ตอนที่แล้วบทที่ 6 - ปีศาจกลับมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 - การประเมินผลเวทย์มนต์

บทที่ 7 - เวทย์มิติ


ด้วยการที่อาจารย์ซิว ‘ลงมือ’ สอนผมด้วยตัวเอง ภายในเวลาครึ่งปี ระดับพลังเวทย์ของผมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภายใต้การฝึกฝนของปีศาจ ตอนนี้ผมทนการโจมตีด้วยเวทย์โจมตีได้ถึง 2 ชั่วโมงแล้ว ทุกเช้าหลังจากที่ผมไปถึงโรงเรียน ผมจะเริ่มฝึกการป้องกัน ป้องกัน แล้วก็ป้องกัน ผมฝึกซ้ำไปซ้ำมาจนหมดแรง หลังจากนั้นอาจารย์ซิวจะปล่อยให้ผมทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ เพื่อที่เขาจะโจมตีผมอีกครั้งในตอนบ่าย

ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ผมเรียนรู้เวทย์แสงป้องกันระดับพื้นฐานหมดทุกเวทย์แล้ว ผมคิดอยู่ตลอดว่าอาจารย์ซิวเป็นโรคจิตที่ชอบความรุนแรง ส่วนผมก็เป็นแค่กระสอบทรายที่น่าสงสารให้อาจารย์ได้ปลดปล่อย

อย่างแรกที่ผมทำ เมื่อมาถึงประตูห้องเรียนคือร่ายเวทย์โล่แสง หลังจากนั้นก็ร่ายเวทย์ ‘กระจกแสง’ (กระจกแสง เป็นเวทย์ที่ผมเรียนในช่วงสั้น ๆ ที่ผ่านมานี้ และเป็นเวทย์ที่ผมชอบมากที่สุด มันเป็นการป้องกันแบบสะท้อนกลับซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชำนาญมาก) หลังจากควบคุมเวทย์ทั้ง 2 อย่างระมัดระวัง ผมค่อย ๆ เปิดประตูด้วยความหวาดระแวงเหมือนทุกวันที่ทันทีที่ผมก้าวเข้าประตูไป ผมจะเผชิญกับการระดมโจมตีด้วยเวทย์มนต์ สภาพผมนอนคลุกฝุ่นเป็นสิ่งที่เห็นได้ประจำ เพราะฉะนั้นในตอนนี้ ผมต้องป้องกันตัวไว้ก่อน ๆ ที่จะเดินเข้าห้องเรียน

“สวัสดีครับ อาจารย์ซิว”

‘ธนูแสง” พุ่งสวนออกมาทักทายผมที่รีบหลบออกด้านข้าง พร้อมกับใช้กระจกแสงเบี่ยงธนูแสงออกไป ทำไมผมถึงเบี่ยงธนูแสงแทนที่จะสะท้อนมันกลับไป เหตุผลก็คือถึงแม้ว่ากระจกแสงสามารถสะท้อนเวทย์ได้ แต่มันใช้พลังเวทย์ปริมาณมหาศาล และการเบี่ยงเบนก็มีประสิทธิภาพดีแถมยังใช้พลังเวทย์ที่น้อยกว่ามาก ปัจจุบันการควบคุมเวทย์ธาตุของผมแข็งแกร่งขึ้นมาก ดังนั้นผมเลยผสมเวทย์กระจกแสงเข้ากับโล่แสง ผลที่ได้คือโล่แบบใหม่รูปทรงโค้งที่อยู่บนมือซ้ายของผม ผมเรียกมันว่า ‘โล่ผลึกแสง’ ถึงแม้ว่ามันจะป้องกันไม่ได้รอบทิศทาง แต่ด้วยการบีบอัดกันของธาตุแสง พลังการป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งมันยังสามารถสะท้อนเวทย์มนต์ได้ โล่ผลึกแสงเลยเป็นเวทย์ที่มีประโยชน์อย่างมาก อาจารย์ซิวเคยลองใช้เวทย์ระดับกลางในการโจมตีผม มันไม่สามารถทำลายการป้องกันของโล่ผลึกแสงได้ แต่มันจะคงอยู่ได้เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น

“มันสะท้อนได้เร็วจริง ๆ! ตอนนี้การเรียนเวทย์ป้องกันจะถูกพักไว้ก่อน เริ่มต้นที่วันนี้ เธอจะได้เรียนเวทย์มิติ มันเป็นธาตุหลักของอาจารย์ อาจารย์หวังว่าเธอจะเรียนมันได้ดี”

“ว้าว! เวทย์มิติ เยี่ยมมากเลยครับ ผมสามารถใช้มันหนีได้ในอนาคต” ผมไม่ต้องกลัวตาแก่จอมโหดนี่อีกต่อไปแล้วในอนาคต ถ้าผมเรียนเวทย์มิติอย่างจริงจัง ถ้าเขารังแกผม ๆ ก็แค่เคลื่อนย้ายตัวเองกลับบ้าน ฮ่า ฮ่า! (มันจะง่ายอย่างนั้นจริงมั้ยนะ?)”

“อาจารย์จะเริ่มสอนเธอเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของเวทย์มิติ เวทย์มิติแบ่งออกเป็นเวทย์เคลื่อนที่ และเวทย์โจมตี เวทย์เคลื่อนมิติขึ้นอยู่กับทักษะการใช้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ระยะทางที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ขึ้นอยู่กับพลังเวทย์ ส่วนพลังวิญญาณจะส่งผลกับความแม่นยำในการเคลื่อนย้าย ยิ่งเคลื่อนย้ายระยะสั้นเท่าไร ความแม่นยำก็จะมากขึ้นเท่านั้น เทคนิคในการใช้เวทย์เคลื่อนมิติคือการใช้พลังวิญญาณของเธอกำหนดว่าจะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ใด หลังจากนั้นก็ร่ายเวทย์เพื่อเคลื่อนย้ายไปที่นั่น การเคลื่อนมิติแบ่งได้เป็นระยะใกล้ ระยะไกล และการเคลื่อนย้ายระยะไกลขนาดใหญ่ การเคลื่อนย้ายระยะใกล้โดยปกติแล้วจะใช้ในการหลบการโจมตีของศัตรู ส่วนการเคลื่อนย้ายระยะไกล และการเคลื่อนย้ายระยะไกลขนาดใหญ่ จะไม่ค่อยใช้กันมากนัก เนื่องจากมันต้องการพลังวิญญาณที่สูงมาก ถ้าเคลื่อนย้ายไม่แม่นยำมันอาจคลาดเคลื่อนได้เป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร การเคลื่อนย้ายระยะไกลขนาดใหญ่ยังมีความต้องการเวทย์สนับสนุนถึงจะใช้ได้

“อาจารย์ อาจารย์ แสดงว่าอาจารย์หลอกผมตอนที่บอกว่า อาจารย์สามารถเคลื่อนย้ายกลับมาจากเมืองหลวงเมื่อไรก็ได้”

เมื่อความลับถูกเปิดเผย อาจารย์ซิวรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย “เธอไปตั้งใจเรียนเวทย์มนต์ให้ดี ไม่ต้องถามมาก วันนี้เธอเริ่มเรียนการเคลื่อนย้ายระยะใกล้ก่อน พอพลังเวทย์และพลังวิญญาณของเธอถึงระดับนักเวทย์สูงสุดแล้ว เธอจะเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้ในรัศมี 500 เมตรด้วยเวทย์นี้”

หลังจากพูดจบ อาจารย์ซิวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมหายไป ได้ยินเสียงปรบมือดังมาจากด้านหลัง อาจารย์ซิวแสดงการเคลื่อนย้ายระยะใกล้ให้ดูด้วยการย้ายไปข้างหลังผม ว้าว! ลึกลับมาก

“อาจารย์ ทำไมผมไม่ได้ยินอาจารย์ร่ายเวทย์เลยล่ะ?”

“นี่คือสิ่งที่อาจารย์กำลังจะบอกเธอ การร่ายเวทย์สำหรับเคลื่อนย้ายระยะใกล้นั้นสั้นมาก มีแค่คำเดียว ทั้งหมดที่เธอต้องการก็คือการควบคุมพลังเวทย์ กำหนดสถานที่ที่เธอต้องการจะไปไว้ในใจ แล้วร่ายเวทย์โดยไม่ออกเสียง

“คำว่าอะไร?”

“ไป”

“ง่ายอย่างนั้นเลย?”

“เธอลองดูสิ”

“ตกลงครับ”

ผมเริ่มรวมรวมพลังวิญญาณ ตั้งเป้าหมายไปที่มุมห้อง คิดคำร่ายอยู่ในใจ “ไป” ผมรู้สึกว่าตัวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แล้วผมก็โผล่มาที่อื่น

ทำไมมันไม่มีอะไรอยู่ใต้เท้าผมเลยล่ะ อ้ากกกก!! ตูม! ผมย้ายตัวเองมาอยู่เหนือบ่อน้ำนอกห้องเรียน

ผมพาตัวเองปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำ พ่นน้ำออกจากปาก อะไรกัน? ไม่เห็นดีเลย ทำไมมันผิดเป้าหมายไกลขนาดนี้ ผมกลับเข้าไปในห้องเรียน พออาจารย์ซิวเห็นสภาพอันน่าอายของผมก็อดที่จะยิ้มไม่ได้

“เธอรู้อยู่แล้วว่าเวทย์เคลื่อนย้ายต้องการพลังวิญญาณปริมาณมหาศาล และระหว่างการเคลื่อนย้ายจิตวิญญาณของเธอต้องจดจ่ออยู่ที่เป้าหมาย ถ้าฟุ้งซ่านแม้แต่เพียงนิดเดียว ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างออกไปอย่างมาก วันนี้เธอฝึกอยู่ที่นี่แหละ พยายามเคลื่อนย้ายให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ครับ อาจารย์”

ผมนั่งลงบนพื้น มองดูอาจารย์ซิวเดินจากไป ตอนนี้มันดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา ผมไม่ต้องทนทรมารกับการฝึกฝนของปีศาจอีกต่อไป เพราะคติประจำใจของผมคือปลอดภัยไว้ก่อน (นักหลบหนีอาชีพ) ผมต้องฝึกเวทย์เคลื่อนมิติอย่างจริงจัง ผมย้ำกับตัวเองอยู่ในใจ “ไป” ผมย้ายตัวเองมาข้างหน้าประมาณ 3 เมตร อา! ไม่แย่ คราวนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ

“ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”  “ไป”

ผมฝึกฝนการเคลื่อนย้ายระยะใกล้อย่างต่อเนื่องจนพลังเวทย์ของผมหมด

ผลลัพธ์ออกมาไม่เลว ผมเริ่มมีทักษะมากขึ้น ภายในระยะ 30 ตารางเมตรของห้องนี้ ผมสามารถเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องฝึกแล้ว ได้เวลาพักแล้ว พรุ่งนี้ผมจะทำให้ปีศาจเฒ่าแปลกใจ ผมคิดไประหว่างที่กำลังพาตัวเองเข้าสมาธิ (นอน)

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมเริ่มฝึกการเคลื่อนย้ายระยะใกล้อย่างต่อเนื่อง ความคิดที่จะหนีการฝึกของปีศาจเฒ่าไม่มีอยู่ในหัวผมอีกแล้ว ทุกเช้าผมจะถูกรังแกประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นผมจะฝึกการเคลื่อนย้ายระยะใกล้ ในที่สุดระยะทางที่ผมเคลื่อนย้ายได้ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จากรัศมี 30 เมตร เป็น 50 เมตร 100 เมตร 200 เมตร และภายในระยะเวลา 1 ปี ผมก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ระยะสูงสุดของการเคลื่อนย้ายระยะใกล้แล้ว นั่นคือผมสามารถเคลื่อนย้ายไปตรงไหนก็ได้ในรัศมี 500 ด้วยความแม่นยำสูง

“จางกง มานี่ อาจารย์จะพาไปซ้อมที่ใหม่”

ผมเดินตามอาจารย์ซิวไปที่สวนทางด้านหลัง ภายในสนามที่มีขนาด 300 ตารางเมตรเต็มไปด้วยเสาไม้ความสูง 5 เมตร ทุกเสาถูกแขวนไว้ด้วยถุงทรายขนาดใหญ่

“อาจารย์ มันใช้ทำอะไรครับ?”

“เอาไว้ให้เธอฝึกการเคลื่อนย้ายระยะใกล้ ดูนะ!” อาจารย์ซิวปล่อยถุงทรายทั้งหมดมากกว่า 100 ถุงลงมาจากแท่น ถุงทรายแกว่งตัวไปมาอย่างต่อเนื่อง “ดูให้ดี” หลังจากพูดจบ อาจารย์ซิวเคลื่อนย้ายเข้าไปในรัศมีของถุงทราย แล้วเคลื่อนย้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีถุงทรายอันไหนสัมผัสตัวของเขาได้เลย หลังจากผ่านไป 1 นาที อาจารย์ซิวก็เคลื่อนย้ายตัวเองออกมา

“เธอเข้าไปลองดู ต่อจากนี้ไป เธอจะฝึกกับถุงทรายพวกนี้ อาจารย์จะให้เสือแห่งแสงช่วยแกว่งถุงทรายให้”

“อาจารย์ ได้โปรดใว้ชีวิตผมเถอะ”

“ทำใจให้สบาย ไม่มีปัญหาหรอก เวทย์เยียวยาของอาจารย์ก็ไม่เลวนัก หรือว่าเธออยากเปลี่ยนถุงทรายเป็นลูกเหล็กแทน”

“ถุงทราย ถุงทรายดีแล้ว ถุงทรายดีที่สุด!” ได้ยินคำขู่ ผมไม่กล้าบ่นต่อ เคลื่อนย้ายตัวเองเข้าไปในคลื่นของถุงทราย ผมหลบ! หลบ! ไม่ถึง 3 ครั้ง ผมโดนถุงทรายกระแทกออกมาข้างนอก มันเจ็บมาก อาจารย์ซิวร่ายเวทย์เยียวยาให้ผมทันที แล้วจับผมโยนเข้าไปใหม่ ผมได้แต่หลบไปหลบมา แล้วก็โดนกระแทกออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ร่างการอันเปราะบางของผมถูกทำลายอย่างโหดร้ายด้วยฝีมือของปีศาจเฒ่าตนนี้

ผลลัพธ์อีกอย่างที่น่าแปลกใจคือ หลังจากที่อดทนกับการทรมานอันแสนหฤโหดนี้ ร่างกายของผมดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้น อาจารย์ซิวบอกผมว่าไม่มีใครที่จะประสบความสำเร็จ และร่ำรวยได้ โดยไม่ผ่านบททดสอบ และความยากลำบากมาก่อน เพราะอย่างนั้น ขั้นแรกต้องมีความสามารถในการปกป้องตัวเองให้ได้ก่อน และวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองคือการหลบหนี (มันเหมาะกับผมมาก ๆ)

ทุก ๆ สัปดาห์ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ผมเรียนเวทย์มนต์ วันอังคาร วันพฤหัส วันเสาร์ ฝึกกับถุงทราย ‘ค่ายกลถุงทราย’ เพิ่มความยากขึ้นตามความสามารถของผม (ระดับความยากที่พูดถึงไม่นับว่าเป็นอะไรเลย เมื่อเทียบกับตอนที่อาจารย์ซิวร่ายคาถาระดับกลางแบบรอบทิศทางใส่ผม - สายฟ้าฟาด)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด