ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 10 ข้าขอปฎิเสธ
“การทดสอบรอบสองเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ที่อยู่หนึ่งพันอันดับแรกจะกลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของนิกายกระบี่ล่องนภาของเรา” ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาผู้อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตควบแน่นแก่นแท้ได้ก้าวไปข้างหน้าและประกาศเสียงดังลั่นว่าจะสิ้นสุดการคัดเลือกในปีนี้
“ข้า... ข้าเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ล่องนภาแล้ว ข้าจะต้องไปบอกตระกูลของข้า”
“เฮ้อ… มันจบลงแล้ว ในการมาที่นิกายกระบี่ล่องนภา ข้าใช้ทรัพยากรของตระกูลไปนับไม่ถ้วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ท้ายที่สุดข้าก็ล้มเหลว…”
“ข้าคิดว่าข้าจะไม่ติดอันดับหนึ่งในหมื่นด้วยซ้ำ บางทีข้าควรจะเลิกบ่มเพาะและเริ่มทำไร่ไถนาที่ไหนสักแห่ง…”
ทันใดนั้นลานฝึกก็มีเสียงดังหลังจากที่อันดับปรากฏ ผู้คนที่อยู่ในรายชื่อหนึ่งพันอันดับแรกรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ด้วยคำง่าย ๆ เฉกเช่นลูกศิษย์ของนิกายกระบี่ล่องนภา เมื่อพวกเขากลับไปที่บ้าน พวกเขาจะได้รับความสนใจอย่างความชื่นชมและความอิจฉาริษยาของผู้คนนับไม่ถ้วน
แม้แต่ผู้ทรงอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรพวกเขาเพราะเขามีนิกายกระบี่ล่องนภาเบื้องหลัง แม้แต่ราชวงศ์ของอาณาจักรนภาสวรรค์ก็ต้องปฏิบัติต่อนิกายกระบี่ล่องนภาด้วยความเคารพ นับประสากับผู้คนในอาณาจักรนภาสวรรค์
ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายในขณะที่พวกเขาจ้องมองภาพฉายการจัดอันดับขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันเน้นย้ำถึงความล้มเหลวของพวกเขาให้ทุกคนเห็น
ในบรรดาผู้ที่ไม่ผ่านการทดสอบรอบสอง พวกเขาต่างก็เป็อัจฉริยะที่ได้รับการเลี้ยงดูจากตระกูลของพวกเขาด้วยทรัพยากรนับไม่ถ้วน เมื่อพวกเขากลับไปยังตระกูลของพวกเขา ใคร ๆ ก็สามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าตระกูลของพวกเขาจะผิดหวังเพียงใดหลังจากที่พวกเขากลับไป
ทรัพยากรที่พวกเขาใช้ไปนั้นไร้ประโยชน์และอัจฉริยะส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวได้สร้างศัตรูจำนวนไม่น้อยกลับบ้านเพื่อแย่งชิงทรัพยากรล้ำค่าเหล่านั้น...
ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร การทดสอบรอบสองก็ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้วและพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากโทษตัวเองสำหรับความไร้ความสามารถของพวกเขาเอง
“นอกเหนือจากผู้ที่อยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกแล้ว ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้เป็นหนึ่งพันอันดับแรก แต่ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาก็ได้เห็นถึงการกระทำของพวกเจ้า ต่อไปข้าจะเรียกชื่อของผู้ที่ถูกเลือก ผู้อาวุโส แต่ก่อนนั้น ข้าขอแสดงความยินดีกับผู้ที่อยู่ในหนึ่งพันอันดับแรกที่ได้เป็นศิษย์ของนิกายของเรา !”
ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาที่ก้าวออกมาเพื่อประกาศการสิ้นสุดของการทดสอบรอบสองพูดขึ้นอีกครั้ง
คำพูดของเขาเหมือนเสียงฟ้าที่ร้องลั่น ขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนที่ล้มเหลวจากหนึ่งพันอันดับแรกก็ได้จุดประกายความหวังอีกครั้ง
แม้ว่าร่องรอยของความหวังจะน้อยมาก แต่ก็ยังพอมีอยู่
ขณะที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภา เขาค่อย ๆ เริ่มเรียกชื่อของผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ส่วนตัวโดยผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภา
“อี้เฟิง ซื่อคงเจีย เหลิ่งอี้ตัน โฮ่วซา...”
ต่อจากนั้น ผู้อาวุโสจากนิกายกระบี่ล่องนภาก็ได้เรียกชื่อผู้คนมามากกว่าสิบคนและผู้ที่ได้รับการเรียกชื่อล้วนมีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขบนใบหน้าของพวกเขา เดิมทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่มีความหวังที่จะเข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนภาอีกแล้ว แต่ตอนนี้...
ชีวิตมีขึ้นก็ต้องมีลง เปลี่ยนจากจุดต่ำสุดของชีวิตไปสู่จุดสูงสุดของชีวิตได้เพียงช่วงเวลาหนึ่ง
ชิงเฉินอี้ซึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในลานฝึกกำหมัดแน่นขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสที่เรียกชื่อผู้ที่ถูกเลือกโดยผู้อาวุโส บางทีพวกเขาอาจกลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสก็ได้
ชิงเฉินอี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชื่อของเขาจะปรากฏอยู่ในปากของผู้อาวุโสต่อไป
“ไป๋เฉิง”
ขณะที่ชิงเฉินอี้เพ่งความสนใจไปที่ผู้อาวุโสด้วยความคาดหวังมากมายไม่รู้จบ แต่ชื่อที่เขาเอ่ยออกมาทำให้ชิงเฉินอี้ต้องตกตะลึงและเขารีบหันกลับมาและมองตรงไปที่ไป๋เฉิงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา
“ไป๋เฉิง… เป็นไปได้อย่างไร ข้าเก่งกว่าเขาเห็น ๆ”
เมื่อชิงเฉินอี้มองไปที่ไป๋เฉิง การจ้องมองของไป๋เฉิงก็จ้องมองกลับมาด้วยท่าทางที่ยั่วยุ
ไป๋เฉิงดูไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสเรียกชื่อเขา ราวกับว่าเขาคาดไว้แล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น
“เป็นอย่างไร ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าจะเข้าร่วมนิกายกระบี่ล่องนภา”
ไป๋เฉิงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เขามองไปที่ชิงเฉินอี้ที่ยังคงตกตะลึง
ย้อนกลับไปในเมืองอาทิตย์สาดส่อง ชิงเฉินอี้ได้เหนือเขาไปเสียทุกอย่าง เมื่อผู้คนพูดถึงเขา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการประณามเรื่องเลวทรามของเขา ในขณะที่ชิงเฉินอี้ถูกมองว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมือง
แต่ในขณะนี้ ชิเฉินอี้ อัจฉริยะผู้นั้นหมายถึงใครกัน
ในอนาคต เขาจะเหนือกว่าชิงเฉินอี้และช่องว่างระหว่างพวกเขาก็จะใหญ่ขึ้นหลังจากที่เขาเข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนภา
“อี้เอ๋อ เจ้าคิดอย่างไร หากเจ้าตกลงแต่งงานกับข้า ข้าสามารถช่วยตระกูลชิงของเจ้าได้ แม้ว่านิกายนวาระทมิฬจะแข็งแกร่ง แต่ก็เทียบไม่ได้กับนิกายกระบี่ล่องนภา เจ้ารู้ไหมว่าทำไมแม้ว่าข้าจะถูกจัดอันดับที่ต่ำ แต่ข้าก็ยังสามารถเข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนภาได้ นี่เป็นเพราะตระกูลไป๋ของข้าและผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาต่างก็เป็นคนรู้จักกัน!”
“ตราบใดที่เจ้าตกลง ข้าสามารถเชิญผู้อาวุโสคนนี้ให้ช่วยตระกูลชิงของเจ้าแก้ไขวิกฤตและช่วยพิจารณาเรื่องระหว่างตระกูลชิงและตระกูลไป๋”
“เจ้าเข้านิกายกระบี่ล่องนภาทางประตูหลังหรือ” ชิงเฉินอี้แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและถามอย่างเยือกเย็น
อย่างน้อยเขาก็เข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนะภาได้เพียงเพราะเส้นสาย ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกว่าชิงเฉินอี้แต่อย่างใด
“แล้วอย่างไร ทำไมเจ้าไม่ลองดูล่ะว่าเจ้าจะสามารถเข้านิกายกระบี่ล่องนะภาได้หรือไม่” ไป๋เฉิงไม่สนใจคำพูดของเฉิงอี้ ความสนใจของเขามุ่งไปที่ชิงอี้เพื่อรอคำตอบของนาง
“ข้า...” ชิงอี้ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร นางรู้ว่าการตัดสินใจของนางจะส่งผลต่อความอยู่รอดของตระกูลชิงมากที่สุด
ทั้งที่รู้ว่าต่อให้ปฏิเสธก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่นางก็ยังลังเล
บอกตามตรง นางไม่ชอบไป๋เฉิงเลย ในอดีต ชิงอี้ไม่เคยแม้แต่จะยุ่งกับคนอันตรายอย่างเขา
แต่ตอนนี้...
ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาที่อยู่เบื้องหลังเขาอาจเป็นคนเดียวที่ช่วยชีวิตตระกูลชิงของนางได้
“ข้า...”
“ชิงอี้ !”
ในขณะที่ชิงอี้กำลังจะพูด ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาที่กำลังประกาศชื่อบนลานฝึกก็เรียกชื่อนาง
“เอ๋?”
ทันทีที่เสียงของเขาดังขึ้น ไป๋เฉิง ชิงเฉินอี้และรุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ของตระกูลชิงหรือแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ต่างก็ตกตะลึง
แม้อันดับของไป๋เฉิงจะอยู่ในระดับต่ำ แต่เขาถูกยอมรับด้วยเหตุผลที่ตระกูลไป๋ของเขารู้จักกับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภา
แต่ตระกูลชิงไม่มีคนรู้จักในนิกายกระบี่ล่องนภา...
ชิงอี้อ้าปากในขณะที่ปากเล็ก ๆ ของนางเริ่มส่งเสียงพึมพำ
ชื่อของนางถูกเรียก...
เป็นไปได้อย่างไร?
ผลลัพธ์ของนางนั้นอยู่ในอันดับล่างสุด ต่ำกว่าไป่เฉิงด้วยซ้ำ
“ข้าเสียใจด้วย ข้าขอปฏิเสธ”
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว ชิงอี้ยิ้มเล็กน้อยขณะที่นางปฏิเสธข้อเสนอของไป๋เฉิงทันที