บทที่ 9 – เจออันตรายบนทางกลับบ้าน
ตอนนี้ การไปโรงเรียนถือเป็นการผ่อนคลาย! ทุก ๆ วันผมนอนที่บ้าน จากนั้น ผมไปโรงเรียนแล้วนอนเพิ่มอีก ฮ่า ฮ่า! ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข
ผมหลับ!!
ขณะที่นอนอยู่บนพื้นอย่างสบาย ๆ ผมตั้งสมาธิและพยายามสัมผัสถึงธาตุแสงที่อยู่ในอากาศ ภายใต้การดูแลของพวกเขา ผมหลับไปในที่สุด ลูกบอลแสงภายในของผมตอนนี้ครองพื้นที่ 2 ใน 3 ส่วนของจุดสะสมพลังแล้ว อาจารย์ซิวบอกผมว่าตอนนี้ผมมีพลังเวทย์มากพอที่จะร่ายเวทย์ระดับ 5 แต่ผมยังเด็ก มันจะเป็นการเคี้ยวเนื้อชิ้นใหญ่เกินไป ดังนั้นเขาจึงยังไม่สอนเวทย์ระดับกลางให้ผมเลยแม้แต่เวทย์เดียว และบอกให้ผมรอจนกว่าผมจะเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมเวทย์ก่อน (ระดับของนักเวทย์ขึ้นอยู่กับเวทย์มนต์ของพวกเขา : โดยทั่วไปแล้ว นักเวทย์ที่สามารถร่ายเวทย์ระดับ 1 ได้จะเรียกว่านักเรียนเวทย์ ผู้ที่สามารถร่ายเวทย์ระดับ 2 และ 3 จะเรียกว่านักเวทย์ขั้นแรก นักเวทย์ขั้นกลางจะสามารถร่ายเวทย์ระดับ 4 และ 5 ได้ ส่วนเวทย์ระดับ 6 จะเป็นเวทย์ของนักเวทย์ชั้นสูง เวทย์ระดับ 7 คือนักเวทย์สูงสุด ระดับ 8 คืออาจารย์เวทย์ ผู้ที่สามารถมีส่วนร่วมในการร่ายเวทย์ระดับ 9 พร้อมกับนักเวทย์คนอื่น ๆ จะเรียกว่าเมธีเวทย์ ในขณะที่มหาเมธีเวทย์คือผู้ที่สามารถร่ายเวทย์ระดับ 9 ได้ด้วยตัวเอง)
อา! ตอนนี้กี่โมงแล้ว? บิดขี้เกียจไป ผมก็มองออกมาดูท้องฟ้าไป ฟ้ามืดแล้ว ผมควรรีบกลับบ้านและหาข้าวเย็นกิน เพราะท้องผมเริ่มร้องโอดครวญแล้ว ผมเดินออกจากโรงเรียนมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
ออกมาจากเมืองเซินเคอ ผมเดินตามทางที่ผมใช้ไปกลับบ้านและโรงเรียนทุกวัน ผมเป็นคนกลัวความมืด ผมเลยร่ายเวทย์ส่องแสงที่ทำให้ภายในระยะ 30 เมตรสว่างเหมือนตอนกลางวันไว้ วันนี้ไม่รู้ว่าแม่ทำเมนูอะไรให้ผมกิน จะดีมากถ้าเป็นซุปกระดูก นั่นมันของโปรดของผมเลย พอคิดถึงมื้อเย็น ผมเลียริมฝีปากและรู้สึกว่าท้องเริ่มโอดครวญดังขึ้น
อย่างทันทีทันใด ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบ ๆ ตัวเพิ่มสูงขึ้น หวา! เกิดอะไรขึ้น ใครมาร่ายเวทย์เพลิงแถวนี้? ยังไม่ทันขาดคำ เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดินดังมาเข้าหูผม หวา!!!! สิงโตเพลิง สัตว์เวทย์ระดับ 6 ไม่ใช่! นี่มันสัตว์อสูร (ถ้าสัตว์เวทย์เกิดมาแล้ว ไม่มีการทำสัญญากับมนุษย์ ก็จะถูกเรียกว่าสัตว์อสูร) ขาผมสั่น และไม่ยอมฟังคำสั่งของผมแล้ว
ด้วยดวงตาสีเลือดที่จ้องมองมาที่ผม ผมคิดว่ามันมีความคิดเดียวกับผมตอนที่ผมเลียริมฝีปากด้วยความหิว
“อา!!! พี่ใหญ่สิงโตเพลิง ผมแค่เป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ได้โปรดอย่ากินผมเลยได้มั้ย? ผมคืออนาคตของชาติ ผมมีแต่กระดูก เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมกลับบ้านไปหาอะไรให้พี่กินนะ อา!! ไม่!!!” ไม่รอให้ผมพูดจบ สิงโตเพลิงจู่โจมทันที
ผมตอบสนองต่อการโจมตีด้วยการเคลื่อยย้ายตัวเองหนี อย่างไรก็ตาม ผมโดนเสือแห่งแสงวิ่งไล่อยู่เป็นประจำ ขณะที่หลบการโจมตีของสิงโตเพลิง ผมยิงพลุไฟขึ้นไปบนท้องฟ้า (จริง ๆ แล้วมันคือเวทย์ส่องแสงที่อยู่ในรูปของบอลแสง ที่ผมใช้ธนูแสงยิงมันขึ้นไป มันจะระเบิดออกตามธรรมชาติเมื่ออยู่บนท้องฟ้า นี่เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือของนักเวทย์)
“เจ้าสิงโตเพลิงใจร้าย ฉันไม่ยอมแกหรอก แกไม่มีทางจับฉันได้” พอนึกได้ว่าผมเก่งเรื่องเวทย์เคลื่อนย้าย ใจผมก็เย็นลง มองดูสัตว์อสูรที่อยู่ตรงหน้า ผมยิ่งมีความมั่นใจ แม้ว่าสิงโตเพลิงจะทรงพลัง แต่ก็คงไม่มากไปกว่าเสือแห่งแสงกับปีศาจเฒ่าร่วมมือกัน อย่างน้อย ผมคงรอดอยู่ได้จนกว่าพลังเวทย์ของผมจะหมด หลังจากนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว (ก่อนที่พลังเวทย์จะหมด ผมจะเคลื่อนย้ายหนีไป ผมเคลื่อนย้ายได้ครั้งละ 500 เมตร ดังนั้นเคลื่อนย้ายหลาย ๆ ครั้งก็พอแล้ว ฮิฮิ!)
รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยลมร้อน เพื่อความปลอดภัย ผมลองใช้เวทย์ป้องกันที่ผมรู้จัก เริ่มด้วยเวทย์การป้องกันศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่ามันสามารถกรองอากาศ และกันความร้อนที่พุ่งออกมาจากตัวของสิงโตเพลิงได้ หลังจากนั้นผมร่ายเวทย์โล่ผลึกแสง แล้วถือไว้ด้วยมือซ้าย
สิงโตเพลิงแยกเขี้ยวขู่ผม ตอนที่ผมร่ายเวทย์ธนูแสงให้ยิงออกจากมือขวาไปที่มัน ถึงแม้ว่าพลังโจมตีจะค่อนข้างต่ำ แต่มันก็ยังเจ็บอยู่ดีเมื่อถูกยิงใส่
ด้วยความโกรธ สิงโตเพลิงยิงเวทย์เพลิงระดับกลางเข้าใส่ผมอย่างต่อเนื่อง ผมบล็อค และหลบแบบเดียวกับที่ทำตอนอยู่ในค่ายกลถุงทราย ผมวนรอบตัวมันด้วยท่าทีสบาย ๆ ทำให้มันสับสน และจับทิศทางของผมไม่ได้
เปลวไฟบนตัวของสิงโตเพลิงค่อย ๆ เล็กลง ผมเดาว่าพลังเวทย์ของมันคงใกล้หมดแล้ว มันยังคงจ้องมาที่ผม แต่เริ่มหายใจหอบแล้ว ฮ่าฮ่า!! สัตว์อสูรก็แค่นี้ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว ผมรับมือมันได้สบาย ๆ ผมยกเลิกการป้องกันศักดิ์สิทธิ์ และโล่ผลึกแสง (มันใช้พลังเวทย์เยอะ พลังเวทย์ของผมก็ลดลงค่อนข้างเร็ว) ไม่ต้องใช้เวทย์ป้องกัน มันก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมแค่ต้องรอความช่วยเหลือที่กำลังมา หมู่บ้านไม่ได้อยู่ไกลมาก หน่วยพิทักษ์หมู่บ้านน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้
ทันใดนั้น เจ้าสิงโตเพลิงยกหัวขึ้นฟ้า เงยหน้าแล้วคำรามเสียงดังสนั่น ผมสัมผัสได้ถึงอากาศทีเพิ่งเริ่มเย็นลงกลับมามีอุณหภูมิสูงขึ้นในพริบตา อา!!! มันคืออะไร? ไม่ดีแล้ว นี่คือเวทย์ไฟระดับ 6 ‘เปลวเพลิงมหากาฬ’ นี่คือเวทย์โจมตีวงกว้าง ตอนนี้ผมหนีออกไปไม่พ้นแน่ “ชื่อของข้าคือเว่ยจางกง ธาตุแห่งแสงผู้ยิ่งใหญ่ รวมตัวกันข้างหน้าป้องกันสิ่งชั่วร้าย” ผมร่ายเวทย์โล่แสงได้ทันอย่างหวุดหวิด เปลวเพลิงมหากาฬที่ดูเหมือนปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า และพื้นดินพุ่งเข้ามาหาผม ทุกสิ่งในรัศมี 300 เมตรเหมือนถูกหุ้มด้วยเปลวเพลิง ด้วยความพยายามของเวทย์เคลื่อนย้ายแบบสุ่ม ผมหลุดออกมาจากใจกลางของเปลวเพลิงเวทย์ได้ ผมใช้พลังเวทย์ทั้งหมดในร่างของผมเพื่อคงสภาพของโล่แสง รวมทั้งพยายามร่ายเวทย์โล่แสงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พลังของเปลวเพลิงมหากาฬมีมากเกินไป ในพริบตาที่โล่แสงของผมทนเปลวเพลิงไม่ได้ ผมจะกลายเป็น ‘จางกงย่าง’ ทันที
“ธาตุแห่งน้ำในอากาศ จงฟังคำข้า แปลงเป็นฝนลูกเห็บ กำจัดสิ่งชั่วร้ายข้างหน้าข้า”
อา!!!!! ผมรอดแล้ว หลังจากเสียงร่ายเวทย์สิ้นสุดลง แรงกดดันที่ส่งผลกับผมก็หายไป เทคนิคลูกเห็บลบล้างผลจากเวทย์ของสิงโตเพลิง ที่เหมือนกับผม พลังเวทย์ของมันก็กำลังจะหมด เปลวเพลิงมหากาฬ ก็เป็นแค่การโจมตีสุดท้ายของมัน แค่นั้นเอง
โอ้!! นี่มันจางกงนี่ แม่จางกง!! มานี่เร็ว ๆ นี่ลูกชายคุณ”
แม่มาแล้ว ในที่สุดก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ผมหมดสติ..
ผมไม่รู้ว่าผมหมดสติไปนานแค่ไหน ผมเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาขึ้นมองเห็นหน้าแม่ แม่นั่งตาแดง ๆ อยู่ข้าง ๆ ผม
“จางกงรู้สึกตัวแล้ว พ่อของลูก มาเร็ว! จางกง ลูกเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือยัง”
เมื่อวาน ผมถูกบังคับให้ใช้พลังเวทย์ไปจนเกือบถึงขีดจำกัด ร่างกายของผมมีรอยไหม้อยู่หลายแห่งด้วยไฟของสิงโตเพลิง แถมด้วยพลังเวทย์และพลังวิญญาณของผมถูกใช้หมดเกลี้ยง จนผมหมดสติไป แม่ผมช่วยรักษาผมด้วยเวทย์น้ำของเธอ ผมหายดีแล้ว ถ้าพูดโดยพื้นฐาน แค่ยังรู้สึกเพลียเป็นอย่างมาก
“แม่ ผมสบายดี”
“ลูกพ่อ เป็นยังไงบ้าง? อาการดีขึ้นแล้วหรือยัง?” พ่อผมวิ่งมาจากอีกห้องหนึ่ง
“ผมดีขึ้นมากแล้วครับ พ่อ”
“ทำไมลูกไม่ระวังตัวเลย ลูกเกือบไม่ได้เห็นหน้าแม่อีกแล้วนะ” แม่บ่น กอดผมแน่น แล้วเริ่มร้องไห้
“จางกง มันเกิดขึ้นได้ยังไง?” พ่อถาม
ผมอธิบายสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พ่อเอ่ยอย่างเคร่งเครียดหลังจากฟังจบ “เด็กโง่ ลูกต้องจำไว้ให้มั่น ห้ามเปิดช่องว่างให้ศัตรูเห็นเป็นอันขาด ด้วยพลังเวทย์ของลูกตอนนี้ ถ้าเจอกับศัตรูระดับนักเวทย์ขั้นกลาง ลูกต้องหนีทันที ลูกไม่มีทางเลือกอื่น ลูกไม่มีวิธีที่จะทำร้ายศัตรูได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเผชิญหน้ากับศัตรู ลูกปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านได้ยังไง ถ้าลูกใช้เวทย์โล่ผลึกแสง ลูกคงไม่บาดเจ็บ”
ผมไม่ได้ฟังคำพูดส่วนหลัง ๆ ของพ่อเลย แต่ที่ผมจำได้อย่างขึ้นใจคือ ถ้าเจอศัตรูให้หนี นอกจากนั้น ไม่ว่าผมจะเจอกับศัตรูแบบไหน ผมต้องป้องกันตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
บุตรแห่งแสงผ่านบททดสอบอันยากลำบากเป็นครั้งแรกในชีวิต