ตอนที่ 160: พ่อของแอวริล
ตอนที่ 160: พ่อของแอวริล
“นายจะไปไหน?” แอวริลกอดแขนเซี่ยเฟยเอาไว้แน่นและถามออกไปด้วยใบหน้าที่ประหม่า
“พ่อกับอาของเธออยากจะพูดคุยกับฉันนิดนึงน่ะ” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือออกไปลูบศีรษะหญิงสาว 2-3 ครั้ง
ผางชิงหันศีรษะไปด้านข้างโดยไม่สนใจความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างเซี่ยเฟยและแอวริล
เขาได้เห็นแอวริลเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็กเขาจึงรู้สึกเป็นห่วงเธอไม่ต่างไปจากลูกสาวของตัวเอง แต่ในสังคมระดับจักรวาลที่โหดร้ายนี้การที่เธอไม่ได้แต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยอาจจะเป็นการสูญเสียที่ไม่สามารถแก้ไขได้สำหรับบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด
แต่ผางชิงก็มีความรู้สึกเหมือนกับพ่อของตัวเองที่อยากให้แอวริลได้พบกับความสุข ด้วยเหตุนี้เองความรู้สึกภายในใจของเขาจึงขัดแย้งซึ่งกันและกันและทำให้เขาไม่รู้จะเลือกทางไหนดี
“อย่าไปนะ!” แอวริลกอดแขนเซี่ยเฟยเอาไว้แน่นเมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มกำลังจะไปพบพ่อของเธอ
“กับคุณอาไม่เป็นไร แต่พ่อไม่อยากให้ฉันอยู่กับนาย เหตุผลที่นายเข้ามาหาฉันไม่ได้นั่นก็เพราะคำสั่งของพ่อ!” แอวริลพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคืองเห็นได้ชัดเลยว่าเธอยังคงรู้สึกโกรธพ่อของเธออยู่
“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา ถึงยังไงเขาก็เป็นพ่อของเธอนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้มือบีบหน้าแอวริลจนปากยู่
เมื่อได้เห็นท่าทางของเซี่ยเฟยหญิงสาวก็ยอมปล่อยมือโดยไม่เต็มใจ
ชายหนุ่มเดินตามผางชิงออกจากศาลาผ่านเส้นทางคดเคี้ยวไปประมาณ 10 นาที ก่อนที่เขาจะได้มาถึงด้านหลังของแผ่นหินที่มีชายวัยกลางคน 2 คนรอเขาอยู่
ด้านหลังของแผ่นหินมีโต๊ะและเก้าอี้ 2 ตัวถูกวางเอาไว้ โดยบนโต๊ะมีผลไม้ถูกใส่เอาไว้ภายในจานหลากหลายชนิด แต่ชายวัยประมาณ 40 ปีที่นั่งอยู่กลับกำลังจ้องมองมาที่เขา
ชายคนนี้มีคางกว้างและมีดวงตาที่แหลมคม ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่สูงมากนักแต่เขาก็มีช่วงไหล่ที่ค่อนข้างกว้างทำให้เขาดูตัวใหญ่กว่าคนทั่วไป โดยชายคนนี้ได้อยู่ในชุดสูทสีเทาที่ถูกตัดมาอย่างประณีตทำให้เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ค่อนข้างจะดูดีเลยทีเดียว
ข้าง ๆ ชายสูทสีเทาคือชายวัยกลางคนที่มีอายุไล่เลี่ยกัน แต่ชายคนนี้นั่งอยู่บนรถเข็นสวมใส่ เสื้อผ้าสบาย ๆ และกำลังมองมาทางชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“ฉันชื่อ ‘นิวแมน’ เป็นพ่อของแอวริล ส่วนเขาคนนี้ชื่อ ‘แบ็ตตี้’ เป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉัน” ชายวัยกลางคนแนะนำตัว
ชายที่นั่งอยู่บนรถเข็นพยักหน้าให้เซี่ยเฟยเป็นการทักทาย
อาของแอวริลให้บรรยากาศที่สบาย ๆ แต่พ่อของหญิงสาวกำลังทักทายเขาด้วยท่าทางที่จริงจัง
“สวัสดีครับ ผมชื่อเซี่ยเฟยครับ ยินดีที่ได้พบกับพวกคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพ
“เชิญนั่ง” พ่อของแอวริลชี้นิ้วไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม โดยหลังจากที่ชายหนุ่มนั่งลงเขาก็ส่งสัญญาณมือให้ผางชิงออกไปก่อน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าบทสนทนานี้พวกเขาต้องการความเป็นส่วนตัว
“ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรกับผมหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากนั่งลง
นิวแมนรินน้ำชาให้ชายหนุ่ม 1 ถ้วยก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ แอวริลของพวกเราคงจะถูกลักพาตัวไปแล้ว วันนี้ฉันกับน้องชายต้องการจะมาขอบคุณที่คุณช่วยแอวริลเอาไว้”
“ขอบคุณมาก!” นิวแมนและแบ็ตตี้พูดขอบคุณชายหนุ่มด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม
เซี่ยเฟยยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบตามมารยาท ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“ผมกับแอวริลเป็นเพื่อนกัน เรื่องแค่นี้เป็นเรื่องที่ผมสมควรจะทำแล้วพวกคุณไม่จำเป็นจะต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ว่าแต่พวกคุณรู้ตัวคนบงการเรื่องในวันนั้นแล้วหรือยังครับ?”
“น่าเสียดายถึงแม้พวกตำรวจจะพยายามสืบสวนอย่างเต็มที่แต่พวกเราก็ยังหาตัวคนบงการไม่พบ ตระกูลเจี่ยนของพวกเราทำธุรกิจสุจริตมาโดยตลอดใครมันกล้าจะมาลักพาตัวลูกสาวของฉัน!” นิวแมนกล่าวด้วยท่าทางอันจริงจัง
แบ็ตตี้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตบไหล่พี่ชายเพื่อพยายามปลอบโยน จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า
“พี่ชายไม่ต้องห่วง ที่นี่คือนครหลวงของพันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็มีบอดี้การ์ดกับตำรวจคอยคุ้มกันอยู่มากมาย แอวริลจะต้องไม่เป็นอะไรอีกแน่นอน”
เซี่ยเฟยใช้เวลาพิจารณาครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเล่าสิ่งที่เขาวิเคราะห์ออกไปให้ทั้งคู่ได้ฟัง
“บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของพวกเราผูกขาดระบบอินเตอร์เน็ตทั่วทั้งจักรวาล ถึงแม้มันจะมีบริษัทอื่นต้องการจะขึ้นมาแข่งขันกับเราบ้างแต่ก็ยังไม่มีใครครอบครองตลาดถึงขั้นเรียกว่าคู่แข่งของเราได้ เพราะท้ายที่สุดตระกูลของพวกเราก็ให้บริการอินเตอร์เน็ตมาเป็นเวลานานไม่ได้เพิ่งก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน ในความเป็นจริงหากบริษัทของพวกเราเป็นอะไรไปการสื่อสารทั่วทั้งพันธมิตรก็อาจจะเป็นอัมพาตไปด้วยซ้ำ”
“ผมเข้าใจสถานะของสตาร์เน็ตเวิร์กในพันธมิตรดีครับ แต่ศัตรูอาจจะไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจกับสตาร์เน็ตเวิร์กก็ได้นะครับ ท้ายที่สุดบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดของพวกคุณก็ใหญ่มากแล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากว่าพวกคุณจะทำธุรกิจอื่นด้วยใช่ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้นิวแมนชะงักไปเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมาไม่ได้ต่างไปจากความเป็นจริง
บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งนอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัทแล้วพวกเขายังลงทุนทำธุรกิจรองอีกอย่างมากมาย เช่น การทำธุรกิจเหมืองแร่, การทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักรหรือแม้กระทั่งการทำธุรกิจเกี่ยวกับอาวุธ ซึ่งถ้าหากว่ามันจะมีใครรู้สึกไม่พอใจพวกเขาจริง ๆ มันก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่คนลงมือจะรู้สึกไม่พอใจจากธุรกิจเหล่านี้
ด้วยเหตุนี้เองนิวแมนจึงแอบคิดในใจว่าหลังจากที่เขากลับบ้าน เขาจะต้องทำการตรวจสอบธุรกรรมของธุรกิจทั้งหมดของบริษัทอย่างรอบคอบ
นิวแมนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับการคาดการณ์ของเซี่ยเฟย แต่เขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรในเรื่องนี้ต่อ เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เป็นเพียงแค่คนนอกมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่เปิดเผยความลับของบริษัท
เซี่ยเฟยหรี่ตาพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเบา ๆ เพราะเขาเริ่มคาดเดาว่านิวแมนคงไม่ได้คิดจะจับผู้ลงมือเฉย ๆ แต่เขาจะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ ๆ
นิวแมนกับแบ็ตตี้มองหน้าอย่างรู้กัน ก่อนที่นิวแมนจะหันไปพูดกับเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
“ตระกูลเจี่ยนรู้สึกขอบคุณคุณจริง ๆ ที่ช่วยชีวิตแอวริลเอาไว้ แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าแอวริลเป็นทายาทคนแรกของตระกูลและความรับผิดชอบที่เธอต้องแบกรับเอาไว้มันก็มากมายเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการถึง”
“ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ครับ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
ถึงแม้นิวแมนจะดูเป็นคนตรงไปตรงมาแต่เนื้อแท้เขาก็ยังคงเป็นนักธุรกิจที่มีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าคนทั่วไป เขาจึงพูดข้อความออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวและให้ชายหนุ่มไปแปลความของคำพูดในส่วนที่เหลือเอาเอง
เซี่ยเฟยเข้าใจความหมายที่นิวแมนต้องการจะสื่อได้เป็นอย่างดีว่าชายคนนี้ต้องการจะเตือนว่าอย่าให้เขาเข้าใกล้แอวริลมากเกินไป ส่วนเรื่องเหตุผลก็เป็นเรื่องที่ทุกคนเตือนเขามาโดยตลอดอยู่แล้ว
“จริงด้วย! เพราะภาระที่เธอต้องแบกไว้มีสูงมากมันจึงทำให้ทุกคนมองมาที่เธอ สงสัยผมต้องบอกให้เธอระวังตัวมากกว่านี้แล้วสินะ หวังว่าเหตุการณ์อย่างวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นมาอีกครั้ง” จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็กล่าวขึ้นมาคล้ายกับว่าเขาไม่เข้าใจนัยยะที่นิวแมนจะสื่อความหมาย
คำพูดนี้ทำให้นิวแมนขมวดคิ้วด้วยความสับสนเล็กน้อย เพราะเมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ผ่านมาเซี่ยเฟยไม่น่าจะเป็นคนโง่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาจากทุกสิ่งที่ชายหนุ่มได้ทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เข้าใจความนัยง่าย ๆ แบบนี้
‘หรือว่าเซี่ยเฟยจะเป็นคนบ้าเหมือนที่คนอื่นพูดเอาไว้จริง ๆ?’
แบ็ตตี้ที่อยู่ข้าง ๆ เผยรอยยิ้มออกมาเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่แอวริลกับเซี่ยเฟยอยู่ด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเขาก็เริ่มทำการสังเกตทุกพฤติกรรมของแบ็ตตี้ผ่านทางมุมสายตา
“พูดสั้น ๆ ก็คือที่คุณช่วยชีวิตแอวริลเอาไว้นั้นตระกูลเจี่ยนของพวกเราขอบคุณมาก แต่ถึงยังไงพวกเราก็ได้เตรียมของขวัญชิ้นใหญ่แทนคำขอบคุณเอาไว้แล้ว พวกชนชั้นสูงคนอื่นจะได้ดูถูกเราไม่ได้ว่าพวกเราไม่คิดจะให้ของขวัญกับผู้มีพระคุณ โดยคุณจะได้รับของขวัญชิ้นนั้นทันทีหลังจากที่คุณออกไปจากนครหลวง” นิวแมนกล่าวย้ำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
คำพูดของเขามี 2 ความหมาย โดยความหมายแรกคือเขาต้องการจะบอกเซี่ยเฟยว่าพวกเขาเป็นชนชั้นสูงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับชายหนุ่ม ส่วนความหมายที่ 2 คือเขาบอกกับชายหนุ่มว่าตราบใดที่ชายหนุ่มออกห่างจากแอวริลเขาจะได้รับของขวัญชิ้นใหญ่
‘นักธุรกิจก็คือนักธุรกิจสินะ คนพวกนี้พูดกันตรง ๆ ไม่เป็นรึไง’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับประสานมือไปทางนิวแมนและแบ็ตตี้
“ถ้าผู้อาวุโสทั้งสองไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ แอวริลยังคงรอผมอยู่ที่ศาลากลางทะเลสาบ”
“อ่า. ..รีบกลับไปเถอะ อย่าปล่อยให้ยัยหนูต้องรอนาน ถ้าเธอมีอารมณ์ขึ้นมาพวกเราคงจะต้องหูชาอีกแน่ ๆ” แบ็ตตี้กล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโบกมือให้เซี่ยเฟย
“เซี่ยเฟยฉันยังคงหวังว่าคุณจะพิจารณาคำพูดของพวกเราอย่างจริงจัง” นิวแมนยืนขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่ต้องห่วงครับ การช่วยเหลือแอวริลเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของขวัญผมคิดว่าผมไม่รับมันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงจะคิดว่าผมเข้าหาแอวริลเพราะผลประโยชน์” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่ชายหนุ่มพูดตอบกลับไปก็มีความแยบยลไม่แพ้กัน เพราะเขาได้ทำการปฏิเสธคำพูดของนิวแมนอย่างอ้อม ๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักหน้าอีกฝ่ายมากเกินไป
หลังเซี่ยเฟยพูดจบเขาก็หันหลังกลับเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
“ถ้าฉันเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่านี้ เซี่ยเฟยจะยอมรับมันหรือเปล่า?” นิวแมนนั่งลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
“ผมคิดว่าเขาดูมุ่งมั่นมากนะ เขาคงจะไม่ยอมรับเงื่อนไขถึงแม้ว่าพี่จะยกภูเขาทองให้เขาทั้งลูกก็ตาม” แบ็ตตี้กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
นิวแมนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งแต่มันก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาเกลียดเซี่ยเฟย เนื่องจากท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มคนนี้ก็พยายามช่วยชีวิตลูกสาวของเขาเอาไว้อย่างสุดความสามารถซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้
เพียงแต่เขายังคงเชื่ออย่างดื้อรั้นว่าคนตัวเล็ก ๆ อย่างเซี่ยเฟยยังไม่คู่ควรกับลูกสาวของเขา นอกจากนี้เขายังคิดว่าแอวริลยังเด็กมากเกินไปเธอจึงตัดสินใจโดยไม่ได้คิดอย่างรอบคอบเสียก่อน หากว่าเธอโตกว่านี้เธอจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองแน่ ๆ ดังนั้นในฐานะของพ่อเขาจะต้องป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรก
‘ใครมันจะไปยอมแพ้กันล่ะ ในจักรวาลนี้มีภูเขาทองคำลูกไหนใหญ่กว่าแอวริลอีกหรอ ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องเลือกสิ่งที่ทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์มากที่สุดอยู่แล้ว!’ แบ็ตตี้หัวเราะในลำคอพร้อมกับคิดภายในใจ
—
ณ ศาลากลางน้ำ
แอวริลยังคงนั่งเท้าคางรอเซี่ยเฟยในศาลาอย่างเบื่อหน่าย
ตั้งแต่ชายหนุ่มเดินออกไปเธอก็รู้สึกกังวลมาโดยตลอดว่าพ่อของเธอจะพูดอะไรให้เซี่ยเฟยโกรธหรือเปล่า แล้วเธอก็กลัวว่าชายหนุ่มจะหายตัวไปอีกครั้ง เพราะถึงยังไงชายคนนี้ก็เป็นคนที่สามารถหายตัวไปได้ทุกเมื่อ
แอวริลไม่ได้รู้สึกกังวลเรื่องคำพูดจากอาของเธอนัก เพราะอาของเธอไม่ได้ดูแลบริษัทเนื่องจากขาของเขาพิการ เขาจึงใช้ชีวิตท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำและบุคลิกของเขาก็ดูเป็นมิตรมากกว่าพ่อของเธอ
ในวันธรรมดาเธอไม่ได้มีโอกาสออกไปข้างนอกมากนัก ดังนั้นการได้พูดคุยกับเซี่ยเฟยผ่านทางสตาร์เน็ตเวิร์กและนั่งฟังอาของเธอเล่าเรื่องโลกภายนอกจึงกลายเป็นเรื่องที่เธอชื่นชอบมากที่สุด
ในทางตรงกันข้ามคำว่า ‘พ่อ’ สำหรับเธอเป็นคำที่คลุมเครือมาก เพราะเท่าที่เธอจำได้พ่อของเธอมักจะยุ่งอยู่กับงานตลอดทำให้คนที่คอยดูแลเธอตั้งแต่เด็กกลับกลายเป็นพ่อบ้านผาง
ในตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังเดินกลับไปศาลาตามทางเดิม ส่วนแอวริลก็กำลังคิดอย่างฟุ้งซ่าน
“นายคิดว่าอาของแอวริลดูแปลก ๆ หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามอันธ
“ก็ไม่นิ... ทำไมถึงถามแบบนั้น?” อันธถามอย่างงุนงง
“ฉันแค่รู้สึกว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมามันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา” เซี่ยเฟยพึมพำออกมาคล้ายกับพูดกับตัวเอง
****************