บทที่ 11 - สถาบันเวทย์มนต์หลวง
อ้าวเต๋อมาหาผมตั้งแต่เช้า
“ทำไมนายมาเช้าจัง? ฉันยังนอนไม่พอ ขอฉันนอนต่ออีกหน่อย”
“ไม่เอา รีบ ๆ ไปเถอะ ไม่ใช่ว่าวันนี้นายจะช่วยฉันพัฒนาเทคนิคพายุเหรอ? รีบไป รีบไป!!”
ผมซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ทำตัวไม่สนใจเขา
“นายจะลุกมั้ย? ถ้าไม่ ฉันจะร่ายเวทย์น้ำแล้วนะ”
“น่ารำคาญจริง เช้าขนาดนี้ นายยังไม่ยอมให้คนอื่นนอนอีก ลุกแล้ว ๆ” ได้ยินเสียงเขาร่ายเวทย์ ผมรีบลุกขึ้นจากเตียง เจ้าคนนี้ ถ้าอยากเจ็บตัวขนาดนี้ ผมจะช่วยเอง ฮิฮิ!!
อ้าวเต๋อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่ในค่ายกลถุงทราย ไม่เลวเลย เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน เขาสามารถอยู่ในค่ายกลได้ถึง 1 ชั่วโมง (ในกรณีที่ผมไม่ได้แอบโจมตีเขาด้วยเวทย์มนต์) ผมยังจำสภาพยับเยินของเขาในวันแรก ๆ ได้ ผมได้แต่แอบยิ้ม ตอนนี้อ้าวเต๋อน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงกลับบ้านด้วยสภาพที่หมดแรงทุก ๆ วัน
“พี่ใหญ่ ผมทนไม่ไหวแล้ว ปล่อยผมออกไปเถอะ” ถ้าเขาพยายามจะออกมาก่อนที่ผมจะอนุญาต ผมจะเคลื่อนย้ายไปเตะเขากลับเข้าไป
“ได้ พอแล้ว! เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็จะมีการสอบจบการศึกษาแล้ว นายต้องเก็บแรงไว้บ้าง”
อ้าวเต๋อโผล่มานั่งอยู่หน้าผมด้วยอาการหอบ “พี่ใหญ่ ผมเก่งขึ้นเร็วมากเลยใช่มั้ย?”
“ก็ถือว่าอยู่ในค่าเฉลี่ย นายใช้เวทย์เคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่ยังผ่านมาได้ถึงระดับนี้ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว อีก 2 วันจะสอบจบการศึกษาแล้ว นายคิดไว้หรือยังว่าจะเข้าโรงเรียนไหน?” ในเมืองเซินเคอ มีโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์อยู่ 13 โรงเรียน มีโรงเรียนเกรด A อยู่ 2 โรง โรงเรียนเกรด B อยู่ 4 โรง ที่เหลือเป็นโรงเรียนเกรด C และ D แน่นอนโรงเรียนที่ดีที่สุดคือโรงเรียนเกรด A ทุกปี จะมีอย่างน้อย 2-3 คนสามารถสอบเข้าเรียนในสถาบันเวทย์มนต์หลวงได้ (สถาบันที่ให้การศึกษาด้านเวทย์มนต์สูงสุดในประเทศนี้)
“ผมว่า ผมน่าจะเข้าโรงเรียนเกรด B ได้ แล้วพี่ใหญ่ล่ะ?”
“ฉันยังไม่รู้เลย การทดสอบทุกปีจะแตกต่างกัน ใครจะรู้ว่าปีนี้จะสอบอะไร? ถ้าหัวข้อเป็นการหนีกับการป้องกัน ฉันเข้าโรงเรียนเกรด A ได้แน่นอน แต่ถ้าหัวข้อเป็นการโจมตี ฉันโดนเตะไปอยู่โรงเรียนเกรด D แน่” จริง ๆ แล้ว ผมไม่ค่อยสนใจหรอกว่าผมจะเรียนโรงเรียนไหน แต่แม่ผมให้สัญญากับผมว่าถ้าผมเข้าเรียนโรงเรียนเกรด A ได้ แม่จะเพิ่มค่าขนมให้ผมเป็น 5 เหรียญเงินต่อเดือน 5 เหรียญเงินเชียวนะ ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่พอสมควร เพื่อเงินแล้ว ผมจะพยายามให้ดีที่สุด
“พี่ใหญ่ ไม่ใช่ว่าอาจารย์ของพี่บอกว่าจะกลับมาก่อนการสอบเหรอ? อีก 2 วันก็สอบแล้ว ทำไมเขายังไม่กลับมาอีก?”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง แต่ไม่ต้องกลับมาก็ดี จะได้ไม่ต้องฝึกเพิ่มก่อนสอบ”
“เธออยากฝึกพิเศษก่อนสอบใช่มั้ย เดี๋ยวอาจารย์จัดการให้” เสียงที่คุ้นเคยลอยมาเข้าหู
“อา!! อาจารย์ซิว อาจารย์กลับมาแล้ว ฝึกพิเศษ ไม่จำเป็น ๆ ผมแค่ล้อเล่นไปเรื่อยน่ะ”
“พี่ใหญ่ ผมกลับก่อนนะ” เห็นหน้าเครียด ๆ ของอาจารย์ซิว อ้าวเต๋อรีบออกตัว เจ้านี่ไม่ได้มีความภักดีเอาเสียเลย
“อ้าวเต๋อ ไอ้เพื่อนเลว อย่าให้ฉันเจอนายอีกนะ”
“จางกง!!”
“อาจารย์ ผม...” ผมไม่รู้ว่าทำไมผมรู้สึกอึดอัดตอนที่ผมมองอาจารย์ซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า 2 ขาของผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“จางกง เธอจะเรียนจบแล้ว มีความมั่นใจมั้ย”
“ผมบอกไม่ได้ ผมต้องไปสอบก่อนจะได้รู้ว่าผมทำได้แค่ไหน”
“เจ้าเด็กโง่ เธอเรียนเวทย์มนต์แห่งแสง เป็นคนเดียวที่เรียนเวทย์แสงในรอบหลาย 10 ปีนี้ เพื่อความยุติธรรม โรงเรียนไม่ทดสอบเธอด้วยเวทย์โจมตีหรอก” อาจารย์ซิวใจดีขี้นมาสะอย่างงั้น
“อือ!! ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย ผมสอบเข้าโรงเรียนเกรด A ได้แน่นอน” ผมกระโดดดีใจ แน่นอน! ค่าขนมของผม ผมมีความสุขมาก
“เธอก็มีความทะเยอทะยานเหมือนกันนะ ฮึ! ยังไงล่ะ อาจารย์คิดว่าครั้งนี้เธอไม่ต้องทดสอบจบการศึกษาของโรงเรียนหรอก”
“อะไรนะครับ?” ผมงงไปหมด
“อาจารย์ไปเมืองหลวงคราวนี้เพื่อเธอโดยเฉพาะ อาจารย์ไปยื่นใบสมัครเข้าโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวงให้เธอ เธอต้องไปสอบเข้าโรงเรียนมัธยมเวทต์มนต์หลวง อาจารย์ตั้งความหวังกับเธอไว้สูง เธอต้องพยายามให้มาก” โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง เป็นโรงเรียนในเครือของสถาบันเวทย์มนต์หลวง สถาบันที่มุ่งเน้นไปที่เยาวชนที่มีพรสวรรค์ อัตราสอบเข้าได้ทุก ๆ ปีมีแค่ 1 ใน 3 มันเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศ ถ้าจะให้เกรด มันก็เป็นโรงเรียนเกรด S
“อา!!! อะไรนะ???” ไม่เอา!!!! โรงเรียนมัธยมหลวง? มีชื่อเสียงเกินไป มันต้องเข้มงวดมากแน่ ๆ กว่าจะหนีจากปีศาจเฒ่านี่ได้ จะหนีจากถ้ำเสือ ไปเข้ารังหมาป่าทำไม?
“อาจารย์ซิว ระดับของผมเทียบกับเด็กพรสวรรค์ของประเทศไม่ได้หรอก เวทย์ผมอ่อนจะตาย” ผมพยายามรีบปฏิเสธ
“ใครบอกว่าเวทย์มนต์ของเธออ่อนแอ เธอเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่อาจารย์เคยสอน เธอจะรู้ได้ยังไง ถ้าเธอไม่เคยทดสอบด้วยตัวเอง?” เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินคำชมจากอาจารย์ซิว แต่ผมไม่เห็นจะดีใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“อย่างนั้น เดี๋ยวผมกลับบ้านไปปรีกษาพ่อกับแม่ แล้วกลับมาให้คำตอบอาจารย์พรุ่งนี้นะครับ”
“ไม่จำเป็น อาจารย์จะเยี่ยมบ้านเธอวันนี้ด้วยเลย จะได้ปรึกษากับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนพวกเขาต้องเห็นด้วยแน่”
ไม่มีทาง ทำไมวันนี้อาจารย์ซิวรีบร้อนจัง เฮ้อ! ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าพ่อกับแม่รู้ ทั้งคู่ต้องส่งผมไปเมืองหลวงแน่นอน
เหมือนกับที่ผมคิดไว้ พออาจารย์ซิวคุยเรื่องนี้กับพ่อและแม่ พวกเขาตื่นเต้นมาก ลูกชายของพวกเขาจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศนะ พวกเขาจะไม่มีความสุขได้ยังไง
“แต่ว่านะ อาจารย์ซิว ไม่ใช่ว่าจะเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ต้องมีหนังสือแนะนำจากคนใหญ่คนโตไม่ใช่เหรอครับ พวกเราคนธรรมดา พวกเขาจะยอมให้จางกงสมัครสอบเหรอ” พ่อผมเอ่ยถาม
“พวกคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมแก้ปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว ผมมีเพื่อนรักระดับ ‘เจ้าเมือง’ อยู่ ผมให้เขาเขียนหนังสือแนะนำให้จางกงแล้ว”
แม่เริ่มหันมาสะกิดพ่อ ค่อย ๆ กระซิบถาม “ค่าเทอมโรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวงมันสูงมากเลย พวกเรา..”
“ไม่เป็นไร พวกเราต้องทุ่มสุดตัว เราจะขวางอนาคตอันสดใสของลูกเราได้ยังไง” ได้ยินพ่อพูด ผมรู้สึกว่าพ่อกับแม่หวังกับผมไว้สูงมากจริง ๆ
“พ่อครับ แม่ครับ วางใจได้เลย ผมต้องสอบผ่านเข้าเรียนได้แน่ ๆ” ผมพูดด้วยอารมณ์พาไป ก่อนเริ่มรู้สึกเสียใจหลังจากพูดจบ
“จางกง ลูกเป็นเด็กดีจริง ๆ” พ่อลูบหัวผม
“คุณเว่ย คุณทั้งสองคนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องค่าเล่าเรียนก็จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว” เห็นทั้ง 3 คนในครอบครัวอ้าปากค้าง อาจารย์ซิวพูดต่อ “ผมหลงไหลในเวทย์มนต์มาก แต่พรสวรรค์ด้านเวทย์มนต์ของผมอยู่ในระดับกลาง ๆ หลังจากพยายามเป็น 10 เท่าของคนอื่น ตอนนี้ผมก็ถึงแค่ระดับนักเวทย์สูงสุด ถ้าผมพยายามต่อไปอย่างเต็มที่ อยากมากในชีวิตนี้ผมก็ไปถึงได้แค่ระดับอาจารย์เวทย์ แต่จางกงไม่ใช่ ผมเห็นว่าพรสวรรค์ด้านเวทย์มนต์แห่งแสงของเขานั้นไม่ธรรมดา ผมหวังที่จะเห็นเขาเหนือกว่าผม ขึ้นไปจนถึงระดับเมธีเวทย์ หรือไปถึงระดับมหาเมธีเวทย์ จางกง! เธอต้องไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังนะ”
ได้ฟังอาจารย์ซิวพูด พ่อกับแม่ขอบคุณอาจารย์ไม่หยุดในความตั้งใจจริงของเขาต่อลูกศิษย์ จบ! ทุกอย่างตกลงกันได้แล้ว ผมต้องพูดอะไรมั้ย? ไม่! แค่ต้องเตรียมตัวเดินทาง