ตอนที่แล้วบทที่ 19 - เข้าเรียนครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 - ชีวิตในโรงเรียน

บทที่ 20 – เวทย์มนต์ของสัตว์เวทย์


ผมกับหม่าเคอมาถึงห้องสมุด มันเป็นตึกขนาดใหญ่ 6 ชั้น แต่ละชั้นพื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร ห้องสมุดนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ชั้นที่ 1 และ 2 มีหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีพื้นฐาน และเวทย์ระดับพื้นฐาน (เวทย์ระดับ 1-3) ชั้นที่ 3 4 และ 5 เป็นส่วนของเวทย์ระดับกลาง (เวทย์ระดับ 4-5) ชั้นที่ 6 เป็นเวทย์ระดับสูง ด้วยระดับของพวกเรา สามารถเข้าได้แค่ส่วนที่ 2 เท่านั้น (แต่ล่ะส่วนมีการจำกัดการเข้าถึง เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้) ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนจะอยู่กันที่บริเวณชั้น 3 4 และ 5

ผมกับหม่าเคอ ขึ้นไปที่ชั้น 4 แล้วเริ่มหาหนังสือเกี่ยวกับเวทย์มนต์ที่พวกเราสนใจ หนังสือเกี่ยวกับเวทย์มนต์แห่งแสงมีอยู่น้อยมาก ผมเจอหนังสือรวมความรู้ของเวทย์แสงระดับกลางเพียงเล่มเดียว และหยิบหนังสือเวทย์มิติระดับกลางติดมาอีก 2 เล่ม หม่าเคอก็เลือกหยิบหนังสือ 2-3 เล่มที่เกี่ยวกับเวทย์ไฟ และเวทย์ลมออกมาจากชั้น พวกเราเดินไปอ่านที่บริเวณที่จัดไว้ให้

ไม่มีอะไรพิเศษในหนังสือเวทย์แสงระดับกลาง ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ผมเปิดหนังสือ ‘เวทย์มิติสำหรับการต่อสู้ : 100 ตัวอย่าง’ ที่ค่อนข้างดึงดูดผมขึ้นอ่าน ภายในเล่มเป็นประสบการณ์การใช้เวทย์มิติในการต่อสู้จริง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว

“พี่ใหญ่ ข้างนอกมืดแล้ว พวกเราควรกลับได้แล้ว พวกเรายังต้องเข้าเรียนอีกพรุ่งนี้”

“ตกลง” โอ! ใช่แล้ว ตอนค่ำ ๆ ผมต้องหาบริเวณไม่มีคน เพื่อศึกษาสัตว์เวทย์ของผม เสี่ยวจิน

หลังจากกินข้าวเย็นในโรงอาหาร พวกเรากลับไปที่หอพัก เจ้าผมเขียวไม่กล้าพูดอะไรตอนเจอหน้าผม เพื่อนร่วมห้องอีก 2 คนกำลังทำสมาธิอยู่ ผมยังไม่รู้จักพวกเขา ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ

ผมแอบหลบไปที่สวนด้านหลังของโรงเรียน “ฟังชื่อข้า สัตว์เวทย์ของข้า เสี่ยวจิน ฟังคำข้าและปรากฏตัว” แสงสว่างวาบขึ้น ร่างกายเล็ก ๆ น่ารักของเสี่ยวจิน ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม ผมประคองมันไว้ในมือ ค่อย ๆ สังเกตุมันอย่างละเอียด ดูเหมือนว่ามันจะโตขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่มันออกจากไข่ มันโตค่อนข้างเร็ว แค่วันเดียวก็โตขนาดนี้แล้ว

“เสี่ยวจิน นายรู้จักเวทย์มนต์อะไรบ้างมั้ย?” ผมถามด้วยความคาดหวัง

ดูเหมือนว่าเสี่ยวจินจะไม่เข้าใจที่ผมพูด มันยังคงใช้หัวถูไถอ้อนผมอยู่ “เสี่ยวจิน ธนูแสง” มันส่ายหัว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีทาง มันเป็นสัตว์เวทย์ประเภทเติบโต มันควรจะรู้จักทุกเวทย์ที่ผมรู้ มันเกิดอะไรขึ้น?

“เจ้าเด็กโง่ ถ้าอยากสื่อสารกับสัตว์เวทย์ของเธอ เธอต้องสื่อสารผ่านจิต มันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดหรอก” เสียงฟังใจดีลอยมา

“ใคร?” ผมหันกลับไปมอง ในชุดคลุมเวทย์สีขาว (ไม่มีเครื่องหมายบอกระดับ) มีชายแก่คนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังผม

“คุณเป็นใคร? เป็นอาจารย์หรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว เธอกับฉัน ใช้เวทย์หลักเดียวกัน ฉันก็เป็นนักเวทย์แสง!” ตาแก่เดินเข้ามาลูบหัวผม

“ลองสื่อสารกับสัตว์เวทย์ของเธอผ่านจิตดู ว่ามันได้ผลมั้ย?”

“ตกลง!” ยังไงผมก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ตอนนี้ ผมแค่ต้องลองดู ผมเพ่งจิตผ่านความสัมพันธ์ทางวิญญาณของผมกับเสี่ยวจิน ผมบอกให้มันปล่อย ‘ธนูแสง’ แน่นอนผมบอกมันด้วยว่าต้องร่ายเวทย์อย่างไร รวมถึงผลของมัน เสี่ยวจินมองมาที่ผมก่อนที่ร่างกายของมันจะเรืองแสงสีขาวขึ้นมา ธนูแสงพุ่งออกจากปากของมันไปกระทบกันต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ

“เอ๋! สำเร็จ” หลังจากที่ผมรู้วิธีที่จะทำให้เสี่ยวจินร่ายเวทย์ ผมดีใจมาก แต่หลังจากที่เสี่ยวจินร่ายเวทย์ไปแล้ว ตัวมันอ่อนลง เหมือนว่ามันจะหมดแรง ผมรีบปลดคาถาอัญเชิญ แล้วเก็บมันไว้ภายในร่างกาย

“ขอบคุณมากครับ อาจารย์”

“เธอมีพรสวรรค์ในด้านเวทย์มนต์มาก ใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็เรียนรู้การสื่อสารกับสัตว์เวทย์ได้ ไม่เลว เธอต้องการเรียนเวทย์แสงกับอาจารย์หรือไม่?” ตาแก่หัวเราะก่อนเอ่ยถามผม

อา!! ผมไม่ต้องการ ผมไม่อยากให้ใครมาคอยจ้ำจี้จ้ำไชกับผม

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ผมชอบเรียนรู้ด้วยตนเอง อาจารย์ ผมไปก่อนนะครับ ผมจะรีบกลับไปนอน พรุ่งนี้ผมต้องไปเรียนแต่เช้า” ผมรีบหันหลังกลับแล้วเริ่มหนี ผมไม่อยากเจออาจารย์ปีศาจอีกตนหนึ่ง

ผู้เฒ่าเคราขาวมองดูผมวิ่งห่างออกไป แล้วพึมพำกับตัวเอง “เด็กอะไรเนี่ย! คนอื่นมาขอร้อง ข้ายังไม่ยอมรับพวกเขาเป็นลูกศิษย์ คาดไม่ถึงตอนที่ข้าอยากได้บางคนมาเป็นศิษย์ เขากลับไม่อยากเรียนเวทย์กับข้า หึหึ!” เขาส่ายหัวอย่างปลง ๆ

กลับมาที่ห้องพัก ผมพบว่าเจ้าผมเขียวกำลังเล่นหมากรุกอยู่กับเทพแห่งความฝัน หลับไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 คนยังทำสมาธิอยู่ ผมนอนลงบนเตียง และเริ่มสื่อสารกับคุณลุงคุณป้าธาตุแสง ธาตุแสงไหลเข้าสู่จุดสะสมพลังบริเวณหว่างคิ้ว ผมกระจายธาตุแสงไปทั่วร่างกาย และส่งไปยังบริเวณที่เสี่ยวจินนอนขดตัวอยู่ เสี่ยวจินส่งเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจ ขยับตัวให้นอนสบายขึ้น

ช่วงนี้ไม่ว่าผมจะทำสมาธิมากแค่ไหน ดูเหมือนว่าพลังของผมจะไม่เพิ่มขึ้นเลย ถ้าร่างกายของผมเป็นขวด เหมือนว่ามันจะมีน้ำอยู่เต็มแล้ว ทำไมมันถึงไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีก? ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมเพิ่มการส่งพลังงานให้เสี่ยวจินดีกว่า ผมค่อย ๆ ชักนำธาตุแสงให้ไปรวมตัวกันรอบ ๆ ตัวเสี่ยวจิน ผมรู้สึกว่าธาตุแสงบริสุทธิ์ส่งผลดีกับร่างการของเสี่ยวจิน เหมือนว่าร่างกายของมันจะใหญ่ขึ้น ผมรู้สึกยินดีเหมือนได้ทำภารกิจสำเร็จ โอ! มันเหมือนการเลี้ยงเด็ก ใช่เลย! (ผมก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย) หลังจากคงสภาวะนี้ไว้ได้ ผมก็เข้าไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน

เริ่มต้นตอนเช้า ด้วยการที่หม่าเคอมาตามผมไปกินข้าวเช้าด้วยกัน เช้านี้อาหารเช้ามีซาลาเปา ไข่ โจ๊ก นมวัว แล้วก็อื่น ๆ ผมคิดว่าผมกินซาลาเปาไป 2 ไข่ 3 โจ๊กอีกถ้วย แล้วตบท้ายด้วยนม นักเรียนที่นั่งอยู่แถวนั้นพากันมองมาที่ผมด้วยสายตาว่างเปล่า ตราบใดที่อาจารย์ประจำโรงอาหารไม่ขึ้นค่าอาหารผม ใครจะไปสนว่าคนอื่นจะคิดอะไร ผมกินส่วนของผมหมดแล้วก่อนบ่น “อิ่มจัง! หม่าเคอไปเรียนกันได้แล้ว”

เรามาถึงห้องเรียนตรงเวลาเป๊ะ ว้าว!! นอกจากเรา 2 คน ทุกคนมาถึงกันหมดแล้ว แม้แต่เจ้าเหลือบหัวเขียว หรือว่าผมจำเวลาเรียนผิด? ไม่มีทาง เริ่มเรียน 8.30

“จางกง หม่าเคอ รีบไปนั่งที่ ต่อไปให้มาก่อนเวลาเรียนครึ่งชั่วโมง พวกเราห้อง A พวกเราแตกต่างจากห้องอื่น” อาจารย์ที่อยู่ในชุดทางการบอกพวกผม เมื่อวานเธอแนะนำตัวเองว่า หลี่ซิวหลาน ที่สอง.....

“ครับ อาจารย์หลี่” ผมรีบดึงหม่าเคอ พากันเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนของเรา

“เอาล่ะ! มาเริ่มเรียนกัน วันนี้หัวข้อหลักของเราคือเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกล” อาจารย์หลี่เริ่มบรรยายบทเรียนอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด เริ่มด้วยจุดกำเนิดของเวทย์มนต์ จนถึงการประยุกต์ใช้ เรื่องพวกนี้ปีศาจเฒ่าเคยสอนผมมาหมดแล้ว ผมอยากนอน ผมจำได้ว่าผมได้ยินอะไรประมาณว่า ตำแหน่งนั้นสำคัญมากในเวทย์เคลื่อนย้ายระยะไกล บลา บลา แต่ประโยคที่ปลุกผมคือ หมดคาบแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด