ตอนที่แล้วตอนที่ 161: เริ่มสืบหาเบาะแส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 163: สามพี่น้องตระกูลหลิง

ตอนที่ 162: ยืมกำลัง


ตอนที่ 162: ยืมกำลัง

เซี่ยเฟยกับผางชิงอยู่พูดคุยกันจนฟ้าสว่าง เมื่อวันเดินทางสู่ภูมิภาคดาวมฤตยูใกล้เข้ามาชายหนุ่มก็จำเป็นจะต้องเร่งมือสะสางอันตรายที่อยู่รอบ ๆ ตัวแอวริลก่อนออกเดินทาง

จากสถานการณ์ในปัจจุบันเซี่ยเฟยถือว่าแอวริลได้กลายเป็นผู้หญิงที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าอนาคตจะเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่แน่นอนแต่สิ่งที่หญิงสาวทำให้กับเขามาตลอดมันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เซี่ยเฟยเสียสละไป

การเข้าหาผางชิงเป็นเพียงก้าวแรกในแผนการ และสาเหตุที่เขาเลือกชายคนนี้นั่นก็เพราะพ่อลูกตระกูลผางคือคนที่เข้าใจตระกูลเจี่ยนได้ดีที่สุด

ผางไห่ก็ถือได้ว่าเป็นตัวหมากที่สำคัญในกระดานนี้เช่นเดียวกัน แต่พ่อบ้านชราคนนั้นมีความสุขุมมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เล่ห์เหลี่ยมของเซี่ยเฟยในตอนนี้จึงไม่มากพอที่จะชักจูงพ่อบ้านชราคนนั้นได้ ดังนั้นถ้าหากว่าเขายังมีความมั่นใจไม่มากพอเขาก็จำเป็นที่จะต้องรวบรวมข้อมูลที่สำคัญเพื่อพยายามเอาชนะใจพ่อบ้านผางเสียก่อน

เพียงแค่การพยายามโน้มน้าวใจผางชิงก็ทำให้เซี่ยเฟยสูญเสียพลังงานไปมากแล้ว โชคดีที่ผางชิงมองแอวริลเป็นเหมือนกับลูกสาวของตัวเองและเขาก็ยังมองเซี่ยเฟยในแง่ดี เขาจึงตัดสินใจที่จะลองให้ความช่วยเหลือชายหนุ่มดู

หลังจากนอนหลับพักผ่อนไปสักพักเซี่ยเฟยก็ลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนชุดคนไข้ออกและหยิบชุดใหม่เอี่ยมอ่องออกมาจากแหวนมิติ

ชุดสูทที่เขาใส่เป็นชุดสูทสีเทาของเซนญ่า, เสื้อเชิ้ตด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนทำมือของชาร์เวต์, รองเท้าด้านล่างเป็นรองเท้าหนังลูกวัวขัดเงาของเบอร์ลูติและเขายังสวมผ้าพันคอลายสก็อตของแอร์เมสเอาไว้ด้านใน

เซี่ยเฟยยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจก 2-3 รอบ แต่เสื้อรัดรูปตัวนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย

“น่าจะใช้ได้แล้ว”

ปกติเขาเป็นคนง่าย ๆ เขาจึงชอบใส่เสื้อผ้ากีฬาสบาย ๆ ส่วนชุดพวกนี้เป็นชุดที่อันเดร์มอบให้ตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วเพื่อใส่เข้าร่วมงานสำคัญและเซี่ยเฟยก็เพิ่งมีโอกาสเอาพวกมันขึ้นมาสวมใส่เป็นครั้งแรก

“นายจะแต่งตัวไปไหน?” อันธถามด้วยความสงสัย เพราะถึงแม้เขาจะรู้จักกับเซี่ยเฟยมานาน แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นชายหนุ่มแต่งตัวเนี้ยบขนาดนี้

“ฉันดูดีขึ้นหรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าวโดยไม่ได้ตอบคำถามของอันธ

“บรรพบุรุษชาวโลกเคยคิดสุภาษิตโบราณคำว่าไก่งามเพราะคน คนงามเพราะแต่งเอาไว้ไม่ใช่หรือยังไง นายใส่ชุดนี้มันดูดีกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ น่ะแหละ” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ระเบิดเวลารอบตัวแอวริลยังไม่ถูกกำจัด ฉันจะต้องพยายามเข้าถึงข้อมูลจากทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนที่จะเดินออกไปทางประตู

ผางชิงยังคงยืนนิ่งอยู่ตำแหน่งเดิมและถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้นอนแต่เขาก็ยังคงทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง

ผางชิงมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยความตกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อเทียบกับไม่กี่ชั่วโมงก่อนเซี่ยเฟยกลับดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน

ชายหัวโล้นกำลังอยู่ในอาการลังเลใจและถึงแม้ว่าเมื่อคืนเขาจะพูดคุยกับเซี่ยเฟยเป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจของเขาเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิด แต่ในเมื่อตอนนี้เซี่ยเฟยได้มาปรากฏตัวตรงหน้าของเขาแล้วมันก็ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเก็บความลังเลเอาไว้ก่อน

หากมองจากภายนอกผู้คนสามารถสัมผัสได้ถึงความมั่นใจที่เซี่ยเฟยเปล่งออกมาราวกับว่ามันไม่มีอะไรสามารถจะหยุดชายหนุ่มคนนี้ได้

ความคิดของมนุษย์เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก เพราะถ้าหากเพื่อนร่วมทีมเริ่มพูดจาในแง่ลบผลกระทบก็จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย แต่ถ้าหากเพื่อนร่วมทีมมีความมั่นใจและกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลามันก็จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีพลังตามไปด้วย

จู่ ๆ ผางชิงก็รู้สึกว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่ร่วมมือกับเซี่ยเฟย โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขาได้สูญเสียความลังเลไปตอนไหน

เซี่ยเฟยพยักหน้าทักทายผางชิงก่อนที่จะยืนจุดบุหรี่รอแอวริลอยู่อย่างเงียบ ๆ

สาว ๆ มักจะมีปัญหาเรื่องการใช้เวลาในการแต่งตัวเสมอ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้คิดที่จะทำการเร่งแอวริลแม้แต่นิดเดียว

หลังจากนั้นไม่นานแอวริลก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวโดยสวมใส่ชุดสีชมพูและติดโบว์เอาไว้บนศีรษะทำให้เธอทั้งดูน่ารักและบริสุทธิ์

“ว้าว!” หญิงสาวปิดปากด้วยความประหลาดใจพร้อมกับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาอันเปล่งประกาย

“ทำไมนายถึงแต่งตัวแบบนี้?” แอวริลวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะสำรวจเสื้อผ้าของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

“อะไรกันมันยังใช้ไม่ได้หรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างลังเลเพราะเขายังไม่คุ้นชินกับการสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเป็นทางการ ดังนั้นเมื่อแอวริลถามขึ้นมาเขาจึงเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ

“ไม่หรอก นายหล่อแล้ว ฉันชอบที่นายแต่งตัวแบบนี้” แอวริลใช้มือเกี่ยวแขนชายหนุ่มไว้และกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงเสื้อผ้าทางการแบบนี้ก็ไม่ใช่ชุดที่เหมาะสมกับช่วงวัยของเขาเลย แต่โชคดีที่หลังจากประสบพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ มาอย่างมากมาย มันจึงทำให้เขาดูมีอายุมากกว่าคนวัยเดียวกันอยู่เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาจากเขาในตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่

หลังจากไปทานอาหารเช้าที่ร้านอาหารเซี่ยเฟยกับแอวริลก็ไปพูดคุยกันที่สวน ก่อนที่คนที่เซี่ยเฟยนัดเอาไว้จะมาถึงในที่สุด

“ฉันได้ยินมาว่านายได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้โอเคขึ้นแล้วหรือยัง?” ทูรามกล่าวทักทายเซี่ยเฟยจากระยะไกล

แอวริลรู้ว่าเซี่ยเฟยมีธุระที่จะต้องพูดคุยกับทูรามเธอจึงหาข้ออ้างที่จะปลีกตัวออกมา ขณะเดียวกันเลขาของทูรามก็เดินออกไปจึงเหลือเพียงแต่เซี่ยเฟยกับทูรามอยู่ในสวนเพียงแค่สองคน

“เฮ้! ไอ้หนุ่มนายเป็นพวกมีบุญนี่หว่า ดูเหมือนเธอคนนั้นจะดูแลนายเป็นอย่างดี อย่าลืมชวนฉันมางานแต่งงานด้วยล่ะ” ทูรามกล่าวติดตลก

“ถ้าผมจะแต่งงานจริง ๆ คุณจะเป็นคนแรก ๆ ที่ผมจะชวนไปงานเลยครับ แต่เมื่อถึงเวลานั้นอย่ามาหาข้ออ้างว่างานยุ่งนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“ไม่ต้องห่วงถึงแม้ว่านายจะไม่เชิญแต่ฉันก็จะไป!” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังก่อนที่จะถามขึ้นมาว่า

“ว่าแต่เรียกฉันมามีธุระอะไร?”

“ผมอยากจะขอยืมกำลังจากคุณหน่อยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

“ยืมกำลัง?”

“ใช่ครับ คดีของแอวริลยังคงปริศนาและผมก็ค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้มาก แต่ผมยังไม่คุ้นเคยกับนครหลวงมากนักผมจึงไม่มีใครรู้จักอยู่แถวนี้เลย ผมเลยอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ฉินหมางบอกให้นายมาหาฉันงั้นหรอ?” ทูรามกล่าวพร้อมกับใช้มือเกาคางเบา ๆ

“ใช่ครับ ผมคุยกับคุณตาเมื่อสองวันก่อนเขาบอกว่าผมสามารถมาขอความช่วยเหลือจากคุณได้ทุกเรื่อง เขายังบอกผมอีกว่าคุณเป็นอาจารย์สอนวิชาการต่อสู้ทำให้คุณมีลูกศิษย์อยู่อย่างมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นการมาขอความช่วยเหลือจากคุณจึงน่าจะครอบคลุมปัญหาทุกอย่างครับ” เซี่ยเฟยกล่าว

อันที่จริงเซี่ยเฟยใส่สีตีไข่คำพูดของฉินหมางไปพอสมควร เพราะชายชราได้บอกกับเขาไว้แค่ว่า ‘ถ้านายมีปัญหาอะไรไปหาไอ้แก่นั่นได้เลย มันติดหนี้บุญคุณฉันอยู่หลายครั้ง มันไม่กล้าปฏิเสธคำขอจากนายหรอก’

ด้วยคำพูดเช่นนี้เองเซี่ยเฟยจึงไม่กล้าพูดตรง ๆ ออกไป ไม่อย่างนั้นมันคงจะกลายเป็นการพยายามยั่วยุทูรามแทน

“ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้แม้แต่ไอ้แก่นั่นก็เริ่มสูบบุหรี่แล้วหรอ?” ทูรามหยิบบุหรี่จากซองของเซี่ยเฟยขึ้นมาโดยพยายามเลียนแบบท่าทางของชายหนุ่ม

เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างรู้ทันว่าทูรามพยายามเปลี่ยนหัวข้อเพื่อให้เวลาตัวเองคิดพิจารณาแก้ไขสถานการณ์

การให้เซี่ยเฟยยืมบุคลากรของสมาพันธ์จัสทิสไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทูรามก็เคยเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับลูกศิษย์หลากหลายอาชีพและลูกศิษย์บางคนของเขาก็ดำรงตำแหน่งที่สูงมาก ดังนั้นเส้นสายของทูรามจึงกระจายอยู่ทั่วทุกที่

สำหรับตำแหน่งที่แท้จริงของทูรามนั้นฉินหมางก็ไม่เคยบอกเขาในเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าเขาจะพิจารณาสถานการณ์ยังไงตำแหน่งของชายชราคนนี้ย่อมสูงกว่าผู้อำนวยการแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์แน่นอน

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

ทันทีที่ทูรามเริ่มสูดควันเข้าไปเขาก็ไอสำลักจนน้ำตาไหล ก่อนที่เขาจะรีบโยนบุหรี่ลงกับพื้นและใช้เท้ากระทืบอย่างดุเดือด

“ไอ้นี่มันอะไรกันวะ!”

เซี่ยเฟยรู้สึกชะงักไปครู่หนึ่งเพราะการด่าบุหรี่ของเขามันก็ไม่ต่างไปจากการที่เขาโดนด่าด้วยตัวเอง

“เซี่ยเฟยนายกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?” ทูรามกล่าวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ตอนนี้ผมยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลยครับ ผมเลยต้องการรวบรวมเบาะแสจากคนในตระกูลเจี่ยนก่อน แต่ผมยังขาดกำลังคนที่จะช่วยผมรวบรวมข้อมูลครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น

“นายกำลังสงสัยใครอยู่?” ทูรามถาม

“ผมสงสัยทุกคนครับ แต่ผมจะเริ่มต้นจากอาของแอวริลก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว

“แบ็ตตี้เนี่ยนะ? เท่าที่ฉันรู้เขาเลิกคิดเรื่องธุรกิจไปตั้งแต่ที่เขาพิการ เขาดูไม่น่าเป็นพวกทะเยอทะยานเลยนะ นอกจากนี้เขายังมีศักดิ์เป็นอาของแอวริล ดังนั้นถึงแม้ว่าแอวริลจะเป็นอะไรไปแต่มันก็ไม่น่ามีผลประโยชน์อะไรตกมาถึงเขา” ทูรามกล่าวอย่างสงสัย

“ถ้าคุณเป็นญาติผู้ใหญ่ของแอวริลคุณจะอยากให้เธอมาอยู่กับผมไหมครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับใช้นิ้วกระดกบุหรี่เบา ๆ

“ใครมันจะไปเห็นด้วย ถ้าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของแอวริลอย่างน้อยฉันจะต้องจับตาดูนายอย่างใกล้ชิดไม่น้อยกว่า 3 ปี ถึงยังไงสถานะของนายกับแอวริลก็แตกต่างกันมากจนเกินไป” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ แต่คุณแบ็ตตี้สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแอวริลอย่างเต็มที่ คุณไม่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลก ๆ หรอครับ? ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งมีโอกาสได้พบกับผมเพียงแค่ครั้งเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มคล้ายกับเรื่องที่เขาเล่าออกไปไม่ใช่เรื่องที่จริงจังอะไร

“เดี๋ยวก่อนนะ… เรื่องนี้มันน่าสงสัยจริง ๆ ถึงแม้ว่าแบ็ตตี้จะไม่ใช่พ่อของแอวริล แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็ควรจะต้องทำตัวเป็นกลางไม่ใช่มาสนับสนุนนายแบบนี้” ทูรามกล่าวอย่างครุ่นคิด

“คุณก็น่าจะรู้ว่าอีกไม่นานผมจะต้องเดินทางไปยังภูมิภาคดาวมฤตยูแล้ว แต่ถ้าหากว่าผมยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ผมก็คงจะเดินทางอย่างไม่สบายใจ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึมโดยที่ภายในแววตาเต็มไปด้วยความหวัง

“เอาก็เอา! เดี๋ยวฉันจะส่งลูกศิษย์ 3 คนมาคอยช่วยนายเอง แต่จำเอาไว้ว่าพวกเขาช่วยนายในนามของตัวเองไม่ใช่นามของสมาพันธ์” ทูรามกล่าวพร้อมกับใช้มือตบกระแทกโต๊ะ

“ขอบคุณครับ แต่ผมคุยกับคุณมาตั้งนานคุณไม่คิดว่าการให้ยืมกำลังเพียงแค่สามคนมันน้อยเกินไปหรอครับ” เซี่ยเฟยกล่าวติดตลก

“เชื่อฉันเถอะว่าแค่สามคนนี้ก็พอแล้ว” ทูรามกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด