ตอนที่ 164: บลิสคลับ
ตอนที่ 164: บลิสคลับ
แม้ว่าเวลาจะเป็นตอนกลางคืนแต่เมืองของดาววีนอล 24 ก็เต็มไปด้วยแสงสว่างเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่บนถนนอันแออัดก็เต็มไปด้วยสถานบันเทิงอย่างมากมายที่คอยกระตุ้นให้ผู้คนออกมาใช้จ่ายเงินทอง
ตราบใดก็ตามที่ใครมีเงินใครคนนั้นก็จะสามารถซื้ออะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ท้ายที่สุดภายในกลุ่มดาวนครหลวงก็เป็นพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของพันธมิตร มันจึงมีสิ่งของต่าง ๆ นำมาวางขายอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็นของถูกกฎหมายหรือของผิดกฎหมายก็ตาม สิ่งเดียวที่คนขายต้องการคือเงินในกระเป๋าที่มากพอ
รถหรูคันสีดำวิ่งวนอยู่ภายในเมืองก่อนที่จะมุ่งหน้าตรงไปยังซอยมืดที่ไร้คนพลุกพล่านเหมือนย่านบันเทิง ราวกับว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ปราศจากความเจริญ
อันที่จริงย่านบันเทิงเป็นพื้นที่สำหรับนักเที่ยวที่มีเงินในกระเป๋าไม่มากนัก เพราะนักเที่ยวในระดับสูงจริง ๆ จะไม่ไปเที่ยวในสถานที่แบบนั้น แต่จะเป็นการเรียกเด็ก ๆ เข้ามายังสถานที่ของตัวเองแทน
รถหรูจอดส่งแบ็ตตี้ลงก่อนที่จะขับไปจนสุดถนนและจอดตรงลานจอดรถที่มีรถหรูจอดอยู่ก่อนแล้วจำนวนหลายคัน
หากใครก็ตามหลงมาที่นี่โดยบังเอิญพวกเขาก็จะต้องรู้สึกประหลาดใจกับรถหรูที่จอดอยู่ที่ลานจอดนี้ เพราะรถแต่ละคันมีราคามากพอจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่นอกกลุ่มดาวนครหลวงได้เลย
แต่ถึงกระนั้นในลานจอดนี้กลับมีรถหรูพวกนั้นให้พบเห็นได้โดยทั่วไป ทำให้ราคาของรถพวกนี้รวมกันสามารถซื้อดาวเคราะห์บางดวงได้เลย
แบ็ตตี้ไม่ได้นำบอดี้การ์ดติดตัวมาด้วยเพราะถ้าหากว่าแม้แต่ภายในสถานบันเทิงก็ยังต้องนำบอดี้การ์ดติดตัวมา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการอยู่ที่ไหนถึงจะปลอดภัย
หลังจากจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแบ็ตตี้ก็เริ่มปั้นรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนที่จะบังคับรถเข็นเข้าไปในบาร์ที่ดูธรรมดาข้างถนน
บาร์เล็ก ๆ แห่งนี้มีพื้นที่ไม่เกิน 200 ตารางเมตรและข้างในบาร์ก็ดูเหมือนจะไม่มีลูกค้า เพราะมีบาร์เทนเดอร์สูงวัยนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียว
เมื่อบาร์เทนเดอร์เห็นแบ็ตตี้เข้ามาเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปที่มุมมืดเพื่อเปิดประตูที่มีขนาดความกว้างประมาณ 3 เมตรเผยให้เห็นบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูอยู่ 2 คน
บอดี้การ์ดได้เหลือบสายตามองแบ็ตตี้อย่างใจเย็น ก่อนที่จะปล่อยให้เขาเข้าไปด้านใน
ผู้ที่ไม่เคยเข้าไปในบลิสคลับคงจะนึกไม่ถึงว่าภายในบาร์ที่ดูธรรมดา ๆ กลับมีสถานที่ที่หรูหราหลบซ่อนอยู่ด้านใน
ด้านในคลับประดับไปด้วยแสงไฟสลัว ๆ และมีหญิงสาวแต่งตัวเซ็กซี่นั่งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งจำนวนของหญิงสาวเหล่านี้ก็น่าจะมีไม่น้อยกว่า 300 คน
ปึก!
เมื่อแบ็ตตี้เดินเข้ามาพวกสาว ๆ ก็คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาให้แบ็ตตี้ได้เชยชม
แน่นอนว่าสาว ๆ ทุกคนย่อมมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม และแม้แต่ภายในงานประกวดนางงามก็ยังไม่สามารถพบเห็นสาวงามพร้อม ๆ กันได้เป็นจำนวนมากมายขนาดนี้เลย
น่าเสียดายที่รอยยิ้มของหญิงสาวพวกนี้เป็นรอยยิ้มที่แข็งทื่อและมีแววตาที่ว่างเปล่าราวกับพวกเธอเป็นเพียงแค่ซากศพที่ยังคงมีชีวิตอยู่เท่านั้น
แบ็ตตี้บังคับรถเข็นลอยเลือกดูหญิงสาวไปทีละคน ก่อนที่เขาจะชี้นิ้วไปยังสาวผิวแทนด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ราวกับว่าเขากำลังเลือกสัตว์เลี้ยงไปสักตัว
หญิงสาวที่ถูกเลือกยืนขึ้นและเดินตามแบ็ตตี้เข้าไปที่ส่วนลึกของห้องโถง ซึ่งระหว่างทางมันไม่มีบทสนทนาใด ๆ และความเงียบงันก็เริ่มก่อให้เกิดบรรยากาศที่อึดอัด
ในเวลาเดียวกันหญิงอ้วนวัยประมาณ 50 ปีก็เดินออกมาจากมุมมืด โดยบนใบหน้าของเธอไม่ได้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางใด ๆ แต่เธอก็ยังแต่งกายด้วยชุดราตรีเหมือนสตรีชนชั้นสูงที่สวมสร้อยคอและต่างหูที่มีราคามากมายมหาศาล
“ห้องของคุณพร้อมแล้วค่ะ ทุกสิ่งที่คุณต้องการอยู่ในห้องเหมือนเดิมนะคะ” หญิงอ้วนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เธอใช่สาวบริสุทธิ์หรือเปล่า?” แบ็ตตี้ถาม
“คุณก็รู้ว่าสาวทุกคนในบลิสคลับของเราเป็นสาวบริสุทธิ์” หญิงอ้วนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ดีมาก” แบ็ตตี้กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
หลังกล่าวจบแบ็ตตี้ก็นำหญิงสาวเข้าไปภายในห้องที่เขาได้เช่าไว้มาตลอดหลายปี
“คนพิการอย่างแกไม่มีทางรู้หรอกว่าเธอบริสุทธิ์จริง ๆ หรือเปล่า” หญิงอ้วนนินทาลับหลังหลังจากที่แบ็ตตี้เข้าไปภายในห้อง ซึ่งน้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยามอย่างรุนแรงก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้าไปภายในมุมมืดอีกครั้ง
ด้านในห้องมีผู้ชายร่างกำยำ 2 คนยืนรอแบ็ตตี้อยู่ก่อนแล้ว โดยพวกเขาได้สวมเสื้อรัดรูปสีดำและสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเผยให้เห็นแต่ดวงตาทั้งสองข้างเพียงเท่านั้น
เด็กสาวผู้โง่เขลาไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไร เธอจึงทำได้แต่เพียงยืนอยู่เฉย ๆ และคิดเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองภายในใจ
“ฉันต้องถอดเสื้อผ้าเลยหรือเปล่าคะ?”
การเสียสละของเธอจะทำให้พ่อแม่พี่น้องของเธอมีชีวิตอยู่อย่างสบาย แล้วเธอก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่คุ้มค่าที่เธอจะเสียสละความบริสุทธิ์เพียงแค่เล็กน้อยเพื่อแลกกับการที่ทำให้ครอบครัวของเธออยู่อย่างสุขสบาย
“เริ่มได้เลย” แบ็ตตี้กล่าวพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างเพลิดเพลิน
ทันทีที่ได้รับคำสั่งชายผู้สวมหน้ากากทั้งสองคนก็ยกหญิงสาวขึ้นมาจากพื้นก่อนจะโยนลงบนเตียงอย่างรุนแรง จากนั้นการทรมานก็เริ่มต้นขึ้น
หญิงสาวกัดฟันทนรับความเจ็บปวดที่โดนกระทำ ท้ายที่สุดวิธีการแบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีการให้บริการแบบปกติมันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงสาวบริสุทธิ์แบบเธอเลย เพราะแม้แต่หญิงสาวที่ขายบริการมานานหลายปีก็ไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดแบบนี้ได้เหมือนกัน
เพียะ!
เสียงมือกระทบหน้าดังกึกก้องพร้อมกับมีรอยมือสีแดงปรากฏให้เห็นบนใบหน้าที่บอบบาง นอกจากนี้มันยังมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากและฟันสีขาว 2 ซี่ที่กลิ้งหล่นลงไปใต้เตียง
“ตบมันต่อ ตบมันให้ตาย!” แบ็ตตี้ตะโกนสั่งพร้อมกับร่างกายที่สั่นขึ้นมาเล็กน้อย
—
1 ชั่วโมงต่อมาแบ็ตตี้ก็ออกมาจากห้องด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
หญิงอ้วนในมุมมืดเดินออกไปหาแบ็ตตี้อีกครั้ง ก่อนที่เธอจะกล่าวถามออกมาด้วยความเคารพ
“ดูเหมือนคุณจะมีความสุขมากเลยนะคะ”
“อือ ถือว่าใช้ได้! รอบหน้าช่วยเตรียมแม่ลูกคู่หนึ่งเอาไว้ให้ฉันด้วย”
“ฉันขอเวลา 3 วันค่ะ รับรองว่าคุณจะได้ในสิ่งที่คุณต้องการแน่นอน ว่าแต่คนข้างในจะให้ทำยังไงดีคะ?” หญิงอ้วนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนเดิม เอาร่างของเธอไปฝังซะอย่าให้มีเบาะแสชี้มาที่ฉันได้ ส่วนสองคนนั้นเอาไปโยนทิ้ง จะทำยังไงก็ได้ขอให้พวกมันตายไปก็พอ” แบ็ตตี้กล่าวก่อนที่เขาจะบังคับรถเข็นลอยบินจากไป
หญิงอ้วนแสดงความเคารพก่อนที่จะเฝ้าดูปีศาจออกไปจากคลับของเธออย่างเงียบ ๆ
นี่คือ ‘บลิสคลับ’ คลับนรกสำหรับผู้ให้บริการ แต่มันคือสวรรค์สำหรับพวกคนรวยที่มีจิตใจอำมหิต
คลับที่คอยตอบสนองต่อความมืดมิดในจิตใจของมนุษย์!
—
ทุกที่ภายในนครหลวงไม่สามารถรอดพ้นการสืบสวนของสามพี่น้องตระกูลหลิงไปได้ เซี่ยเฟยจึงนั่งอยู่ในห้องเพื่อรับฟังรายงานจากหลิงเซียวอยู่อย่างเงียบ ๆ โดยในปัจจุบันหลิงเซียวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหน้าจอกำลังกัดฟันรายงานด้วยความโกรธ
ท้ายที่สุดมันก็คงจะไม่มีมนุษย์ที่ไหนรู้สึกดีถ้าหากพวกเขาได้เห็นภาพเดียวกันกับหลิงเซียว
“ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจนี้ ตอนนั้นฉันคงจะเข้าไปฆ่าแบ็ตตี้แล้วเผาสถานที่บ้า ๆ นั้นทิ้งไปซะ!” หลิงเซียวพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ
เซี่ยเฟยดูดบุหรี่และเงียบเสียงลงไปครู่หนึ่ง เพราะเพียงแค่ได้รับฟังรายงานจากหลิงเซียวมันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากแล้ว
ความบิดเบี้ยวภายในใจของแบ็ตตี้ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้อีกต่อไป เพราะมันเป็นความบ้าคลั่งที่เหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของมนุษย์ไปไกล
หากเป็นไปได้ชายหนุ่มก็ต้องการที่จะสังหารแบ็ตตี้ไปเลยเหมือนกัน แต่การทำแบบนั้นไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของแอวริลได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกโกรธแค่ไหนแต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องเก็บงำความโกรธพวกนั้นเอาไว้
“ฉันจะรายงานเรื่องนี้ไปที่อาจารย์ ฉันจะปล่อยไอ้พวกนั้นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!” หลิงเซียวยังคงพูดออกมาด้วยความโกรธ
“ผมคิดว่านั่นอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ทำไม?”
“อย่าลืมว่าที่นี่คือนครหลวงที่มีการป้องกันอย่างหนาแน่น การเปิดร้านแบบนั้นในนครหลวงไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ แสดงว่าเบื้องหลังของร้านนั้นจะต้องมีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลังอยู่แน่ ๆ”
“ด้วยนิสัยของคุณตาทูรามหลังจากที่เขารู้เรื่องนี้เขาคงจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่นอน และถ้าหากว่าเขาทำลายสถานที่แห่งนั้นไปมันก็อาจจะเข้าไปกระตุ้นผู้มีอำนาจบางคน แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่าผู้มีอำนาจคนนั้นมีอำนาจเหนือกว่าคุณตาทูราม พี่ก็คงจะนึกภาพตามได้ใช่ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากพิจารณาสถานการณ์
หลังจากได้ยินคำพูดของเซี่ยเฟยมันก็ทำให้หลิงเซียวชะงักไปเล็กน้อย
นครหลวงเป็นสถานที่แบบไหน?
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาเปิดสถานที่อุบาทว์แบบนั้นในนครหลวงหากปราศจากการหนุนหลังของผู้มีอำนาจ และถ้าหากว่าเขาเอาเรื่องนี้ไปรายงานอาจารย์จริง ๆ มันก็มีโอกาสที่จะทำให้ทูรามได้ตกอยู่ในอันตราย
“ขอบคุณมากที่เตือน ถ้าฉันรายงานอาจารย์ไปจริง ๆ มันก็มีโอกาสที่อาจารย์จะเดือดร้อน แล้วพวกเราสามพี่น้องก็คงจะทนรับเรื่องนั้นไม่ได้” หลิงเซียวพูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“สิ่งที่พวกเราทำได้คือการพยายามแอบรวบรวมข้อมูลการเล่นกับชีวิตมนุษย์ในสถานที่อุบาทว์นั่นแล้วแอบส่งข้อมูลให้กับสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะแม้แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คงจะเก็บสถานที่อุบาทว์ ๆ แห่งนั้นเอาไว้ไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นั่นสิ ทำไมฉันถึงคิดเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ไม่ออก ไม่แน่เรื่องนี้อาจจะถูกสืบสาวไปจนถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเลยก็ได้” หลิงเซียวตบขาอย่างแรงพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย
“คงจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ ในเมื่อเขาเป็นคนที่มีอำนาจเขาจะต้องมีวิธีการป้องกันตัวเองอยู่แล้ว อย่างเลวร้ายมากที่สุดเขาก็แค่จะต้องทิ้งตัวหมากเพื่อปกป้องตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วร้านแบบนี้ก็คงจะมีอยู่ทั่วทั้งพันธมิตรมนุษย์ เพราะตราบใดก็ตามที่มนุษย์ยังมีความชั่วร้ายอยู่ภายในใจ ร้านแบบนี้ก็สามารถสร้างผลกำไรให้กับพวกเขาได้อยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าว
หลิงเซียวถึงกับพูดไม่ออกแต่เขาก็รู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยอยู่ภายในใจ
ชายหนุ่มคนนี้มีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น แต่การคิดวิเคราะห์และการพูดจาของเซี่ยเฟยก็เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ทั่วไปไม่สามารถที่จะทำได้
“เอาล่ะพวกเรายังไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้จนกว่าผลของการสืบสวนจะออกมา ผมขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ที่พวกพี่ด้วยนะครับ”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุดแล้วจะรีบกลับมารายงานถ้าหากว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง” หลิงเซียวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
แต่ในทันใดนั้นเครื่องสื่อสารขนาดเล็กพิเศษในหูของหลิงเซียวก็ดังขึ้นมา ก่อนที่เขาจะปิดหูเพื่อตั้งใจฟังและพูดขึ้นมาด้วยความสับสนว่า
“แบ็ตตี้ไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าแต่ไปแถวคฤหาสน์บริเวณชานเมือง น้องสามบอกว่าในคฤหาสน์มีผู้หญิงวัยกลางคนและเด็กผู้ชายที่เรียกแบ็ตตี้ว่าป๊ะป๋า”
“อะไรนะคุณแบ็ตตี้มีลูกชายงั้นหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน
***************