บทที่ 21 - ชีวิตในโรงเรียน
“จางกง เรื่องที่อาจารย์สอนวันนี้ออกจะน่าสนใจ ทำไมนายแอบหลับตลอดเวลา?” หม่าเคอถามผมหลังเรียนเสร็จ
“ฉันเรียนเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว ฉันคิดว่าฉันร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกลได้แล้วด้วย ฉันแค่ไม่เคยใช้ ไม่กล้าลองใช้แค่นั้น ในเมื่อเป็นยังงี้ จะให้ฉันทำอะไรนอกจากนอน? อย่าลืมสิธาตุรองของฉันคือธาตุมิติ” ผมตอบเอื่อย ๆ
“โอ้!! มันเป็นยังนี้นี่เอง น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้เรียนเวทย์มิติ นายสอนฉันได้มั้ย?”
“ได้เลย ปะ! ไปหาข้าวกินกัน แล้วตอนบ่ายค่อยฝึกฝนเวทย์มนต์”
“จางกง ถ้านายยังกินจุอยู่แบบนี้ คราวหน้าฉันไม่นั่งกับนายแล้วนะ” มองผมสวาปามข้าวถ้วยที่ 5 หม่าเคอบ่น อุบอิบ
“เฮ้! ฉันเป็นเด็กกำลังโต ถ้าไม่กินแล้วฉันจะโตได้ยังไง? ใครจะมาห้ามไม่ให้นายกิน?” ผมอ้อมแอ้มพูด
หลังจากกินข้าวถ้วยที่ 6 หมด ผมโดนหม่าเคอลากออกจากโรงอาหาร หลังจากนั้นผมมีฉายาใหม่ ‘ถังใส่ข้าวธาตุแสง’
“ว้าว! จางกง ดูนั่นสิ นักเวทย์น้ำคนนั้นสวยมากเลย” หม่าเคอพูดด้วยอาการตื่นเต้น
“จริงรึ!” ผมหันหัวกลับ ว้าว เลือดผมสูบฉีดขึ้นไปบนหน้าผาก เธอสวยมากจริง ๆ เธออยู่ในชุดคลุมเวทย์สีฟ้า ผมสีน้ำเงินเข้ม ผิวขาว ดวงตาคู่โตเป็นประกาย ถึงแม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอต้องโตขึ้นไปเป็นสาวงามแน่นอน แน่นอนที่สุด! แต่ถึงอย่างนั้น สวยก็คือสวย แต่ผมก็ยังไม่รู้สึกว่าเธอจะน่าดึงดูดใจเท่าไร อาจเป็นเพราะผมยังเด็กเกินไป
“เธอสวยมาก แต่ไม่ใช่สเปคฉัน ฉันจะกลับไปนอนที่ห้องนะ” ผมทำเท่โชว์หม่าเคอ
“พี่ใหญ่ ถ้าพี่ไม่สนใจเธอ ถ้าอย่างนั้นผมจะตามจีบเธอ!”
“นายตามเธอไปเลย ฉันไปล่ะ” ผมจะรอดูว่าเจ้าเด็กนี่จะตายยังไง สาวสวยขนาดนี้ แน่นอนต้องมีคนตามจีบเธอไม่น้อย หึ! ฉันไม่ร่วมสนุกด้วยหรอกนะ
หลังจากกลับมาถึงหอพัก ผมเริ่มทำสมาธิเพื่อเสี่ยวจินอีกครั้ง (ผมส่งพลังที่ได้ทั้งหมดจากการทำสมาธิไปที่เสี่ยวจิน ดังนั้นมันเป็นการทำสมาธิเพื่อเสี่ยวจิน)
ในตอนบ่าย ผมออกจากการทำสมาธิ ผมเดินหาที่ที่ไม่มีคนเพื่อฝึกเวทย์มนต์ ผมไม่อยากโดนชกหน้า จากการบังเอิญปล่อยเวทย์ไปโดนคนอื่น
วันนี้ผมจะฝึกเวทย์นี้ก็แล้วกัน เวทย์แสงระดับกลาง ‘เวทย์ฟื้นฟูวิญญาณธาตุ’ ผมร่ายเวทย์ที่อยู่ในหนังสือเพื่อรวบรวมพลังเวทย์ (แน่นอนผมปรับปรุงคำร่ายเล็กน้อย) “ธาตุแสงผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อนของท่านขอร้องท่านให้ช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้า!” หลังจากร่ายจบ ชั้นแสงสีขาวปรากฏขึ้นรอบตัวผม ทีละน้อย ๆ แสงเริ่มรวมกันอยู่ในมือของผม หวา! ผมว่าผมลืมบางอย่างไป ผมจะใช้เวทย์กับใคร? ผมรู้สึกว่า ผมเป็นคนบ้า!!
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าตามดูแลผมอยู่แน่นอน ในเวลาที่ต้องการ คนที่โดนทุบจนหน้าบวมเป็นหน้าหมูวิ่งเข้ามาหาผม เสียงตะโกนมาแต่ไกล “จางกง ช่วยฉันด้วย ฉันจะตายอยู่แล้ว!” เจ้าคนนี้นี่มันใครกัน? ทำไมรู้จักชื่อผม? ผมรู้สึกสับสน เอาล่ะ! ช่างมัน เขามาถูกเวลา ผมจะได้ทดสอบประสิทธิภาพของเวทย์มนต์ของผม
ผมใช้แสงสีขาวในมือครอบไปที่หัวหมูข้างหน้าผม เวทย์นี้ยังใช้พลังเวทย์เยอะมาก ใช้พลังเวทย์ของผมไปเกือบ 1 ใน 3 ก่อนที่ผมจะรักษาอาการบาดเจ็บได้ หวา!! ไม่มีทาง! ผมแปลกใจ นี่มันหม่าเคอ!
“หม่าเคอ ทำไมนายถึงเจ็บตัวหนักขนาดนี้?”
“อย่าพูดถึงมันเลย พี่ใหญ่ พี่ใช้เวทย์อะไรน่ะ? ทรงพลังมาก! ใช้เวลาแป็บเดียวก็รักษาผมได้แล้ว”
ฮิฮิ! นี่เป็นเวทย์แสงฟื้นฟูระดับกลาง เวทย์ฟื้นฟูวิญญาณธาตุ”
“อา!! เวทย์ระดับกลางเหรอ ผมนึกว่ามันเป็นเวทย์ระดับสูง พลังของมันพอ ๆ กันเวทย์น้ำรักษาขั้นสูงเลย”
กลายเป็นว่าเวทย์ฟื้นฟูของผมได้ผลดีขนาดนั้น? ดีมาก ผมไม่ต้องกลัวบาดเจ็บอีกแล้วในอนาคต
“หม่าเคอ นายยังไม่ได้บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“พี่ใหญ่จางกง พี่ต้องแก้แค้นแทนผมนะ! ไอ้หมอนั่นมันโหดมาก” หลังจากฟ้องผมเสร็จ เขาก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง
เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ หม่าเคอไปตามจีบเด็กสาวคนนั้น เข้าไปคุยกับเธอแล้วยิงบทสนทนาประมาณว่า “ขอผมเลี้ยงไอติมแท่งนะน้องสาว” “เธอชื่ออะไร?” “เธอเรียนอยู่ชั้นไหน?” แน่นอนว่า เธอไม่สนใจเขาตอกเขากับมา “น่ารำคาญจริง ๆ แมลงหวี่ แมลงวัน มาจากไหนเนี่ย ไปไกล ๆ เลย ไม่งั้นไม่ตายดีแน่” หม่าเคอย่อมไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขายังอวดต่อถึงเรื่องที่เขาได้เรียนข้ามชั้น รวมถึงเรื่องที่พอเขาโตเป็นหนุ่มแล้วจะต้องหล่อเหลาเอาการ จนในที่สุด สาวเจ้าต้องรีบเรียกนักเรียนชั้นปี 4 มาทุบเขาจนมีสภาพอย่างที่เห็น
หลังจากได้ฟังเรื่องของเขา ผมไม่ได้อะไรนะ แค่ยินดีด้วยกับความโชคร้ายของเขา สมควรแล้ว ผมเดาไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่ ๆ ฮ่าฮ่า!!
“นายมันโง่ นายไม่รู้วิธีตอบโต้หรือยังไง? นายใช้เวทย์ระดับกลางได้ไม่ใช่เหรอ?”
“สู้กลับ? พี่ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันเก่งขนาดไหน มันใช้เวทย์ระดับ 6 ได้เชียวนะ ยังดีที่ไอ้หมอนั่นออมมือให้ แค่ใช้เวทย์มัดผมไว้แค่นั้น”
“อ้าว! แล้วทำไมหน้านายบวมเป็นหมูอย่างนั้น?”
“ก็มันไม่ใช้เวทย์มนต์ แต่ใช้หมัดแทนไง ผมถูกมัดจะสู้กลับได้ยังไง นั่นแหละผมเลยจบด้วยสภาพที่พี่เห็น” สีหน้าของหม่าเคอเหมือนกำลังโดนอัดอีกครั้ง
“ใครใช้ให้นายไปตามจีบสาวมั่ว ๆ ล่ะ สมควรแล้ว ต่อไปก็อย่าไปกวนคนอื่นเขา”
“ไม่ ผมจะตามจีบต่อ พี่ไม่เข้าใจหรอก ตอนเธอโกรธนะ น่ารักสุด ๆ” ตาของหม่าเคอกลายเป็นรูปหัวใจไปแล้ว
“นายก็ไม่มีทางเข้าใจมันเหมือนกันนั่นแหละ นายยังเด็ก นายเพิ่ง 11 ขวบ มันยังเร็วเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องความรัก อีกอย่าง นายไม่กลัวโดนอัดอีกหรือไง”
“พี่ใหญ่ พลังแห่งความรักมันอยู่เหนือทุกสิ่ง! แถมมีเวทย์ฟื้นฟูของพี่เป็นตัวช่วย มีอะไรที่ผมต้องกลัวด้วย? ต่อให้โดนทุบกลับมา พี่ก็รักษาผมได้อยู่ดี” หม่าเคอพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
“มันคือเวทย์ฟื้นฟูวิญญาณธาตุเจ้าโง่ หึ!! ถ้านายยังก่อเรื่องอีกล่ะก็ ฉันจะไม่สนใจนายแล้ว นายอยากจะทำอะไรก็ตามใจ”
“ไม่เอาน่า พี่ใหญ่ ได้โปรด!” หม่าเคอน่ารำคาญเหมือนแมลงหวี่จริง ๆ โจมตีผมด้วยน้ำลายของเขาไม่หยุด
ผมทนเขาไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเพื่อให้ผ่านตอนนี้ไป ผมสัญญากับเขาว่าผมจะช่วยรักษาเขาในอนาคต แต่เขาต้องทำตัวให้ดีด้วย แล้วผมก็ยังห้ามเขาไม่ให้บอกใครถึงเรื่องที่ผมเป็นคนรักษาเขา
เด็กสาวคนนั้นมีเสน่ห์ถึงขนาดที่ทำให้เขายอมเสี่ยงชีวิตเลยเหรอ? ผมจินตนาการไม่ออก (ผม ผู้ไม่เข้าใจถึงความสัมพันธ์แบบชายหญิง ได้แต่หัวเราะหึหึใส่หม่าเคอ)