ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 8 การต่อสู้ครั้งแรกของสาวน้อยชิงอี้
“เหวินหลู่นั้นก็ไม่เลวนัก เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมปราณขั้น 8 แล้ว แม้ว่าจะต่อสู้กับอสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 9 เพียงลำพัง เขาก็คงสามารถเอาชนะพวกมันได้โดยไม่ยากเย็น เขาคืออัจฉริยะที่ดีที่สุดในปีนี้ !”
คนที่พูดคือผู้อาวุโสฝ่ายใน แม้ว่าจะมีคนอีกสองสามคนที่มาถึงขอบเขตรวมปราณขั้น 8 เหมือนอย่างเขา แต่เหวินหลู่ก็ยังคงเป็นคนที่ทำได้ดีที่สุดจนถึงตอนนี้
“จริงสิ หากเปรียบเทียบแล้ว เฟิงหลี่ผู้นั้นด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าแม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะไม่อยู่ในระดับเดียวกับเหวินลู่ แต่ก็คงไม่ห่างกันมากนัก แต่ดูเหมือนวาข้าจะประเมินเขาสูงเกินไป เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมปราณขั้น 8 แล้ว แต่เขายังต้องทุ่มสุดตัวเพื่อต่อกรกับอสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 8 ระดับต้นเพียงเท่านั้น”
นอกจากเซวียนห่าวแล้ว เฟิงเฉินก็ส่ายหัวและมองไปที่ชายหนุ่มในชุดสีเขียวบนภาพฉายด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ในขณะนี้ ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงกำลังถูกไล่ล่าโดยอสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 8 ระดับต้นสองตัว การกล่าวว่าสารรูปของเขาน่าสังเวชดูจะเป็นการกล่าวที่น้อยไป...
“เฟิงหลี่ผู้นี้น่าจะพึ่งเม็ดยาบางอย่างเพื่อเข้าถึงขอบเขตปัจจุบันของเขา ในขั้นเดียวกัน ใคร ๆ ก็สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย...” เซวียนห่าวกล่าวในขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มในชุดเขียวอย่างผิดหวัง
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผู้ที่พึ่งพาเม็ดยาเพื่อกระตุ้นฐานการบ่มเพาะของเขาก็จะไม่สามารถเข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนภาได้โดยง่าย เฟิงหลี่ผู้นี้แม้ว่าเขาจะไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตรวมปราณขั้น 8 แต่ก็ไม่น่าจะติดอันดับหนึ่งในหนึ่งพันอันดับแรกเพื่อเข้าสู่นิกาย
การทดสอบรอบแรกคือวัดฐานการบ่มเพาะของผู้เข้าร่วมและอายุกระดูกเท่านั้น ไม่มีการทดสอบความสามารถของพวกเขาแต่อย่างใด
แต่การทดสอบรอบสองแตกต่างจากรอบแรก
อัจฉริยะที่พึ่งพาเม็ดยาจำนวนมากเพื่อกระตุ้นฐานการบ่มเพาะของพวกเขาจะถูกเปิดโปงโดยทันที
เซวียนห่าวไม่ได้สนใจคนเหล่านี้และมุ่งความสนใจกลับไปที่ชิงอี้แทน
นอกจากเซวียนห่าวแล้ว ไม่มีผู้อาวุโสอื่นใดจากนิกายกระบี่ล่องนภาที่มุ่งความสนใจไปที่นาง พวกเขาเพียงแค่มองนางผ่าน ๆ เท่านั้น
แน่นอนว่านางไม่น่าจะไปถึงหนึ่งในหนึ่งพันอันดับอย่างแน่นนอน
แม้แต่เซวียนห่าวก็ไม่คาดคิดว่านางจะผ่านการทดสอบรอบสองได้เช่นกัน ก่อนที่กายาศักดิ์สิทธิ์แห่งตะวันเจิดจรัสของนางจะตื่นขึ้น พรสวรรค์ของนางก็จะอยู่ในระดับปานกลางในหมู่คนนับหมื่นที่เข้าร่วมการทดสอบเพียงเท่านั้น
ย้อนกลับไปก่อนเริ่มการทดสอบรอบสอง ชิงอี้มองดูป่าอสูรที่อยู่ตรงหน้านางอย่างกระวนกระวายใจ
นี่คือป่าอสูรของนิกายกระบี่ล่องนภา ในนั้นมีอสูรที่อยู่ระหว่างขอบเขตรวมปราณขั้น 1 และขั้น 9
เพียงแค่มีโอกาสที่จะเจออสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 9 มันก็ทำให้ชิงอี้รู้สึกกลัวมากแล้ว
“พวกเจ้าทุกคนจะได้เข้าไปตอนนี้ พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้รวมกลุ่มและควรพยายามล่าอสูรพวกนี้ให้ได้มากที่สุดก่อนที่เวลาจะหมดลง อย่างที่พวกเจ้าทุกคนรู้ อสูรที่นี่มีเพียงขอบเขตรวมปราณเท่านั้น ดังนั้น จะไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อพวกเจ้า !”
ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาผู้นำรุ่นเยาว์ตระกูลชิงและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ บอกพวกเขาก่อนที่จะเริ่มเดินเข้าไปที่ป่าอสูร
“จำไว้ด้วยว่ายิ่งเจ้าเข้าไปลึกเท่าใด อสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เอาล่ะ ไปได้แล้ว รีบล่าอสูรให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกเจ้าจะทำได้ ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งได้รับคะแนนมากเท่านั้น”
ก่อนที่ผู้อาวุโสจะหายตัวไป กลุ่มรุ่นเยาว์ก็ได้ยินเสียงคำเตือนของเขา พวกเขาตระหนักได้ว่าการทดสอบรอบสองได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ข้าต้องรีบแล้ว มิฉะนั้น โอกาสเข้านิกายกระบี่ล่องนภาของข้าก็จะหมดลง”
“ป่าอสูร ข้ามาแล้ว หวังว่าจะมีอสูรเพียงพอสำหรับข้านะ !”
“ดูนั่นสิ คนอื่น ๆ ได้เข้าไปในป่าอสูรแล้ว เราก็ต้องรีบไปเช่นกัน !”
ในไม่ช้า รุ่นเยาว์จากตระกูลชิงและคนอื่น ๆ ก็หายเข้าไปในป่าอสูร มีเพียงชิงอี้เท่านั้นที่ถูกทิ้งอยู่หน้าทางเข้าป่าอสูร
ชิงอี้ปลดฝักกระบี่ของนางและมองดูเพื่อให้แน่ใจว่ามันอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่นางจะกำมือของนางไว้รอบด้าม
นางหายใจเข้าลึก ๆ และในที่สุดนางก็มุ่งหน้าไปยังป่าอสูร
ชิงอี้ค่อย ๆ เดินผ่านใบไม้หนาทึบของป่าและคอยมองไปด้านข้างของนางเป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีอสูรแอบเข้ามาใกล้นางโดยไม่ทันได้สังเกตเห็น
“กรร !”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เสียงคำรามก็ดังขึ้นใกล้ ๆ และชิงอี้ก็เกร็งขึ้นอย่างรวดเร็ว นางกำกระบี่แน่นขึ้นขณะที่นางเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในไม่ช้า ต้นกำเนิดของเสียงคำรามก็ปรากฏต่อหน้านาง
อสูรที่มีรูปร่างแมวยักษ์ มันส่งรัศมีอำมหิตที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด ฟันที่แหลมคมของอสูรมากเกินพอที่จะข่มขวัญชิงอี้ อสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 2
อสูรแมวนี้ก็สังเกตเห็นชิงอี้และเริ่มเข้าใกล้นางอย่างระมัดระวัง
ชิงอี้กำกระบี่แน่นขึ้นในมือขณะที่นางตัดสินใจพุ่งเข้าหาอสูรเป็นครั้งแรก
นางยกมือขึ้นและกระบี่สีเงินก็พุ่งออกไป
กระบี่สีเงินนี้ไม่ได้เร็วมากนัก อย่างไรก็ตาม อสูรตัวนี้ก็ไม่กล้าที่จะประเมินมันต่ำไป ขณะที่มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีนี้
แต่อสูรตัวนี้ก็ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อจู่ ๆ กระบี่ก็เร่งความเร็วและแทงเข้าที่ขาของอสูร
“กรร !”
มันปล่อยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว อสูรตัวนี้พยายามล่าถอย แต่ชิงอี้ก็โจมตีมันอีกครั้ง
แทงทะลุหัวของอสูรได้โดยตรงและปิดชีวิตมัน
“แฮกแฮก….”
ชิงอี้นอนลงอย่างหมดแรง นางดูไม่มีความสุขเลย
นางใช้พลังปราณของนางไปมากในการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้และทำได้เพียงฆ่าอสูรที่ไม่ทันตั้งตัว
นี่เป็นเพียงอสูรขอบเขตรวมปราณขั้น 2 เพียงเท่านั้น
หากนางไม่ฆ่าสิ่งที่แข็งแกร่งกว่านี้ นางจะเข้าสู่หนึ่งพันอันดับแรกและกลายเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ล่องนภาได้อย่างไรกัน
“เฮ้อ...”
ชิงอี้ถอนหายใจด้วยความหดหู่เล็กน้อยและรีบลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
นางจะไม่ยอมให้เรื่องนี้มาหยุดยั้งนางได้ นางจะเข้าสู่หนึ่งพันอันดับแรกและกลายเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ล่องนภา และด้วยวิธีนี้ พ่อและตระกูลของนางจะปลอดภัยจากตระกูลไป๋และนิกายนวาระทมิฬ