บทที่ 974 (95) คำขอของหานเซิ่น(ตอนฟรี)
บทที่ 974 (95) คำขอของหานเซิ่น
หลังจากที่จี้เฟิงอาบน้ำเสร็จ เขาพบว่าเซียวหยูซวนและถงเล่ยกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัว ส่วนเสี่ยวอิงและหานเซิ่นต้องการจะช่วย แต่พวกเธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน และในที่สุดพวกเธอก็ถูกเซียวหยูซวนไล่ออกมา
หานเซิ่นและเสี่ยวอิงเดินออกมาจากห้องครัวและเห็นจี้เฟิงอยู่ในห้องนั่งเล่น ใบหน้าของพวกเธอแดงเล็กน้อยด้วยความอาย
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย เขาเข้าใจดีว่าผู้หญิงสองคนนี้แตกต่างจากผู้หญิงในครอบครัวทั่วไปมาก
ในขณะที่เด็กผู้หญิงคนอื่นแบกกระเป๋านักเรียนไปโรงเรียนหรือนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาที่บ้าน พวกเธอกำลังได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ดังนั้นจุดแข็งของพวกเธอจึงไม่ได้อยู่ที่การทำอาหารหรืองานบ้าน แต่เมื่อมีพวกเธอสองคนมาเป็นบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันแฟนทั้งสองของเขา จี้เฟิงก็รู้สึกโล่งใจมาก!
จี้เฟิงวางกระเป๋าถือที่มีชิปวงจรอยู่ข้างในไว้บนโต๊ะกาแฟแล้วเดินออกไปที่สนามหน้าบ้าน จากนั้นก็เคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายเบาๆ
ในขณะที่เขาเกร็งกล้ามเนื้อ หางตาของเขาเหลือบไปเห็นร่างบาง เขาจึงหยุดและหันไปมองและพบว่าเป็นหานเซิ่นที่เดินออกมาพร้อมกับดวงตาโตคู่สวยจ้องมองมาที่เขาอย่างสงสัยและอยากรู้อยากเห็น สายตาของเธอที่จ้องมาที่เขาดูแปลกกว่าทุกครั้ง....
“เอ่อ.. มีอะไรหรือเปล่า?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ...”
หานเซิ่นเดินเข้าไปหาจี้เฟิงอย่างช้าๆ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและถามว่า “เมื่อวาน คุณทำสิ่งนั้นขึ้นมาเองจริงๆเหรอ?”
จี้เฟิงยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและพูดว่า “คุณกำลังพูดถึงอะไร?”
“ภาพสามมิตินั่นไง!” ในคำพูดของหานเซิ่นยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับว่าเธอไม่เชื่อ “แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพก็ยังสร้างอะไรแบบนั้นไม่ได้...”
“ดังนั้นฉันจึงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพ!” จี้เฟิงหัวเราะ
“ผู้เชี่ยวชาญในกองทัพล้วนเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ พวกเขาเรียนรู้ฝึกฝนจนได้ชื่อว่าเป็นมืออาชีพที่แท้จริง พวกเขาต่างจากผู้เชี่ยวชาญในสังคม!” เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้เฟิงพูด หานเซิ่นก็ไม่เห็นด้วย “คุณไม่สามารถดูแคลนพวกเขาได้!”
“ดีๆ...”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “ฉันไม่ได้ดูแคลนผู้เชี่ยวชาญในกองทัพเหล่านั้นหรอกนะ แต่คุณก็ดูแคลนฉันไม่ได้เหมือนกันใช่มั้ย?”
“ถ้าอย่างนั้น... ฉันก็ต้องขอโทษด้วย!” หานเซิ่นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
จี้เฟิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ตั้งแต่หานเซิ่นมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดที่จะเป็นฝ่ายเริ่มพูดคุยกับเขาก่อนเลย อย่างมากที่สุดก็แค่กล่าวทักทายและพยักหน้าในตอนเช้าและตอนเย็น แต่ก็แค่นั้น การพูดคุยสอบถามชีวิตประจำวันหรือเรื่องมีสาระหน่อยอย่างธุรกิจงานบ้านงานเมืองนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
แต่วันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายมาเริ่มคุยกับเขาก่อน มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?
หรือเป็นเพราะเห็นเขาทำให้ทีวีกลายเป็นการแสดงภาพ 3 มิติ ก็เลยตื่นเต้นตกใจ?
หมายความว่าสิ่งนี้มันไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเธองั้นหรือ?
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “หานเซิ่น ถ้าคุณมีอะไรอยากจะพูด ก็พูดมาเถอะ มันไม่แปลกเหรอถ้าเราจะถามกันกลับไปกลับมาแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น”
ตอนนี้จี้เฟิงมั่นใจได้เลยว่าหานเซิ่นมีบางอย่างที่อยากรู้หรือต้องการจากเขา
“ฉันแค่อยากจะถามคุณ ว่าคุณคือคนที่คิดค้นและพัฒนาสิ่งนั้นด้วยตัวเองจริงๆหรือเปล่า” หานเซิ่นถามด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย แต่สายตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่จี้เฟิงอย่างตรงไปตรงมา
จี้เฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ถ้าอย่างนั้น คุณพอจะร่วมมือกับกองทัพด้วยเทคโนโลยีนี้ได้หรือไม่?” ดูเหมือนหานเซิ่นเองก็รู้ว่ามันไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักที่เธอจะถามคำถามเช่นนี้ออกไป ดังนั้นหลังจากที่เธอพูดแบบนี้ออกไป ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “คุณเป็นคนรวย มีเงินเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว จะหามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าคุณร่วมมือกับทางกองทัพ มันจะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้มากมาย”
“ฮ่าๆๆ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ร่วมมือกับกองทัพงั้นหรือ?”
“ใช่! ในเมื่อคุณกับพี่เซียงก็รู้จักกันดีและเป็นเพื่อนกัน ถ้าคุณร่วมมือกับทางกองทัพ ไม่ใช่แค่คุณจะช่วยเหล่าทหารได้เท่านั้น แต่ยังได้ช่วยพี่เซียงด้วยนั่นไม่ดีเหรอ?” หานเซิ่นถามเสียงเบา
จี้เฟิงส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนคุณจะชื่นชอบเซียงหยงซานและปกป้องเขาน่าดูเลยนะ! อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าตอนนี้คุณเป็นคนของฉัน เป็นองครักษ์ที่ฉันจ้าง แต่คุณกลับคิดถึงเซียงหยงซานและไม่ต้องการให้ฉันใช้สิ่งที่ฉันพัฒนาขึ้นมาทำเงิน... คุณคิดว่านี่มันเหมาะสมที่คุณจะถามออกมาเหรอ?”
ใบหน้าของหานเซิ่นแดงมากกว่าเดิม เธออดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลง และถึงแม้จะก้มหน้า สีแดงจากใบหน้าก็ยังลามไปที่หูและคอของเธอ “ฉันรู้ แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีมากหากคุณจะร่วมมือกับกองทัพ และ... และฉันก็อยากตอบแทนพี่เซียง พี่ชายของฉัน”
“ตอบแทน? ตอบแทนเขาเรื่องอะไร?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
หานเซิ่นก้มหน้าลงและไม่ได้พูดอะไร หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็พูดว่า “ถ้าคุณช่วยพี่เซียงได้ครั้งหนึ่ง ฉันสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป และปกป้องเล่ยเล่ยด้วยชีวิตของฉัน.. แบบนี้คุณคิดว่าไง?”
จี้เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ อาจมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเซียงหยงซานและหานเซิ่น เซียงหยงซานช่วยเหลือเธอเรื่องอะไรกันแน่ ทำไมเธอถึงได้ดูหมกมุ่นกับมันมากขนาดนี้และต้องการจะตอบแทนเซียงหยงซานให้ได้!
อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงไม่ได้จี้ถามหานเซิ่นต่อ เพราะเขารู้ว่าต่อให้ถามมากกว่านี้เธอก็จะไม่ตอบเขาอยู่ดี
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จี้เฟิงก็พูดว่า “หานเซิ่น ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะบอก เทคโนโลยีสามมิติเสมือนจริงนี้มีประโยชน์ต่อกองทัพก็จริง แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์มากขนาดนั้น อย่างแรกเลยคือทริกเกอร์นี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานกับโทรทัศน์ แต่สำหรับกองทัพ ฉันมีวิธีจัดการของฉันอยู่แล้ว!”
“... อ่า” หานเซิ่นพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัว”
การมาขอร้องให้จี้เฟิงช่วยเซียงหยงซานและร่วมมือกับกองทัพในครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการรวบรวมความกล้าหาญครั้งใหญ่ของหานเซิ่น และมันก็หมดลงทันทีหลังจากที่เธอได้คำตอบ ดังนั้นเธอจึงหันหลังกลับและจากไปทันทีหลังจากที่พูดจบ
และคงเป็นเพราะเธออายและประหม่ามากจริงๆจึงทำให้เธอเกือบจะสะดุดล้มตรงบันไดเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของวิลล่า แต่ด้วยทักษะและความคล่องตัวของเธอ มันเป็นเรื่องที่แปลกมากจริงๆ
จี้เฟิงมองพฤติกรรมของหานเซิ่นด้วยใบหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาตัดสินใจว่าเมื่อเซียงหยงซานกลับมาจากการปฏิบัติภารกิจ เขาจะต้องถามเรื่องหานเซิ่นอย่างละเอียด เพราะดูเหมือนว่ามีบางเรื่องที่เขาจำเป็นต้องรู้...
หลังอาหารเช้า จี้เฟิงเรียกเซียวหยูซวนให้มานั่งข้างๆและถามด้วยเสียงเบา “หยูซวน ครั้งสุดท้ายที่ฉันขอให้เธอถามหานเซิ่นว่าเธอมีความคิดอะไรอยู่ในใจ เธอได้ลองไปถามๆดูหรือยัง?”
“อ๊า.!”
เซียวหยูซวนแลบลิ้นทันที “ฉันลืมไปเลย...”
จี้เฟิงพยักหน้าและพูดว่า “หาโอกาสถามเธอดูนะ เธอเป็นคนคุ้มกันที่มีความสามารถ และเป็นคนของเรา ดังนั้นถ้าเธอมีปัญหาเดือดร้อนอะไรแล้วเราไม่รู้เลย มันคงไม่ดีเท่าไหร่”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว ช่วงนี้มีเรื่องอื่นเข้ามาเยอะแยะมากมาย เรื่องนี้เลยถูกเลื่อนออกไปจนลืม” เซียวหยูซวนพยักหน้า
“ไม่ต้องตั้งใจถามอย่างจริงจัง เอาไว้เธอว่างๆค่อยชวนหานเซิ่นพูดคุยดู แล้วอีกอย่าง สุขภาพร่างกายของเธอต้องมาก่อน อย่าโหมงานจนมากเกินไป... เอาอย่างนี้แล้วกัน คืนนี้ฉันจะไปหาเธอที่ห้อง..”
ก่อนหน้านี้ เซียวหยูซวนได้ลงทะเบียนเรียนเกี่ยวกับหลักสูตร MBA และศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ต่อมาเซียวฉางเหอล้มป่วยมีอาการเลือดคั่งในสมองอย่างกะทันหัน จากนั้นเซียวหยูซวนก็รับช่วงต่องานที่บริษัทยาฉางเหอและเถิงเฟยกรุ๊ป ดังนั้นจี้เฟิงจึงเข้าใจว่าเธอยุ่งมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จี้เฟิงจะพูดจบ เซียวหยูซวนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย “คนชั่ว จะทำเรื่องไม่ดีอีกแล้วเหรอ?”
“....” จี้เฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
เซียวหยูซวนหัวเราะคิกคัก “ก็คิดเหมือนที่นายกำลังคิดนั่นแหละ!”
“โอเค โอเค..” จี้เฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและบีบแก้มที่ขาวนวลของเธออย่างหยอกล้อแล้วพูดว่า “ไปทำงานเถอะ ระวังความปลอดภัยบนท้องถนนด้วย”
เซียวหยูซวนยิ้มหวาน จากนั้นเธอก็หันหลังแล้วเดินจากไปพร้อมกับเสียงรองเท้าหนังกระทบลงบนพื้น
เมื่อมองไปที่ด้านหลังและสะโพกที่แกว่งไปมาของเธอ จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “เธอคือนางปีศาจตัวแสบ และดูเหมือนจะร้ายกาจมากขึ้นเรื่อยๆ...”
หลังจากนั้นจี้เฟิงก็หยิบทริกเกอร์และทริกเกอร์บล็อกที่เขารีบทำเมื่อคืนขับรถไปยังเกสต์เฮ้าส์เจียนอัน ก่อนหน้านี้เขาได้โทรไปนัดแนะกับจี้เส้าฮงและคนอื่นๆแล้วว่าจะไปพบกันที่นั่น
เมื่อมาถึง จี้ช่าวเหลยไม่ได้ขับรถมา คนสี่คันกับรถสองคันมันสิ้นเปลืองเกินไป อย่างไรก็ตาม บริษัทของเขาอยู่ไม่ไกลจากเกสต์เฮ้าส์ การเดินทางจึงค่อนข้างสะดวก
“น้องสาม ให้ฉันเป็นคนขับแล้วกัน นายไม่รู้ทางหรอก” จี้ช่าวเหลยยิ้มและเข้าไปนั่งยังตำแหน่งคนขับ ส่วนจี้เฟิงนั่งที่ตำแหน่งด้านข้างคนขับแทน
“เส้าฮง ฉันทำให้คุณต้องนั่งเบียดรถไปกับพวกเรา ฉันรู้สึกผิดจริงๆ!” จี้ช่าวเหลยพูดติดตลก
“ให้ตายเถอะ ถ้าไม่มีอะไรดีๆจะพูด ก็อยู่เงียบๆไปบ้างก็ได้นะ!” จี้เส้าฮงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “โอเคๆ นั่งให้ดีๆ จะไปล่ะนะ!”
...............
“หมิงกวงอิเล็กทริกส์”
จี้เฟิงมองไปที่ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ทางเข้าโรงงานและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆ “พี่รอง ดูเหมือนว่าหลี่ซินคนนี้จะไม่ใช่แค่ผู้ผลิตทีวีอย่างเดียวใช่มั้ย?”
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เขาผลิต ไม่เพียงแค่ทีวีเท่านั้น แต่ยังมีอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆอีกอย่างเช่น เตาแม่เหล็กไฟฟ้า หม้อหุงข้าว เครื่องทำนมถั่วเหลืองและอื่นๆ
โรงงานแห่งนี้สามารถใช้ชื่อดังกล่าวได้จะต้องมีการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆด้วย
“ผลิตภัณฑ์อื่นๆเป็นเพียงแค่ตัวเสริม เมื่อหลายปีก่อน เครื่องทำนมถั่วเหลืองกำลังเป็นที่นิยม หลี่ซินก็ผลิตเจ้าเครื่องนี้ตามความนิยมของตลาดด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าอื่นๆด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหมอนี่มีหัวทางการที่ค้าดีมาก เมื่อเขาเห็นว่าเครื่องทำนมถั่วเหลืองใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เขาก็รีบเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นทันที”
จี้ช่าวเหลยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ทีวียังคงเป็นผลิตภัณฑ์หลักของหมิงกวงอิเล็กทริกส์”
“เจ้าหมอนี่?”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย “หลี่ซินเป็นผู้ชายเหรอ?”
“นายคิดว่าไง?” จี้ช่าวเหลยหัวเราะออกมาทันที “ชื่อหลี่ซินจะต้องผู้หญิงเท่านั้นเหรอ? นายเป็นพวกชอบล้อชื่อคนอื่นหรือไง?”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆ ในความเป็นจริงหลังจากที่ได้ยินชื่อหลี่ซินเขาก็นึกถึงหวังซินขึ้นมา และจิตใต้สำนึกมันทำให้เขาคิดไปโดยอัตโนมัติว่าคำว่าซินจะต้องเป็นผู้หญิง แต่ไม่ใช่เพราะเขามีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับการใช้ชื่อ..
“หยุดยืนโง่ๆตรงนี้แล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของจี้ช่าวเหลยไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูจึงถามพวกเขาถึงจุดประสงค์ในการมาของพวกเขาด้วยความสุภาพ จากนั้นจึงโทรหาเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อขอคำแนะนำ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มในชุดสูทขับรถไฟฟ้าสี่ล้อมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว!
“คุณจี้! แขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยมเยียนเราถึงที่นี่ ช่างเป็นเกียรติๆ!” ชายหนุ่มลงจากรถไฟฟ้าพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเป็นชายหนุ่มที่มีอายุประมาณ 26-27 ปี สวมแว่นตาดูสุภาพและในขณะเดียวกันก็ดูกระตือรือร้นและเป็นคนอารมณ์ดี
เป็นเรื่องยากที่จะมีอารมณ์ที่หลากหลายรวมอยู่ในชายหนุ่มวัยนี้
จี้ช่าวเหลยหัวเราะและพูดว่า “หลี่ซิน คุณเรียกว่าคุณจี้ คุณหมายถึงคนไหนล่ะ? ที่นี่มีคนสกุลจี้ 4 คนนะ!”
“ห๊ะ?!” หลี่ซินตกใจ เขานิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่จี้เฟิงและคนอื่นๆทีละคนโดยไม่รู้ตัว
“ให้ฉันแนะนำก่อนแล้วกัน คนเหล่านี้คือพี่น้องของฉัน” จี้ช่าวเหลยยิ้มและแนะนำ จี้เฟิงและคนอื่นๆให้หลี่ซินรู้จักทีละคน
“ทุกๆท่าน โปรดเข้ามาด้านในก่อน!” หลี่ซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
....จบบทที่ 974 ~