ตอนที่แล้วบทที่ 16 – ประลองกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 – กำเนิดสัตว์เวทย์

บทที่ 17 - ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง


ผู้ตัดสินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางสวมชุดคลุมเวทย์สีขาว ดูแล้วเป็นผู้เฒ่าที่อยู่ในวัย 80 กว่าปีถอนหายใจ ก่อนเอ่ยคำ “โลกช่างเปลี่ยนแปลงไปมากจริง ๆ เด็ก ๆ เดี๋ยวนี้ แม้แต่คนที่ยังไม่ได้เรียนในโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์ก็สามารถร่ายเวทย์ระดับสูงได้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยตอนข้าอายุเท่าพวกเขา”

ผู้เฒ่าชุดคลุมเวทย์สีแดงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเอ่ยตอบ “ใช่ เด็ก 2 คนนี้ต่างก็โดดเด่น มีศักยภาพในการพัฒนาต่อ ท่านดูสิ เด็กที่ชื่อจางกงนั่น สร้างเวทย์ป้องกันได้ตั้งแต่ยังเด็ก แล้วเด็กหม่าเคอนั่นก็เหมือนกัน การควบคุมเวทย์ของเขาไม่เพียงแต่ควบคุมบอลไฟได้ดี แต่ยังสามารถควบคุมพลังงานได้จนเกือบสุดขีดจำกัดของเขา ไม่เลว ดูเหมือนธาตุหลักของเขาจะเป็นธาตุไฟ ข้าจะรอดูนิสัยของเขาก่อน ว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะส่งต่อมรดกของข้าให้กับเขา”

“หม่าเคอ ไม่เลวเลยจริง ๆ ส่วนเด็กจางกงนั่น ดูเหมือนจะใช้ธาตุแสงเป็นหลัก ในยุคนี้แทบไม่มีใครมาเรียนเวทย์แสงของข้าแล้ว นอกจากเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์ของข้า”

ว้าว!!! ตราเวทย์มนต์ (บนอกด้านซ้ายของเสื้อคลุมเวทย์ จะมีเครื่องหมายบอกระดับของนักเวทย์อยู่ ‘ตราเวทย์มนต์’) ของนักเวทย์เฒ่าทั้ง 2 คนสร้างมาจากผลึกเวทย์มนต์สีม่วง น่าตกใจจริง ๆ เพราะนี้เป็นเครื่องหมายที่บอกว่าทั้งคู่คือ 2 ใน 10 ของเมธีเวทย์ที่เหลืออยู่ของทวีปเทียนอู่

บนเวที! ผมกับหม่าเคอ ที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างสิ้นหวัง ไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่ 2 เมธีเวทย์กำลังปรึกษากัน เราทั้งคู่ปลดปล่อยพลังเวทย์อย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนเวทย์โจมตีที่ร่ายไว้ เหมือนชีวิตของเราขึ้นอยู่กับมัน

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมใช้คมดาบแสง ผมไม่รู้ว่ามันมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ผมรู้สึกว่าพลังเวทย์ของผมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ คมดาบแสงชุดแรกเข้าปะทะกับดาวตกเพลิง อา! ดูเหมือนว่าพลังของคมดาบแสงจะเหนือกว่า ดาวตกเพลิงขนาดเล็กถูกตัดจนระเบิดออก ดาวตกเพลิงดวงใหญ่ยังพอตอบโต้คมดาบแสงได้บ้าง  พอผมเห็นว่าเวทย์ของผมกำลังเหนือกว่า ผมเลยปลดปล่อยพลังเวทย์ให้มากขึ้นอีก

ปริมาณพลังเวทย์ของผมมากกว่าของหม่าเคออยู่เล็กน้อย จุดผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือการใช้เวทย์ระดับกลางมาสู้กับผม ถ้าเขาสู้ด้วยการควบคุมเวทย์ขนาดเล็ก ผลลัพธ์คงยากจะตัดสิน อย่างไรก็ตามดาวตกเพลิงของเขาสิ้นเปลืองพลังเวทย์มากเกินไป ตอนนี้เขาร่ายมันออกมาก็เต็มกลืนแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะควบคุมมันได้ดี

เวทีเริ่มถูกทำลายโดยเวทย์ของพวกเราทั้งคู่ ดาวตกเพลิงเผามันจนไหม้ดำ ในขณะที่คมดาบแสงของผมฟันลงไปบนเวที ทิ้งรอยพรุนไว้ทั่ว เสื้อคลุมเวทย์ของหม่าเคอถูกตัดอยู่หลายที่ เสื้อผ้าผมก็มีรอยไหม้อยู่เช่นกัน (เสื้อคลุมเวทย์มีราคาแพง ผมไม่มีเงินซื้อมาใส่หรอก) ตอนนี้พลังเวทย์ของเราถูกใช้จนเกินขีดจำกัดแล้ว ที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็แค่พลังใจ

“พี่ใหญ่! ผมจะตายอยู่แล้ว ไว้ชีวิตผมด้วย” หม่าเคอพูดอย่างอ่อนแรง หลังจากสิ้นเสียงพูด ดาวตกเพลิงของเขาทั้งหมดก็หายไป เขาพยายามที่จะใช้โล่เพลิงเพื่อป้องกันตัวเอง แต่เขาใช้พลังเวทย์จนเกินขีดจำกัดแล้ว เขาไม่เหลือพลังเวทย์พอที่จะคงโล่เพลิงไว้ได้ เขาหมดสติ! ผมรีบหยุดปล่อยพลังเวทย์ทันที เพราะไม่อยากทำร้ายเขาโดยไม่ตั้งใจ ถ้าเขาทนได้นานกว่านี้อีกหน่อย ผมคงเป็นคนที่จะตายแทน เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งจริง ๆ

พลังเวทย์ของผมก็กำลังจะหมด ผมค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปข้าง ๆ เขา “เฮ้ เฮ้! เจ้าเด็กน่าสมเพช นี่ยังไม่หมดนะ ยังไม่พอ”

พอเห็นว่าผมยังยืนได้ ผู้ตัดสินบนเวทีก็ประกาศคำตัดสิน “หม่าเคอใช้พลังเวทย์จนหมด เว่ยจางกงเป็นผู้ชนะ” ได้ยินว่าผมชนะ ผมรู้สึกได้ถึงความสุข ตอนนี้ผมไม่มีแรงคิดหรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง

หลังจากผลการแข่งขันถูกประกาศแล้ว อาจารย์ผู้เยียวยาขึ้นมาบนเวทีแล้วใช้เวทย์ฟื้นฟูเพื่อรักษาพวกเรา แล้วผมก็ไม่ต่างจากหม่าเคอ หมดสติ

ตอนที่ผมตื่น ผมกลับมาอยู่ที่โรงแรมแล้ว อาจารย์ซิวนั่งดูแลผมอยู่ข้าง ๆ

“เธอฟื้นแล้ว ไม่เลว เธอยังเป็นอันดับ 1 เธอฟื้นมาอาจารย์วางใจ เธอพักผ่อนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน”

ผมไม่รู้จะพูดอะไร หลับตา แล้วเริ่มนอนสมาธิ

วันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาตอนที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว อาจารย์ซิวไม่ได้อยู่ในห้อง ผมเดินลงมาด้านล่างของโรงแรม เจอเถ้าแก่เจ้าของโรงแรมที่อยู่บริเวณนั้นพอดี

“ลุงครับ มีอะไรกินบ้าง? ผมหิวแทบตายแล้ว”

“มี มี เดี๋ยวหามาให้” บางทีเถ้าแก่คงจะรู้ว่าผมสอบได้อันดับ 1 วันนี้เขาเลยดีกับผมเป็นพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน หม้อไฟที่เต็มไปด้วยสตูเนื้อใส่มันฝรั่งถูกยกออกมาให้ผม มันหอมมาก ผมน้ำลายไหลเลย “ขอบคุณครับลุง ผมทานล่ะนะครับ”

“ไม่ต้องรีบกิน ระวังสำลัก” เห็นผมรีบร้อนสวาปาม เถ้าแก่เข้ามาลูบหลังผม

ผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ สตูเนื้อที่ผมได้มาถูกทำลายไปจนสิ้น แถมต้องไปตามข้าวอีก 6 ถ้วยมาช่วย หลังจากมื้อนี้แล้ว ผมคงไม่ต้องกินข้าวไปอีก 2 วัน

“อาจารย์ซิว อาจารย์กลับมาแล้ว” หลังจากที่กินเสร็จ ผมเห็นอาจารย์ซิวเดินกลับเข้าโรงแรมมา

“ใช่ อาจารย์ไปรับเอกสารสำหรับการเข้าเรียนมาให้เธอ กลับห้องกันได้แล้ว”

กลับมาที่ห้อง อาจารย์ซิวส่งหนังสือตอบรับการเข้าเรียนที่มีลวดลายสีทองให้ผม

“จางกง เธอไปลงทะเบียนได้พรุ่งนี้เลย เธอจะเริ่มเข้าเรียนอย่างเป็นทางการในอีก 1 สัปดาห์ ช่วงนี้เธอสามารถเข้าไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนก่อนได้ อาจารย์จะเดินทางกลับพรุ่งนี้เลย อาจารย์จ่ายค่าเล่าเรียนของเทอมนี้ให้แล้ว เธอต้องตั้งใจเรียนให้ดีล่ะ ถ้ามีเวลาอาจารย์จะกลับมาเยี่ยม เดี๋ยวอาจารย์จะกลับไปส่งข่าวดีให้พ่อแม่เธอที่เมืองเซินเคอก่อน หลังจากนั้นอาจารย์จะออกเดินทาง บางทีอาจจะไปถีงอาณาจักรซิวต้า”

“อาจารย์จะกลับพรุ่งนี้? ผมไม่อยากแยกกับอาจารย์เลย” ที่ผมพูด เป็นความจริงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง หลังจากอยู่ด้วยกันมาค่อนข้างนาน อาจารย์ซิวดูแลผมเป็นอย่างดี

“แค่เธอตั้งใจเรียน ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนอาจารย์แล้วล่ะ” อาจารย์ซิวยิ้มแล้วลูบหัวผม เขาหยิบกระเป๋าเงินใบเล็กออกมาจากเสื้อแล้วยื่นใส่มือผม “โรงเรียนเป็นโรงเรียนประจำ ไม่ค่อยมีที่ให้ใช้จ่ายมากนัก เก็บเงิน 50 เหรียญทองนี่ไว้ เอาไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน จบเทอมแล้วอาจารย์จะแวะมารับเธอกลับบ้าน”

ว้าว!! นี่เป็นเงินจำนวนมากที่สุดที่ผมเคยมีตั้งแต่เกิดมา “ขอบคุณครับอาจารย์”

“โอ้!! ใช่แล้ว ครั้งที่แล้วเราซื้อไข่ของสัตว์เวทย์มาด้วยนี่ เอามันออกมา อาจารย์จะช่วยดูเธอฟักมัน”

“ได้ครับ” ผมอยากมีสัตว์เวทย์มาตั้งนานแล้ว ผมรีบหยิบไข่สัตว์เวทย์สีขาวออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด