ระบบยอดอาจารย์บ่มเพาะศิษย์ ตอนที่ 4 อัจฉริยะของข้าอยู่ไหนกัน
“เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสหลักของนิกายกระบี่ล่องนภา ยอดฝีมือขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิด”
ชิงอี้เปิดปากเล็กน้อยขณะที่นางเพ่งสายตาไปที่เซวียนห่าว นางตกใจเกินกว่าจะเชื่อเมื่อเห็นผู้คนต่าง ๆ พูดคุยเกี่ยวกับชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ จ้าวนิกาย
อายุแค่ยี่สิบกว่าปีแต่กลับมาถึงขอบเขตวิญญาณก่อกำเนิดแล้ว
“ทุกคน เนื่องจากพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกจากนิกายกระบี่ล่องนภา ข้าจึงมิอาจจะไม่เสียเวลาได้อีกต่อไป ข้าขอจะประกาศว่าการทดสอบรอบแรกของนิกายกระบี่ล่องนภาจะเริ่มขึ้นณ บัดนี้ !” หลังจากกล่าวต้อนรับเหล่ารุ่นเยาว์ชั่วครู่ เฟิงเฉินก็ประกาศเริ่มการทดสอบรอบแรกโดยทันที
การทดสอบรอบแรกแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ขั้นแรกเพื่อทดสอบอายุกระดูกเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครอายุเกินข้อจำกัดหลุดเข้ามาและขั้นที่สองตรวจสอบขอบเขตบ่มเพาะ
ผู้ที่มีอายุกระดูกน้อยกว่าสิบแปดปีและขอบเขตบ่มเพาะขอบเขตรวมปราณขั้น 3 จึงจะสามารถเข้าสู่การทดสอบรอบต่อไปได้
รอบแรกนั้นไม่ยากเกินจริง คนส่วนใหญ่ที่ปรากฏตัวที่นี่เห็นด้วยกับขั้นตอนต่าง ๆ และเข้ารับการทดสอบ
ผู้ที่อายุต่ำกว่าสิบสี่ปียังเหลือการทดสอบอีกขั้นหนึ่งที่พวกเขาต้องผ่านพ้นไปให้ได้ เพื่อให้มันยุติธรรมสำหรับพวกเขาที่จะเข้าร่วมได้ ท้ายที่สุดแล้ว การที่จะมีเด็กอายุสิบขวบที่อยู่ขอบเขตรวมปราณขั้น 3 นั้นมากเกินกว่าที่จะถาม
การทดสอบรอบแรกนั้นไม่ได้ยากเย็น เหตุผลส่วนใหญ่ของมันก็เพื่อแยกเหล่าเด็กออกจากผู้ใหญ่ การทดสอบรอบที่สองนี่สิถึงจะเรียกว่าการทดสอบที่ยากอย่างแท้จริง
การทดสอบรอบสองคือการต่อสู้จริง ซึ่งจะทำให้คนธรรมดาถูกลบออกและอัจฉริยะจะเปล่งประกายเจิดจ้า
ในเวลานั้น ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบรอบแรกจะถูกผู้อาวุโสฝ่ายนอกของนิกายกระบี่ล่องนภานำไปสู่ป่าอสูรที่อยู่ไม่ไกลจากนิกายกระบี่ล่องนภาเพื่อเข้าสู่การทดสอบอย่างแท้จริง
ป่าอสูรภายใต้นิกายกระบี่ล่องนภานั้นมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษกว่าที่ไหน ๆ แต่อสูรที่อยู่ภายในนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ภายใต้การดูแลของนิกายกระบี่ล่องนภา อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่เพียงขอบเขตรวมปราณขั้น 9 เท่านั้น
หลังจากที่ผู้ทดสอบเข้าไปในป่าอสูรแล้ว อสูรทุกตัวที่พวกเขาสังหารจะถูกบันทึกโดยผู้อาวุโสและเมื่อสิ้นสุด ผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ล่องนภาจะจัดอันดับพวกเขาทั้งหมดตามจำนวนอสูรที่พวกเขาสังหารได้
หนึ่งพันอันดับแรกจะกลายเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของนิกายกระบี่ล่องนภา สิบอันดับแรกจะได้รับการเลื่อนระดับเป็นศิษย์ฝ่ายในโดยตรงหากผลงานของพวกเขาเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เหล่าเยาว์ส่วนใหญ่ที่มาร่วมต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดของพวกเขา ส่วนที่น่าสนใจที่สุดคือการดึงดูดให้ผู้อาวุโสระดับสูงขึ้นของนิกายกระบี่ล่องนภารับเข้าเป็นศิษย์ส่วนตัว
การเป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสหลักคนใดคนหนึ่งในราวกับการติดปีกขึ้นสวรรค์ในคราวเดียว
ไม่ใช่แค่เพราะขอบเขตการบ่มเพาะของตนสูงเท่านั้น ส่วนที่สองของการทดสอบไม่เกี่ยวกับขอบเขตการบ่มเพาะของพวกเขา แต่เป็นการมุ่งเน้นไปที่การประเมินความแข็งแกร่งในการต่อสู้จริงและความสามารถในการตอบสนองต่อการเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
แม้ว่าผู้นั้นจะอยู่ที่ขอบเขตรวมปราณขั้น 3 แต่หากไม่สามารถฆ่าอสูรที่อยู่เหนือระดับของตัวเขาได้ เขาก็จะไม่สามารถเข้าสู่หนึ่งพันอันดับแรกได้
ในทำนองเดียวกัน หากผู้ใดมีฐานการบ่มเพาะที่สูง แต่สามารถในการต่อสู้ที่ไม่ตรงกับฐานการบ่มเพาะ แม้ว่าผู้นั้นจะอยู่ในขอบเขตรวมปราณขั้น 6 เขาก็จะไม่ติดหนึ่งพันอันดับแรกเช่นกัน
ในขณะที่อันดับนับพันนี้ฟังดูเหมือนเยอะ แต่ผู้คนจากทั่วทั้งเขตเหนือของอาณาจักรนภาสวรรค์ก็มารวมตัวกันเพื่อคัดเลือก
มีผู้คนมากกว่าหนึ่งหมื่นคนมารวมตัวกันและต้องทดสอบในรอบสอง นั่นหมายความว่าเก้าในสิบคนจะถูกกำจัด
สิ่งที่นิกายกระบี่ล่องนภาใช้ในการทดสอบอายุกระดูกของผู้คนในปัจจุบันคือสมบัติวิญญาณที่เรียกว่าเครื่องทดสอบความสามารถ เนื่องจากมันสามารถวัดฐานการบ่มเพาะของผู้คนได้เช่นกัน
เครื่องมือประเภทนี้ไม่ถือว่ามีค่ามากนัก แม้แต่ในตระกูลของชิงอี้ก็มีอยู่แม้จะไม่มาก
หลังจากที่เฟิงเฉินประกาศเริ่มการทดสอบรอบแรก ผู้คนในสนามฝึกก็เริ่มทำการทดสอบอย่างเป็นระเบียบ
“หยิงหลู อายุกระดูกสิบหกปี ขอบเขตรวมปราณขั้น 3 ผ่าน !”
“เต๋าเต๋า อายุกระดูกสิบเจ็ดปี ขอบเขตรวมปราณขั้น 5 ผ่าน !”
“หยวนเหมี่ยว อายุกระดูกสิบเก้าปี ไม่ผ่าน !”
“ฟ่างฟ่าน อายุกระดูกสิบห้าปี ขอบเขตรวมปราณขั้น 2 ไม่ผ่าน !”
“เมิง…”
คนส่วนใหญ่ที่ปรากฏตัวที่นี่ล้วนมีความเข้าใจก่อนหน้าเกี่ยวกับมาตรฐานในการรับศิษย์ของนิกายกระบี่ล่องนภา และส่วนใหญ่ก็ได้ผ่านมาได้ แม้จะมีบางคนที่พยายามคดโกงและแอบเข้ามา
เซวียนห่าวซึ่งพักอยู่บนศาลาเหนือสนามฝึกได้มองลงไปที่กลุ่มรุ่นเยาว์ตัวเล็ก ๆ ในสนามฝึก
“เฮ้อ...”
เซวียนห่าวเพียงต้องการนั่งเงียบ ๆ ในศาลาและสอดแนมไปรอบๆ ด้วยสัมผัสเทวะของเขาเพื่อเฟ้นหาอัจฉริยะและรับเข้าเป็นศิษย์ น่าเศร้าที่พี่น้องหวังก็มีความคิดอย่างนั้นเช่นกัน และทันทีที่พวกเขาเห็นว่าเขาแผ่สัมผัสเทวะออกไป พวกเขาก็คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาในทันที
“เจ้าเซวียนห่าวของเรายังคงเด็กและกำลังจะเลือกศิษย์คนแรกของเขา เฟิงเฉิน ทำไมเจ้าไม่พาเขาไปด้วยเพื่อเริ่มการทดสอบล่ะ?”
“ใช่ใช่ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถเห็นเหล่าศิษย์ใหม่ของนิกายเป็นได้ด้วยตนเอง การเลือกศิษย์ด้วยวิธีนี้จะง่ายกว่าอย่างแน่นอน !”
“อืม… ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็เลือกศิษย์คนแรกด้วยวิธีนี้เช่นกัน เซวียนห่าว ทำไมเจ้าไม่ลองดูล่ะ หากเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถเห็นคนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ด้วยตนเองนะ”
“...ก็ได้ ข้าจะทำเช่นนั้น”
เขาไม่แม้แต่โอกาสที่จะปฏิเสธ เซวียนห่าวก็ถูกพาออกจากศาลาและก็ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ข้างจ้าวนิกายเฟิงเฉินบนลานฝึก
“เฮ้อ...”
การทดสอบรอบแรกเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นเซวียนห่าวจึงตัดสินใจโยนความขุ่นเคืองใจกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองทิ้งไปและมุ่งเน้นไปที่การเฟ้นหาศิษย์
“พรสวรรค์ 4 ไม่...”
“พรสวรรค์ 6 ไม่”
“คนที่มีค่าพรสวรรค์ 9 ทำไมเจ้าถึงขาดอีกแค่หนึ่งค่าล่ะ เจ้านั่นก็ดูเป็นคนประเภทดื้อด้านด้วยสิ...”
“เฮ้อ...”
ของการทดสอบรอบแรกผ่านไปแล้วเกือบครึ่งและซวนห่าวก็ยังไม่พบผู้ที่มีค่าพรสวรรค์ 10 ขึ้นไปแม้แต่คนเดียว
ไม่ต้องพูดถึงผู้ทีมีมันมากกว่า 10 เลย สูงสุดยังคงอยู่แค่ 9 เท่านั้น
“ข้ารับไม่ได้ แม้แต่ในนิกายกระบี่ล่องนภา หลิงซ่งซึ่งอันดับหนึ่งในกลุ่มศิษย์ใหม่ก็ยังมีค่าพรสวรรค์เพียง 15 เท่านั้น” เซวียนห่าวส่ายหน้าและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับรุ่นเยาว์เหล่านี้ผู้ที่พยายามเข้าสู่นิกายกระบี่ล่องนภา ดูเหมือนว่าภารกิจเสริมนี้จะเป็นไปไม่ได้หากไม่มีผู้มีความสามารถที่เหมาะสมปรากฏตัวขึ้น