บทที่ 10 - ระหว่างเพื่อน
เพราะผมได้รับบาดเจ็บ แม่ช่วยผมยื่นใบลาป่วยให้กับโรงเรียน ผมเลยสามารถพักฟื้นอยู่ที่บ้านได้
หลังจากกินข้าวเช้า พ่อกับแม่ออกไปทำงาน ปล่อยให้ผมนอนเบื่ออยู่บนเตียงคนเดียว
“จางกง จางกง!! นายอยู่บ้านมั้ย? รีบมาเปิดประตู”
“นั่นใครน่ะ? นี่มันยังเช้าอยู่เลย”
“นี่ฉันเอง อ้าวเต๋อ นายจำเสียงฉันไม่ได้แล้วใช่มั้ย?”
“อ้าวเต๋อ ทำไมมาบ้านฉันได้ล่ะ?” ผมถามตอนที่เปิดประตูบ้าน
“จางกง ฉันได้ยินว่านายได้รับบาดเจ็บ นายดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว เมื่อวานนี้มันเหลือเชื่อมาก ฉันนี่ซวยจริง ๆ ใครจะไปคิดล่ะว่าสัตว์อสูรจะเดินอยู่หน้าหมู่บ้าน”
“ใครจะไปรู้? อ่ะนี่ ผงวิญญาณหิมะ ฉันบดมันที่ทำงานพ่ออยู่ครึ่งวัน”
“อา!! นายเอาสมบัติของพ่อนายมาให้ฉันกิน?” ผงวิญญาณหิมะไม่ใช่เป็นแค่สมบัติสุดรักของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น แต่ปู่ของอ้าวเต๋อต้องเสียเวลาอยู่หลายปีกว่าจะกลั่นมันขึ้นมาได้
“ไม่ต้องหรอก อ้าวเต๋อ ขอบใจนายมาก ฉันเกือบหายดีแล้ว ไม่ต้องเปลืองผงวิญญาณหรอก”
“ไม่เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจ รีบ ๆ กินมันซะ เดี๋ยวพอนายดีขึ้นแล้ว เรามาประลองเวทย์มนต์ชี้แนะกัน”
“อ้าวเต๋อ ขอบใจมาก” ผมตาแดง ๆ ตอนที่กินผลวิญญาณหิมะลงไป ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว หลังจากนั้นก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
“ขอบใจอะไรกัน แค่ต่อไปมีอะไรอย่าวิ่งไปฟ้องพ่อฉันก็พอ อีกอย่างต่อไปตอนนายเป็นใหญ่เป็นโตก็อย่าลืมฉันก็แล้วกัน”
“ได้ ต่อไปเราเป็นพี่น้องกัน มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ ฮ่าฮ่า!” ผมแก่กว่าอ้าวเต๋อ 2 เดือน เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเขาเรียกผมว่าพี่ใหญ่ (ทำไมผมต้องแก่กว่าเขาด้วย ตอนเด็ก ๆ เราเล่นด้วยกัน เราเคารพซึ่งกันและกัน อย่างที่เขาพูดกันว่า เคารพผู้อาวุโส ถนุถนอมผู้เยาว์ เฮ้อ..) แต่ผมไม่คิดจริง ๆ ว่าเขาจะดีกับผมขนาดนี้
ความรู้สึกผูกพันระหว่างเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่ควรถนุถนอมเหมือนสิ่งล้ำค่า
“ทำไมนายไม่ไปเรียนวันนี้ อ้าวเต๋อ?”
“อาจารย์ประจำชั้นของฉันบอกให้ทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ของพวกเราอยู่ที่บ้าน อีกไม่กี่เดือนพวกเราต้องทดสอบเพื่อจบการศึกษาแล้ว ตอนนี้ให้เราลาได้เดือนหนึ่งก่อน ยังไงซะทำสมาธิที่ไหนก็เหมือนกัน”
“โอ!! พวกนายโชคดีจัง เปรียบกันพวกนายแล้ว ฉันมัน...เฮ้อ!!” มองไปที่อ้าวเต๋อ ผมเริ่มรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เลือกเรียนเวทย์น้ำกับเขา
“จางกง 2 ปีมานี้พวกเรายุ่งกันมาก ไม่มีเวลาได้เล่นสนุกกันเลย การเรียนเวทย์มนต์ของนายเป็นยังไงบ้าง? อาจารย์นายเป็นยังไง? ฉันเห็นนายทีไร นายเหมือนจะตายทุกที” ตั้งแต่ผมเริ่มเรียนกับปีศาจเฒ่า ตั้งแต่เช้าจรดค่ำของทุกวันหมดไปกับการเรียน ทำให้ผมไม่ค่อยได้เจออ้าวเต๋อ ถึงแม้บางครั้งจะได้เจอกันตอนค่ำ ๆ แต่ด้วยสภาพของผมที่โดนปีศาจเฒ่าทรมานมา ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับใครอีก ผมไม่คิดว่าอ้าวเต๋อจะยังเป็นห่วงผม เพื่อนแท้ยังไงก็เป็นเพื่อนแท้จริง ๆ
“เขาจะไปดีได้ยังไง เขามันปีศาจชัด ๆ ยายแม่มดโหดไม่ได้ 1 ใน 10 ของเขาหรอก”
“หา! แย่กว่ายายแม่มดอีกเหรอ งั้นนายก็น่าสงสารมาก” อ้าวเต๋ออ้าปากค้างด้วยความงุนงง
“อ้าวเต๋อ นายเรียนเวทย์ดี ๆ อะไรมาบ้างล่ะ?”
“ฉันเรียนเวทย์เยียวยาธาตุน้ำมานิดหน่อย แล้วก็เวทย์โจมตีธาตุน้ำ ธาตุรองของฉันคือลม ฉันค่อนข้างเก่งทีเดียว ตอนนี้ฉันเป็นที่ 1 ในห้องถ้าพูดถึงการใช้เวทย์พายุ” ฮ่าฮ่า!!
พอเห็นอ้าวเต๋อแสดงสีหน้าภูมิใจ ผมรู้สึกสงสัยขึ้นมา เลยถามแหย่ ๆ ไปว่า “ไม่ใช่ว่านายไปติดสินบนให้สาว ๆ ยอมให้นายหรอกนะ?”
เสียงหัวเราะของอ้าวเต๋อหยุดลง เขาถามด้วยความประหลาดใจ “นายรู้ได้ยังไง?”
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!
เราทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“จางกง นายลาป่วยกี่วัน”
“น่าจะ 4 หรือ 5 วันนะ”
“งั้นเดี๋ยวฉันมาอยู่เป็นเพื่อนนายทุกวัน แล้วพอนายอาการดีขึ้น พวกเราพี่น้องมาประลองกัน”
“ได้เลย ไอ้หนู คิดจะรังแกกันเพราะคิดว่าฉันไม่มีเวทย์โจมตีเหรอ ฉันจะคอยดู” ถึงแม้ผมจะคิดว่าอ้าวเต๋อฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่ไม่มีทางที่เขาจะมีพลังเวทย์มากกว่าผม ผมแค่ต้องรอให้เขาหมดแรง
ทั้งหมดทั้งมวล เราก็แค่เด็ก เราต้องการเอาชนะ!
2 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดแผลผมก็หายดี อ้าวเต๋อมาเยี่ยมผมทุกวันจริง ๆ วันนี้เราจะประลองกัน ผมเองก็อยากรู้ว่าเขาเรียนมาได้ขนาดไหนกัน
“พี่ใหญ่ ผมมาแล้ว รีบ ๆ ออกมา”
“มาแล้ว ๆ ทำไมนายต้องตื่นเต้น อยากตายมากใช่มั้ย? ฮ่าฮ่า”
“เหอะ!! ใครจะแพ้ ใครจะชนะยังไม่รู้ นายไม่มีเวทย์โจมตีสักเวทย์ นายจะเอาชนะฉันได้ยังไง?”
“ของอย่างนี้มันต้องลองเอง”
อ้าวเต๋อตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้ เขาเริ่มด้วยการร่ายเวทย์พายุให้กับตัวเอง ถัดจากนั้นก็เป็นโล่น้ำ สุดท้ายก็เริ่มร่ายเวทย์โจมตี
ผมมองดูเขาอย่างเงียบ ๆ ไม่มีความกังวลเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะผมรู้ระดับของเขา เขาไม่มีทางรู้เวทย์โจมตีวงกว้าง เวทย์เคลื่อนย้ายของผมหลบการโจมตีของเขาได้แน่ ๆ
เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ กระสุนน้ำลอยมาทางผม ผมเคลื่อนย้ายตัวเองไปทางซ้าย 1 เมตร กระสุนน้ำพุ่งผ่านผมไป แล้วระเบิดอยู่ข้างตัวผม อ้าวเต๋อขยี้ตา เหมือนเขาคิดว่าตาของเขาหลอกตัวเอง เขาเริ่มสาดเวทย์โจมตีสายน้ำทุกชนิดเข้าใส่ผมอย่างไม่หยุดพัก แต่การโจมตีแบบนี้จะถูกตัวผมได้ยังไง
“พี่ใหญ่ พี่ใช้เวทย์อะไร ทำไมมันเร็วกว่าเวทย์พายุของผม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว นี่คือเวทย์มิติเคลื่อนย้าย”
“พี่ใหญ่ อย่าทำตัวหน้าไม่อายสิ อย่างนี้มันจะเรียกว่าประลองได้ยังไง พี่เอาแต่หลบ?”
“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะไม่หลบแล้วนะ มาเลย” ขณะที่พูดผมร่ายเวทย์โล่ผลึกแสงให้ตัวเอง
พอเห็นว่าผมไม่หลบอีกแล้ว อ้าวเต๋อยิงกระสุนน้ำเข้าใส่ผม ผมแสยะยิ้ม หันโล่ผลึกแสงเข้าหาอ้าวเต๋อ กระสุนน้ำกระทบกับโล่ แล้วสะท้อนกลับไปอ้าวเต๋อ การสะท้อนกลับของกระสุนน้ำยังมีพลังโจมตีเท่าเดิม โล่ของผมไม่ได้ลดแรงกระแทกอะไรเลย ผลก็คือเขาเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า และล้มลงกับพื้น
“พอแล้ว ๆ นี่มันอะไรกัน? ฉันยอมแพ้” อ้าวเต๋อลุกขึ้นยืน
“แน่นอนนายต้องยอม ถ้าไม่ใช่เวทย์โจมตีวงกว้าง ไม่มีเวทย์ไหนใช้ได้ผลกับฉันหรอก การป้องกัน และการหลบหลีกของฉัน เทียบเท่ากับนักเวทย์ขั้นกลางแล้ว”
“สมควรแล้วที่ผมเรียกพี่ว่า พี่ใหญ่ ผมคิดไม่ถึงเลยว่า ถึงพี่จะไม่มีเวทย์โจมตี พี่ก็ยังทรงพลังอยู่ดี จากนี้ไปผมยอมเป็นลูกน้องติดตามพี่เลย”
เห็นดวงตาของอ้าวเต๋อเต็มไปด้วยความเทิดทูน ผมรู้สึกอิ่มเอมใจ
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ พวกเราไปโรงเรียนด้วยกัน ฉันจะพานายไปที่ฝึกซ้อมการหลบหลีกดี ๆ ถึงนายจะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่มันก็จะยังช่วยนายพัฒนาเวทย์พายุได้เป็นอย่างมาก”
“เยี่ยมเลย ขอบคุณพี่ใหญ่”
ฮิฮิ!! ขอบคุณ?? พรุ่งนี้ฉันจะให้นายรู้รสชาติของค่ายกลถุงทราย.