ตอนที่แล้วบทที่ 1- บทเริ่มต้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 - อาจารย์ของผม

บทที่ 2 - เลือกธาตุแห่งแสง


หยับ หยับ!!

ผมรีบเคี้ยวข้าวเช้าสองคำโต ก่อนที่จะรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปโรงเรียน

“เดินให้เร็ว ลูกต้องไม่ไปโรงเรียนสาย ไม่อย่างนั้นอาจารย์จะมองลูกไม่ดี ตั้งใจเรียนเวทย์มนต์! เดินดูถนนด้วย โรงเรียนเลิกแล้วก็ให้รีบกลับบ้านล่ะ”

‘แม่’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ พูดคำเดิมทุก ๆ วัน มันเป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่จะไม่จำมันจนขึ้นใจในตอนนี้ อย่างไรก็ตามความห่วงใยของแม่ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในใจ

ผมชื่อจางกง ปีนี้อายุ 7 ขวบ ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ข้างเมือง ‘เซินเคอ’ เมืองที่ไม่ติดทะเล และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอาณาจักรอ้ายเซี่ย ด้วยความที่ครอบครับของผมพอจะมีเงินอยู่บ้าง พ่อและแม่ตั้งความหวังกับผมและส่งให้เรียนที่โรงเรียนปฐมเวทย์มนต์ประจำเมืองเพื่อเรียนเวทย์มนต์ ตอนนี้ผมเรียนอยู่เกรด 3 แล้ว ตั้งแต่เล็ก ผมมีความสนใจเรื่องของเวทย์มนต์มาก แต่ว่าผมเป็นคนขี้เกียจโดยธรรมชาติ 2 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้เพียงแค่เวทย์มนต์พื้นฐานบางอย่าง และพื้นฐานความรู้เรื่องเวทย์มนต์

วันนี้ เป็นวันที่ผมต้องบอกอาจารย์ว่าผมจะเลือกธาตุพื้นฐานอะไร ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดชั้นเรียนของผม (นักเวทย์แต่ละคนจะมีธาตุเวทย์มนต์หลัก และรอง พวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่ธาตุเวทย์มนต์หลักเพียงธาตุเดียว โดยจะสามารถศึกษาธาตุรองได้ 3 ธาตุเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพของธาตุหลัก) ผมจะเลือกอะไรดีล่ะ? ผมชอบธาตุไฟ แต่..มันรู้สึกว่าจะอันตรายเกินไปหน่อย ไม่เข้ากับคติประจำใจ ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ ของผม ถ้าอย่างงั้นผมควรจะเลือก....? ธาตุเวทย์มนต์สายไหนปลอดภัยที่สุด?

คิดถึงเรื่องความปลอดภัย......

อา..ใช่ เวทย์มนต์ธาตุแสงดูเหมือนว่าจะปลอดภัยที่สุด ในบทเรียนเก่า ๆ อาจารย์บอกว่าโดยปกติแล้วไม่มีคาถาโจมตีของเวทย์มนต์ธาตุแสงจนกว่าจะได้เรียนเวทย์มนต์ระดับกลาง มันเป็นการเรียนคาถาป้องกันหรือเรียนการบ่มเพาะ นั่นคือ ผมไม่ต้องประลองกับใคร เย่.. ผมเลือกอันนี้ (ตามกฏการเลื่อนขั้นนักเวทย์ของอาณาจักรอ้ายเซี่ย นักเรียนในโรงเรียนเวทย์มนต์ต้องเข้ารับการทดสอบระดับประสบการณ์ เพื่อยืนยันระดับของเวทย์มนต์บ่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ระดับเวทย์มนต์ของเรายังต่ำอยู่ ไม่มีใครมาทดสอบนักเวทย์ระดับต่ำ ๆ ปกติแล้วพวกเขาจะเริ่มทดสอบตอนเกรด 5 หรือในโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์)

ผมนี่ฉลาดจริง ๆ!! ผมควรเลือกธาตุรองอะไร? ผมจะเลือกเวทย์มนต์ธาตุลมและเรียนรู้เทคนิคระเบิดอากาศบางอย่าง (เวทย์มนต์ลมสายหลัก) หรืออะไรไกล้ ๆ กัน ด้วยวิธีนี้ผมจะได้สามารถหนีได้อย่างรวดเร็วถ้าเจออันตราย ไม่..ไม่..เดี๋ยวก่อน เวทย์มนต์ธาตุลมนั้นเร็ว แต่ไม่สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาได้ แม่บอกผมว่ามีอาจารย์เวทย์สายมิติที่สามารถเทเลพอร์ตได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร (แล้วเขายังเป็นแค่อาจารย์เวทย์!) เวทย์มิตินั้นค่อนข้างดี งั้น.. ผมเลือกอันนี้ดีกว่า

หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผมก็สูดหายใจลึก ๆ อย่างมั่นใจ

คนรุ่นหลังจะต้องสรรเสริญเยินยอมหาเมธีเวทย์แห่งแสงเว่ยจางกง ‘บุตรแห่งแสง’ เว่ยจางกง ต่อไปจะกลายเป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีชื่อเสียงขจรขจาย มันเป็นโชคชะตาที่หนีไม่พ้น เวทย์แห่งแสงของเขาจะแพร่กระจายไปทุกซอกทุกมุมของทวีป (ยังไม่ได้กล่าวถึงเวทย์มิติของเขาซี่งใช้สำหรับการหลบหนีบ่อยครั้ง)

ผมค่อย ๆ เดินเข้าเมือง และคิดถึงเรื่องนี้อย่างมีความสุข เกือบอดจะหัวเราะไม่ได้เมื่อคิดถึงอนาคตที่เต็มไปด้วยความสุข

“จางกง”

“นายมันน่ารำคาญจริง ๆ อ้าวเต๋อ นายทำฉันตกใจ”

เขาเป็นทั้งเพื่อนรัก และเพื่อนร่วมห้องของผม

“นายเลือกเวทย์มนต์สายไหน?”

“ฉันเลือกเวทย์มนต์แสงเป็นสายหลัก และเลือกเวทย์มิติเป็นสายรอง”

“มันสมกับเป็นนายจริง ๆ!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

“นายไปรู้อะไรมา!! ไหนลองบอกฉันสิ ว่าทำไมฉันเลือก 2 ธาตุนี้”

อ้าวเต๋อ ทำผมประหลาดใจ

“แน่นอน คติประจำใจของนายคือ ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’”

“น่ารำคาญจริง ๆ แต่นายพูดถูก แล้วนายล่ะ เลือกอะไร?”

“ฉันเลือกธาตุน้ำเป็นสายหลัก เวทย์มิติ เป็นสายรอง!!” อ้าวเต๋อยืดอกตอบแสดงความภาคภูมิใจออกทางสีหน้า

“ฉันเข้าใจที่นายเลือกเวทย์มิติ (แน่นอนนายต้องเลือกเหมือนฉัน) แต่.. ทำไมธาตุน้ำ?”

“นายไม่มีทางเข้าใจ” อ้าวเต๋อตอบ พร้อมพยายามทำตัวให้ดูเหมือนผู้ใหญ่

“รีบ ๆ บอกมาเลยว่าทำไม”

“สาว ๆ ส่วนใหญ่เลือกที่จะเรียนเวทย์มนต์สายน้ำ!! ปกติแล้วไม่ค่อยมีผู้ชาย ฉันจะแกล้งสาว ๆ แล้วก็แย่งขนมของพวกเธอ ฮ่า ฮ่า”

“นายนี่มันเสียเด็กจริง ๆ ฉันจะฟ้องพ่อนาย”

ผมขู่เขา หลังจากนั้นก็คิดขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าเวทย์มนต์สายน้ำจะมีสาว ๆ เรียนเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าหลังจากเข้าโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์แล้วเขายังแกล้งสาว ๆ อยู่มันคงเป็นโศกนาฎกรรมแน่ ๆ พี่ใหญ่ของหมู่บ้านนี้ถูกทุบตีอย่างโหดร้ายตอนที่เขาพยายามจะรังแกดาวโรงเรียน อ้าวเต๋อคงจะน่าอนาถน่าดูถ้ายังทำตัวเป็นเด็กห้าวต่อไป ผมคิดไปสงสัยไป

“มาเรียนเวทย์มนต์น้ำกับฉันดีกว่า”

เพราะแค่ไม่อยากให้ผมฟ้องเขา เขาถึงกับพยายามดึงผมเข้าเป็นพวก

“ไม่เอา ไม่ต้องหรอก แค่เลี้ยงข้าวดี ๆ ให้ฉันสักมื้อก็พอ ฉันไม่บอกพ่อนายหรอก ตกลงมั้ย”

“ตกลง ไม่มีปัญหา”

“ถึงโรงเรียนแล้ว เร็ว ๆ เข้า เรากำลังจะสายแล้ว”

โรงเรียนปฐมเวทย์มนต์เมืองเซินเคอ เป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มันมีพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร มีสนามสำหรับการฝึกซ้อม และอาคารจำนวนมาก อ้าวเต๋อกับผมอยู่เกรด 3 ห้อง 4

“โชคดีที่พวกเราไม่ได้มาสาย ไม่อย่างงั้นยายแม่มดต้องทำโทษเราอีกแน่” อ้าวเต๋อซุบซิบกับผม

“เงียบหน่อย ยายแม่มดกำลังมา (แน่นอน ยายแม่มดคืออาจารย์ประจำชั้นของเรา นักเวทย์ไฟชั้นสูงอายุ 50 ปี อาจารย์หลิน เธอเป็นคนที่เข้มงวดมาก แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าดึงดูดใจเลย ทำให้ทั้งห้องตั้งฉายาให้เธอว่า ‘ยายแม่มด’)

“สวัสดีตอนเช้า นักเรียน”

“สวัสดีตอนเช้าครับ/ค่ะ อาจารย์”

ห้องเรียนดูเงียบสงบทันทีที่ยายแม่มดมาถึงห้อง เพราะไม่มีใครต้องการให้ภูเขาไฟพันปีประทุ

“นักเรียนทุกคนคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้วใช่มั้ย ว่าจะเลือกเรียนธาตุอะไร”

“ครับ/ค่ะ”

“ดีมาก ต่อแถวกันมาลงชื่อในแบบฟอร์มเลย

ตอนที่ผมลงทะเบียน ยายแม่มดมองผมแล้วถาม “เธอเลือกธาตุแสงเป็นสายหลักของเธอ?”

“ครับ ถูกต้องแล้วครับอาจารย์”

“เธอรู้มั้ย? ทั้งประเทศนี้ คนที่เลือกธาตุแสงเป็นสายหลักนอกจากคนที่เป็นอาจารย์แล้ว ก็มีแต่นักบวชที่ใช้เวทย์แสงสำหรับการรักษาเท่านั้น”

“อะไรนะ? ทำไมเป็นอย่างนั้นครับ? ผมไม่รู้!!”

กลายเป็นว่า 200 ปีที่ก่อน ตอนที่ 2 ทวีปทำสงครามกัน มีนักเวทย์ของมนุษย์จำนวนมากที่เลือกเรียนเวทย์มนต์สายแสง เนื่องจากแสงเป็นจุดอ่อนของเผ่าปีศาจ ในสงครามนักเวทย์แสงขั้นกลางมีหน้าที่ 2 อย่าง เพราะเวทย์แสงระดับกลางสามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้ฝ่ายตนเอง และเป็นเวทย์โจมตีต่อเผ่าปีศาจได้ เวทย์แสง และเวทย์มนต์มืดจึงมีประโยชน์ใน 2 หน้าที่นี้ แต่ณ วันนี้ 200 ปีต่อมา จากความสงบสุขตลอด 200 ปีโดยไม่มีสงคราม ผู้คนใช้ชีวิตอย่างสันติ เวทย์แสงค่อย ๆ ลดประโยชน์ลงไป ถ้าเปรียบเทียบกับการฝึกเวทย์น้ำ ไฟ ดิน และลม เวทย์แสงโดยพื้นฐานแล้ว แม้แต่เวทย์มนต์ระดับกลางเกือบทั้งหมดก็เป็นเวทย์ป้องกัน หรือเป็นเวทย์สำหรับการรักษา ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่เลือกทางแข็งกร้าวมากกว่า ทางเลือกสายหลักจึงมักเป็นธาตุน้ำ ไฟ ดิน และลม ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการเยียวยาของธาตุน้ำจะด้อยกว่าธาตุแสงอยู่บ้าง แต่ด้วยจำนวนเวทย์โจมตีที่มากกว่า ทำให้ผู้หญิงที่ต้องการเรียนรู้เวทย์เยียวยา เลือกที่จะเรียนธาตุน้ำแทน ท้ายที่สุดจึงมีเพียงผู้รักสงบอย่างนักบวชเท่านั้นที่เลือกธาตุแสงเป็นธาตุสายหลัก

สำหรับผมที่เพิ่งอายุ 7 ขวบ แน่นอนว่าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากที่อาจารย์อธิบายเรื่องราว ผมบอกเธอเกี่ยวกับ ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’ ซึ่งเป็นคติประจำใจ และสาเหตุที่ทำให้ผมเลือกเวทย์มนต์ธาตุแสง

“เอาล่ะ! ในเมื่อนักเรียนทุกคนเลือกธาตุหลักได้แล้ว วันนี้ชั้นเรียนจะเลิกเร็วกว่าปกติ พรุ่งนี้ พวกเธอจะแบ่งชั้นเรียนใหม่ตามธาตุหลักที่พวกเธอได้เลือกไว้”

“เย่.... เลิกเรียนแล้ว”

และแล้วในที่สุด การเรียนรู้เวทย์มนต์ธาตุแสงของ ‘บุตรแห่งแสง’ กำลังจะเริ่มต้น พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราจะได้รู้กันเร็ว ๆ นี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด