บทที่ 14 - ผมโชคดี
“จางกง เป็นยังไงบ้าง?”
ผมส่งสัญญาณบอกอาจารย์ซิวว่า ‘โอเค’
“ไม่น่ามีปัญหาสำหรับการทดสอบทั้งคู่ในวันนี้ อาจารย์วางใจได้เลย”
“อย่าทำเป็นผยองไป พรุ่งนี้ต้องพยายามให้มากขึ้นอีก ยังไงสะ มันก็ขึ้นอยู่กับคะแนนรวมทั้งหมดของเธอ”
ราตรีอันแสนเงียบสงบ
วันต่อมาเรามาถึงหน้าโรงเรียนเวลาเดียวกันกับเมื่อวาน บททดสอบที่ 3 คือการทดสอบการควบคุมเวทย์ มันมีวิธีการทดสอบเฉพาะแบ่งตามธาตุหลักของผู้สมัครสอบ ยกตัวอย่างเช่น การทดสอบของธาตุไฟจะง่ายมาก แค่ต้องควบคุมลูกไฟให้วิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดโดยไม่ระเบิดระหว่างทาง เวลาที่ใช้จะถูกบันทึกเป็นคะแนน ธาตุหลักอื่น ๆ ก็จะอยู่ในหลักการเดียวกัน
แล้วธาตุแสงจะทดสอบอย่างไรล่ะ? อาจารย์ซิวบอกผมว่าเขาก็ไม่รู้ เนื่องจากไม่มีนักเวทย์แม้แต่คนเดียวในเมืองหลวงนี้ที่ใช้ธาตุแสงเป็นธาตุหลัก
เพราะผมเป็นผู้สมัครคนเดียวที่มีเวทย์แสงเป็นวิชาหลัก ผมมุ่งตรงไปที่ห้องทดสอบทันที ห้องสอบผมคือห้องสอบที่ 5 อยู่ทางปีกขวาของโรงเรียน ว้าว!! ผมเป็นคนเดียวที่เข้ารับการทดสอบแต่ก็มีผู้คุมสอบ 5 คนเหมือนเดิม นับว่าเป็นเกียรติจริง ๆ
“สวัสดีครับ ผู้คุมสอบ”
“สวัสดี ผู้สมัครหมายเลข 1,503 เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ไม่มีผู้สมัครสอบด้วยธาตุแสงเป็นธาตุหลัก เพิ่งมีเธอคนเดียว ดังนั้นคณะกรรมการคุมสอบได้สร้างบททดสอบขึ้นมาใหม่เพื่อทดสอบเธอ” ผู้คุมสอบที่นั่งอยู่ตรงกลางพูดขึ้นมา
อา!!! ไม่มีทาง! พวกเขาถึงกับคิดวิธีพิเศษมาเพื่อผมเลย คาดไม่ถึงจริง ๆ
“ผมต้องทำอะไรครับอาจารย์?”
ผู้คุมสอบมองหน้ากัน คนตรงกลางยิ้มอย่างลึกลับก่อนพูด “จริง ๆ มันก็ง่ายมาก อาจารย์ได้ยินว่าเมื่อวานระหว่างการทดสอบความเข้าใจเวทย์มนต์ เธอใช้เวทย์ป้องกันที่เธอสร้างขึ้นเอง วันนี้พวกเราเลยอยากทดสอบประสิทธิภาพของมันดู เธอแค่ต้องป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์พื้นฐานของพวกเราเป็นเวลา 30 นาที เธอก็จะผ่านการทดสอบ ส่วนคะแนนก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอป้องกันการโจมตีของพวกเราได้ดีแค่ไหน”
มันไม่น่าจะง่ายอย่างนี้สิ ผมมีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง แต่ผมยังต้องระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาด ผมเลยถามย้ำว่า “แค่เวทย์โจมตีระดับพื้นฐานใช่มั้ยครับอาจารย์? ผมใช้เวทย์ธาตุรองด้วยได้มั้ยครับ?”
“สบายใจได้ ใช้แค่เวทย์พื้นฐาน แต่อาจารย์ต้องเตือนเธอว่าเวทย์พื้นฐานของพวกเราไม่อ่อนแอหรอกนะ แล้วเธอใช้เวทย์ธาตุรองของเธอได้ เอาล่ะ เราจะเริ่มกันตอนนี้เลย”
ผมรวบรวมธาตุแสงเพื่อสร้างโล่ผลึกแสงทันที หลังจากนั้นใช้การป้องกันศักดิ์สิทธิ์กับตัวเอง เตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายได้ตลอดเวลา (เวทย์ระดับพื้นฐานไม่มีเวทย์โจมตีวงกว้าง สิ่งเดียวที่ผมเป็นกังวลคือเวทย์โจมตีวงกว้างนี้แหละ)
ผู้คุมสอบทั้ง 5 คนเริ่มโจมตีผม
การทดสอบสิ้นสุดลง แน่นอน ขนสักเส้นของผมก็ไม่ไหม้ ยิ่งไปกว่านั้น โล่ผลึกแสงแทบจะไม่ได้ใช้ มันไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย ง่ายกว่าค่ายกลถุงทรายมาก ถึงแม้ว่าเวทย์โจมตีที่ผู้คุมสอบใช้จะเป็น ‘ลมรำเพย’ หรือ ‘ฝนกระหน่ำ’ มันก็ยังมีช่องว่างให้ผมหลบ ฮ่าฮ่าฮ่า!! ง่ายเกินไปแล้ว!
“อาจารย์ ผมสอบผ่านหรือเปล่าครับ?”
ผู้คุมสอบทั้ง 5 มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ประกาศว่าผมผ่านการทดสอบ
“ผู้สมัคร ทำไมอาจารย์รู้สึกว่าธาตุหลักของเธอคือเวทย์มิติ”
ผมเกาหัวตัวเอง แล้วตอบอย่างถ่อมตัว “ตอนที่ผมเรียนอยู่ในโรงเรียนปฐม อาจารย์ผมเคยประเมินผมว่า ‘หนีที่ 1 ป้องกันที่ 2 ฟื้นฟูที่ 3 โจมตีอย่างอ่อน ดังนั้น....”
“หมายเลข 1,503 ไม่ต้องอาย ตอนเธอเจอศัตรู การหลบหนีจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องสำคัญมาก ตอนที่นักเวทย์สู้กับนักรบ ยิ่งสำคัญยิ่งขึ้นไปอีก นักรบจะไม่ปล่อยให้นักเวทย์มีเวลาร่ายเวทย์ง่าย ๆ ถ้าเธอสามารถสร้างระยะที่ปลอดภัยสำหรับการร่ายเวทย์ได้ โอกาสที่จะชนะก็จะมากขึ้น ที่อาจารย์พูดหมายถึง เธอไม่ต้องคิดว่ามันน่าอาย แต่ควรมุ่งหน้าต่อไปตามทางที่เธอถนัด”
ว้าว!! ผมไม่คิดเลยการหนีเก่ง ก็เป็นข้อได้เปรียบเหมือนกัน ต่อจากนี้ไป มันจะเป็นคติประจำใจใหม่ของผม ฮ่าฮ่า!
“ขอบคุณมากครับอาจารย์” ผมโค้งคำนับด้วยความรู้สึกขอบคุณอาจารย์กลุ่มนี้มาก
ออกมาจากห้องทดสอบ ผมเดินสำรวจไปรอบ ๆ คิดถึงตัวเองว่าทำไมถึงโชคดีขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม มันไม่สำคัญแล้ว อาจารย์ซิวบอกผมว่าหลังจากผ่านการทดสอบ 3 รอบ ผู้สมัคร 500 คนที่มีคะแนนรวมสูงที่สุด จะผ่านเข้าไปสู่การทดสอบรอบที่ 4 พูดง่าย ๆ พรุ่งนี้จะมีการประกาศคะแนนสอบ วันมะรืนจะเริ่มการทดสอบสุดท้าย ตอนนี้ผมเริ่มลังเลที่จะกลับออกไป ผมไม่อยากกลับไปฟังอาจารย์ซิวพร่ำบ่น พร่ำสอนทั้งวัน
ผมเดินมาถึงบริเวณของห้องทดสอบธาตุไฟ เห็นผู้สมัครหัวแดงอายุใกล้เคียงกับผมนั่งอยู่ที่มุมสนาม เห็นเขามีท่าทีหมดกำลังใจ ผมเลยเดินเข้าไปหา
“เฮ้!! เกิดอะไรขึ้น? นายทำได้ไม่ดีเหรอ?”
“แย่กว่าไม่ดีอีก! ฉันทำดีเกินไป” เสียงตอบกลับมาจากเด็กน้อย
“ทำไมล่ะ?”
“อาจารย์ของฉันบอกว่าอย่าทำดีเกินไป แค่ให้พอผ่านก็ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น หลังจากเข้าเรียนไปแล้วจะมีคนมากมายมาตามท้าทายฉัน แล้วจะมีเวลาไปฝึกเวทย์มนต์ได้ยังไง”
“วา!! อาจารย์ของนายผิดปกติมากกว่าอาจารย์ฉันอีก อย่างมากอาจารย์ของฉันก็ผิดปกติเฉพาะเวลาฝึก อาจารย์นายไม่ให้นายทำเต็มที่ตอนสอบ ฟู!!!..”
“อย่ามาว่าอาจารย์ฉัน เขาทำเพื่อประโยชน์ของฉัน เขาอ่านความต้องการของพวกคนอื่น ๆ ด้วย”
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว นายทดสอบได้ดีแค่ไหน?”
“ตอนแรก ฉันแค่อยากทดสอบให้ผลอยู่กลาง ๆ ค่อนไปด้านบน แต่เห็นคนอื่นทำได้ดีมาก พอถึงตาฉันแสดงฝีมือเลยตั้งใจนิดหน่อย กลายเป็นว่าผลออกมาว่าฉันเร็วกว่าคนที่เร็วที่สุดตั้ง 10 วินาที”
“นายใช้เวลาเท่าไหร่?”
“6 วินาที” ว้าว!! เด็กคนนี้เหมือนผม ‘อัจฉริยะ’
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะเจอผู้มีพรสวรรค์สูงที่นี่ สวัสดี ให้ฉันแนะนำตัวนะ ฉันชื่อเว่ยจางกง เวทย์ธาตุหลักของฉันคือธาตุแสง ธาตุรองคือธาตุมิติ” ผมยื่นมือไปหาเขา
เขายืนขึ้นแล้วจับมือกับผม “สวัสดี ฉันชื่อไซหม่าเคอ ธาตุหลักคือไฟ ธาตุรองคือลม”
“นายอยากเป็นเพื่อนกับฉันมั้ย?”
“แน่นอน ต่อไปพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว”
เสียงของเด็ก 2 คนได้กำหนดมิตรภาพอันยาวนานของทั้งคู่ขึ้น