บทที่ 18 – กำเนิดสัตว์เวทย์
ผมถือไข่สัตว์เวทย์ไว้ในมือ แล้วเริ่มรวบรวมพลังเวทย์ (หลังจากได้พักมาทั้งวัน พลังเวทย์ของผมฟื้นคืนมาประมาณ 7 ส่วนแล้ว) ธาตุแสงไหลจากมือผมเข้าไปในไข่สัตว์เวทย์ส่งให้มันลอยขึ้นมากลางอากาศ ผมใช้มือซ้ายวาดวงเวทย์หกเหลี่ยมล้อมรอบไข่สัตว์เวทย์ เริ่มร่ายเวทย์
“สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก จงเป็นพยาน ข้าเว่ยจางกง ขอใช้พลังของข้าร่วมกับสิ่งมีชีวิตตรงหน้า สร้างสัญญา!” ผมกัดนิ้วกลางของตัวเอง (เจ็บมาก) ปล่อยให้เลือดหยดลงด้านบนของไข่สัตว์เวทย์ แสงสีทองสว่างพราวเปล่งประกายออกมาจากไข่สัตว์เวทย์ทันที
“อา! สัตว์เวทย์ประเภท ‘เติบโต’” อาจารย์ซิวอุทานด้วยความตกใจ
ไข่สัตว์เวทย์เริ่มแตกออก หัวรูปสามเหลี่ยมสีขาวเล็ก ๆ ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากข้างใน มันหันซ้ายหันขวา มองดูไปรอบ ๆ ยกหัวขึ้น แล้วพอมันเห็นผม มันร้องออกมาด้วยน้ำเสียงมีความสุข วูซซ! มันพุ่งเข้ามาหาผม ใช้ลิ้นเล็ก ๆ ของมันเลียไปที่ใบหน้าของผม กลายเป็นว่ามันคืองูสีขาวตัวเล็ก ๆ ดูน่ารักมาก ตาสีนิลส่องประกายอยู่บนหัวรูปสามเหลี่ยมของมัน ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดอันงดงาม มีแถบสีทองยาวตั้งแต่หัวไปจนจรดปลายหาง แน่นอน มันน่ารักมากจริง ๆ
“อาจารย์ซิว นี่มันคือสัตว์เวทย์อะไรครับ?”
“อืม!!” อาจารย์ซิวหายตกใจ แล้วเดินเข้ามาใกล้ “จางกง เธอได้ของดีแล้ว โอกาสเจอสัตว์เวทย์ประเภทเติบโตได้มีแค่ครั้งเดียวในรอบ 100 ปี ถึงตอนนี้มันยังเพิ่งอยู่ในระดับ 1 แต่ความแข็งแกร่งของมันจะพัฒนาขึ้นไปพร้อม ๆ กับเธอ เธอแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร มันจะทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังไงซะ ก่อนที่มันจะมีพลังเต็มที่ เธอห้ามให้คนอื่นเห็นมัน เพราะว่าไม่มีสัตว์เวทย์ระดับขั้นตัวไหนจะยอมให้สัตว์เวทย์เติบโต ได้พัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดแน่”
“โอ! ว้าว!” ผมไม่ได้ให้ความสนใจกับคำอธิบายอันยืดยาวของอาจารย์ซิว ทำให้ในภายหลัง....
“ฉันจะตั้งชื่อให้แกเพราะ ๆ เลย เอาชื่ออะไรดี เสี่ยวไป๋ (ขาวน้อย)? ไม่ นั่นมันไม่เพราะ มันเหมือนชื่อหมา แกมีแถบสีทองตั้งแต่หัวจรดหาง เอาล่ะ! ต่อไปนี้แกเรียกว่า ‘เสี่ยวจิน (ทองน้อย)’ ดีมั้ย?” ผมมองไปที่เสี่ยวจินแล้วถาม มันดูมีความสุข โยกตัวไปมา
“ดีมาก! จางกง ต่อไปเธอก็เก็บมันไว้บนตัวเธอ รอให้มันเพิ่มระดับขึ้นอีกหน่อยก่อน เธอค่อยทำสัญญากับมันให้เป็นสัตว์แห่งโชคชะตาของเธอ สัตว์เวทย์แห่งโชคชะตาจะสามารถผูกวิญญาณของมันกับเจ้าของได้ เธอจะสามารถอัญเชิญมันได้ง่ายขึ้น ตอนนี้เธอให้มันดูดซับพลังจากตัวเธอไปก่อน”
ผมให้เสี่ยวจินขดตัวอยู่บริเวณท้องของผม รวบรวมธาตุแห่งแสงส่งลงไปบริเวณนั้น เสี่ยวจินดูดซับพลังของผมอย่างกระหาย มันดูดพลังของผมไปเกือบครึ่งกว่าที่มันจะหยุด เหมือนว่ามันจะหลับไปแล้ว
“อาจารย์ซิว ทำไมมันใช้พลังในตัวผมไปตั้งครึ่ง ปกติไม่ใช่ว่าสัตว์เวทย์จะใช้พลังของเจ้านายแค่นิดเดียวเหรอ? ถ้ามันใช้พลังมากขนาดนี้ มันดูดพลังผมจนตายแน่ ๆ”
“นี่เป็นครั้งแรกที่มันดูดซับพลังของเธอ มันเลยใช้มากกว่าปกติ ในอนาคตมันไม่ต้องการพลังมากขนาดนี้อีกแล้ว เธอต้องตั้งใจเพิ่มพลังเวทย์ มีแค่เธอแข็งแกร่งขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้สัตว์เวทย์ของเธอพัฒนา”
ในที่สุดผมก็มีสัตว์เวทย์ ฮ่าฮ่า! แถมมันยังเป็นประเภทเติบโต วิเศษมากจริง ๆ
นี่เป็นครั้งแรกเลยในชีวิต ที่ผมรู้สึกอยากฝึกเวทย์อย่างจริงจัง แค่เพื่อจะเลี้ยงสัตว์เวทย์ของผมให้โต
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อาจารย์ซิวพาผมไปที่โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง เขาเริ่มสอนผมอย่างเหมือนว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้น แต่ในที่สุดเขาก็จากไปด้วยดวงตาแดงกล่ำ น่าแปลก! ถึงผมจะไม่ค่อยชอบอยู่กับเขา ทำไมผมไม่มีความสุขเลยตอนที่เขากลับไป
ผมสูดหายใจลึก ลืมมันซะ ไม่ต้องคิดถึงมันอีก อาจารย์ซิวเดี๋ยวก็กลับมาเยี่ยมผม ผมต้องไปรายงานตัวแล้ว
ผมมาถึงชั้นล่างของตึกที่ตั้งอยู่ใจกลางโรงเรียนเพื่อรายงานตัว ผมเคาะประตู
“เชิญครับ” เสียงทุ้มดังออกมา
“สวัสดีครับอาจารย์ ผมมารายงานตัว”
“โอ้! เข้ามา เธอคือคนที่สอบเข้าได้ที่ 1 จางกงใช่มั้ย? ต่อไปของให้พยายามอย่างเต็มที่นะ เพื่อเกียรติยศและชื่อเสียงของโรงเรียน”
เข้าไปในห้องของฝ่ายลงทะเบียน ผมพบกับนักเวทย์ลมสูงสุด (ผมสังเกตุจากสัญลักษณ์บนเสื้อคลุมเวทย์) อายุประมาณ 50 ปี
“จากผลการสอบที่โดดเด่นของเธอ ทางโรงเรียนตัดสินใจจัดให้เธอเริ่มเรียนในชั้นปีที่ 2” ปี 2!!! ผมยังไม่ได้เข้าเรียนเลย พวกเขาให้ผมข้ามชั้นแล้ว!!!!!
“อาจารย์ครับ โรงเรียนมีทั้งหมดกี่ชั้นปีครับ?”
“มีทั้งหมด 5 ชั้นปี จะมีการทดสอบเพื่อขอจบการศึกษาในชั้นปีที่ 5 การจะไปศึกษาต่อในสถาบันเวทย์มนต์ระดับสูงจะขึ้นอยู่กับผลการทดสอบจบการศึกษานี้ (นักเรียนที่จบจากโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวงทั้งหมด สามารถเข้าสถาบันเวทย์มนต์ระดับสูงได้) ตั้งแต่โรงเรียนนี้ก่อตั้งขึ้นมา นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดของเราสามารถไปถึงระดับนักเวทย์สูงสุดก่อนจบการศึกษา เธอต้องพยายามให้มาก อาจารย์ได้ยินมาจากอาจารย์ท่านอื่นว่า ตอนนี้เธอเกือบถึงระดับนักเวทย์ชั้นสูงแล้ว เรียนให้หนัก เธอน่าจะทำลายสถิตินี้ได้”
บ้าไปแล้วเถอะ!! มันเพิ่มระดับกันได้ง่าย ๆ เหรอ!! ถ้าผมจบจากโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์ด้วยระดับเมธีเวทย์ ผมจะเป็นอะไร สัตว์ประหลาดเหรอ?
“อาจารย์ครับ ให้ผมเริ่มเรียนตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ได้มั้ยครับ?”
“เรื่องนี้อาจารย์ทำให้ไม่ได้ มันเป็นการจัดการของทางโรงเรียน”
มันไม่สามารถทำอะไรได้ ผมรับหนังสือเรียนและกุญแจห้องพักจากอาจารย์ ออกมาจากฝ่ายลงทะเบียน มุ่งหน้าไปที่หอพัก
หอพักของทางโรงเรียนอยู่กันห้องละ 4 คน ผมมาถึงหอพักของนักเรียนชั้นปีที่ 2 ผมอยู่ห้อง 208 หลังจากใช้กุญแจเปิดประตูเข้าไป เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ในห้อง น่าจะไปเรียนกันหมด มันมีเตียงว่างอยู่แค่เตียงเดียว หลังจากจัดของเรียบร้อย ผมนอนลงบนเตียง เริ่มทำสมาธิ (หลับ)
ใครตีผม? ผมลืมตามองอย่างงง ๆ ผมเขียว!! เขากำลังทุบหัวผมอยู่ “ลุก ลุกขึ้นมา แกเขามาได้ยังไง? ใครให้แกเข้ามานอนในนี้?” หยาบคาย และไร้เหตุผล ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกขุนนาง
“อั้ย!! สวัสดี ผมเป็นนักเรียนใหม่”
“เพิ่งมาใหม่!! หรือว่านายคือเว่ยจางกง ที่เพิ่งสอบเข้าปีนี้?”
“ใช่แล้ว ผมเอง คุณรู้จักผมเหรอ?”
“ฉันได้ยินว่านายเป็นคนทะเยอทะยาน ไม่น่าเชื่อว่าจะขึ้นปี 2 ได้เลย มา มาประลองกันดูสักหน่อย”
“ผมไม่อยากประลอง จริง ๆ แล้ว ผมแค่โชคดีแค่นั้นเอง ต่อไปผมยกให้พี่เป็นพี่ใหญ่ ฟังดูเป็นยังไงบ้าง? ไม่มีทางที่ผมจะเอาชนะพี่ได้หรอก ผมเห็นพี่ผมก็รู้แล้ว อย่างน้อย ๆ พี่ต้องระดับนักเวทย์สูงสุดแล้ว นักเวทย์เบื้องต้นอย่างผมจะกล้าประลองกับพี่ได้ยังไง?” ผมไม่อยากประลองกับเขา ผมเลยเริ่มยกยอปอปั้นเขา
“อืม!! อย่างงั้นก็ดี จากนี้ไปนายเป็นน้องชายฉัน นายต้องเชื่อฟังล่ะ” รู้สึกว่าหนังเขาจะหนาจริง ๆ
ดูเหมือนว่าต่อไป ผมคงต้องพึ่งเขาในการผ่านคืนและวัน