว ๆ ไป มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะแอบเลี้ยงดูผู้หญิงคนสองคน ดังนั้นตราบใดก็ตามที่เขาไม่ได้ทำอะไรอุกอาจมากจนเกินไปผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่ง” ผางไห่อธิบายพร้อมกับถอนหายใจ
แม้ในทางปฏิบัติสิ่งที่ผางไห่กล่าวจะไม่ต่างจากความเป็นจริงแต่มันก็เป็นตรรกะที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี ท้ายที่สุดถึงแบ็ตตี้จะเป็นคุณชายจากตระกูลใหญ่แล้วยังไง คุณชายจากตระกูลใหญ่มีสิทธิ์ที่จะไปหลอกผู้หญิงสามัญชนได้อย่างนั้นหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยเสียของแบ็ตตี้ไม่ได้จบแค่การเล่นกับผู้หญิง แต่เป็นการทารุณเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างรุนแรงจนทำให้แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังต้องละอายใจกับสิ่งที่แบ็ตตี้ทำลงไป ถึงขนาดที่การเรียกแบ็ตตี้ว่าสัตว์ร้ายเป็นการดูถูกพวกสัตว์ร้ายทั่วทั้งจักรวาลด้วยซ้ำ
“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ ไม่ว่าจะมองยังไงคุณแบ็ตตี้ก็เป็นผู้ต้องสงสัยคดีลักพาตัวแอวริลมากที่สุดแล้วทำไมคุณถึงยังแก้ตัวแทนเขาอีก หรือความจริงแล้วคุณห่วงแต่แบ็ตตี้แต่ไม่ได้ห่วงแอวริลเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
เมื่อพูดถึงแอวริลน้ำเสียงของเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและมีเจตนาสังหารซ่อนอยู่ในนั้น
ไม่เพียงแต่ผู้ลงมือลักพาตัวแอวริลจะต้องตายแม้แต่คนที่คอยให้ความช่วยเหลือคนผิดก็จะต้องตายตามกันไปด้วย นี่คือหลักการการใช้ชีวิตที่เซี่ยเฟยได้ใช้มาโดยตลอด!
แม้ว่าผางไห่จะพยายามดูแลแอวริลมาเป็นเวลามากกว่า 16 ปี แต่เซี่ยเฟยก็สามารถสังหารชายชราคนนี้ได้อย่างไม่ลังเล ตราบใดก็ตามที่เขาพิสูจน์ได้ว่าผางไห่คือผู้ช่วยเหลือคนที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู!
“มันไม่ใช่แบบนั้น ผมดูแลแอวริลมาตั้งแต่วันแรกที่เธอเกิดมาผมเอ็นดูเธอมากกว่าหลานสาวแท้ ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ หากใครก็ตามที่กล้าทำร้ายคุณหนูผมจะจัดการพวกมันอย่างไม่ปราณีแน่นอน สิ่งที่ผมต้องการจะบอกคุณในวันนี้มีเพียงแค่แบ็ตตี้ไม่ใช่คนลงมือ” ผางไห่กล่าวพร้อมกับโบกมือปฏิเสธไปมา
“ผมขอหลักฐานด้วยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกไป
เขาเป็นคนขี้ระแวงมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเชื่อถือคำพูดของชายชราหากปราศจากหลักฐานที่มั่นคง
ทันใดนั้นเองผางไห่ก็ใช้นิ้วสัมผัสกับแหวนมิติ ก่อนที่จะหยิบไมโครคอมพิวเตอร์ออกมาส่งมอบให้กับชายหนุ่ม
“นี่คือตารางกิจกรรมของแบ็ตตี้ในปีที่ผ่านมา ผมบันทึกเอาไว้ทุกอย่างตั้งแต่เขาตื่นกี่โมง, ทานอาหารเช้ากี่โมง, อาหารเช้าทานอะไรบ้าง, เขาออกไปที่ไหนและไปเจอกับใคร ทุกวันตั้งแต่เขาตื่นจนเขาเข้านอนผมบันทึกประวัติเอาไว้อย่างละเอียด ทันทีที่คุณอ่านข้อมูลพวกนั้นจนหมดคุณจะรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้บงการในคดีลักพาตัวคุณหนูไปจริง ๆ”
“นี่คุณสะกดรอยตามแบ็ตตี้ตลอดเวลาเลยงั้นหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณจะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าตระกูลเจี่ยนเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่อันดับต้น ๆ ของจักรวาลและมีเรื่องราวอีกหลายหลายอย่างที่คนธรรมดาไม่อาจจะเข้าใจได้ โลกที่คุณกับพวกเขาอยู่เป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ผางไห่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของเขาเลย
เซี่ยเฟยถือไมโครคอมพิวเตอร์ด้วยมือที่สั่นอยู่เล็กน้อย
นี่น่ะหรอเบื้องหลังของตระกูลที่ร่ำรวย?
เขาเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าเบื้องหลังของตระกูลพวกนี้เป็นเหมือนกับทะเลลึก และในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของประโยคพวกนั้นแล้ว
แม้แต่การกินหรือการนอนก็ถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด แล้วแบบนี้มันจะมีคำว่าอิสระสำหรับพวกเขาไหม?
เมื่อได้เห็นข้อมูลของแบ็ตตี้ตลอดทั้งปีมันก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชายชราจะต้องมีข้อมูลของนิวแมนและแอวริลอยู่เหมือนกัน!
เซี่ยเฟยเก็บไมโครคอมพิวเตอร์เข้าไปไว้ในแหวนมิติก่อนที่เขาจะเดินกลับไปทางโรงพยาบาล
“หลังผมกลับไปผมจะตรวจสอบทุกอย่างโดยละเอียดครับ สิ่งที่คุณพูดมานั้นถูกต้องแล้วผมกับแอวริลอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันจึงยังมีเรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมยังไม่เข้าใจ แต่เรื่องพวกนั้นมันไม่สามารถขัดขวางผมกับแอวริลได้หรอกนะครับ”
“คุณฉลาดมากที่เข้าใจคำพูดของผม” ผางไห่กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมก็รู้ถึงเรื่องอื่นว่าในสายตาของตระกูลที่ร่ำรวยการเล่นสนุกกับชีวิตมนุษย์ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณจึงต้องการให้ผมปล่อยเรื่องนี้ไป” เซี่ยเฟยจุดบุหรี่และกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ถูกต้อง” ผางไห่กล่าวด้วยแววตาอันเปล่งประกาย
“ไม่ต้องห่วงครับ ถึงแม้ว่าแบ็ตตี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีของแอวริลแต่ผมก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป มันเป็นไปอย่างที่คุณพูดว่าผมมาจากโลกที่แตกต่างจากพวกคุณอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นจะต้องสนใจกฎและความคิดของพวกคุณเช่นกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
***************
คำพูดคำจาเชือดเฉือดไม่สนใจใครสุดๆไปเลย!