ตอนที่ 1061 น้องชาย ไม่ทราบว่าได้เล่าเรียนมาจากที่ไหน?
ชายหนุ่มร่างกำยำคนนี้ ไม่ได้เห็น หลินฟาน อยู่ในสายตาจริงๆ และเขาได้คิดไปว่าความแข็งแกร่งของ หลินฟาน จริงๆ นั่นอยู่ที่ฝีปากที่แหลมคมของเขา ที่มันมีความสามารถในการยั่วยุเขาได้จนสำเร็จ และสำหรับความแข็งแกร่งทางร่างกายของ หลินฟาน แล้ว เขาเองสามารถจัดการกับ หลินฟาน ลงได้ ด้วยหมัดเดียว..
เขาได้พุ่งเข้ามาใส่ หลินฟาน ในทันที และเขาก็ได้ตั้งใจที่จะสอนบทเรียนให้กับไอ้เด็กคนนี้ ด้วยหมัดของเขา..
อย่างไรก็ตาม.. หมัดของเขาไม่ได้สัมผัสโดนเส้นผมของ หลินฟาน แม้แต่เส้นเดียว หลินฟาน ได้หักหลบไปด้านข้าง และหมัดของเขาก็ได้แต่จ้วงเข้าใส่อากาศ
“เพียงแค่ไม่พอใจในคำพูด คุณก็คิดจะทุบตีคนเสียแล้ว.. นี่หรือว่าคุณมีพัฒนาการทางสมองที่ไม่ดี?” หลินฟาน ได้พูดพร้อมกับหัวเราะออกไป
ยิ่ง หลินฟาน พูดประชดประชันมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มร่างกำยำ คนนี้.. ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เขาได้ไล่ตาม หลินฟาน และปล่อยหมัดของเขาออกไปอีกครั้ง
หลินฟาน ก็หลบได้อีกครั้ง
ปัง!
มาคราวนี้ กําปั้นของ ชายหนุ่มร่างกำยำ ได้พุ่งตรงเข้าใส่เสาเหล็กโดยตรง เสาเหล็กที่เป็นท่อเหล็กหนาในรถไฟใต้ดิน ที่ได้ถูกใช้เป็นราวจับ มันเองก็ได้ดูค่อนข้างที่จะแน่นหนา แต่หมัดนี้ของเขาก็ได้ทุบเข้าเสาเหล็กต้นนี้ ..ไปเต็มๆ
“อ๊ากก!” ชายหนุ่มร่างกำยำ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องลั่นออกมา
“อูย.. ทำไมกัน.. นี่คุณแม้แต่เสาเหล็กก็ยังทุบ? หรือนี่คุณมีความแค้นอะไรกับเสาเหล็ก?” หลินฟาน ได้กล่าว พร้อมกับยิ้มยียวนส่งไปให้อีกฝ่าย
ครั้งแรกที่เขาหลบ เขาเองก็ได้ตั้งใจจะหลบไปอยู่ข้างหน้าเสาเหล็ก และด้วยวิธีนี้ เมื่อ ชายหนุ่มร่างกำยำ ปล่อยหมัดออกมาอีกครั้ง เขาก็จะต้องทุบเข้าเสาเหล็กโดยตรง แน่นอนว่า หลินฟาน จะไม่ริเริ่มที่จะบอกว่าเขาตั้งใจ แต่คนที่มีสายตาเฉียบแหลม ..ก็สมควรที่จะมองออกได้ง่าย
มาในตอนนี้ ทุกคนก็ได้พากันหัวเราะไปกับคําพูดของ หลินฟาน อีกครั้ง.. และรู้สึกโล่งอกจริงๆ ที่ได้เห็น ชายหนุ่มร่างกำยำ คนนี้.. โชคร้าย
ชายหนุ่มร่างกำยำ ที่ได้ทุบเข้าเสาเหล็ก หมัดของเขาข้างนี้ก็ได้พังยับ และคาดว่ากระดูกคงได้หักหมดแล้ว, และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลาสิบวัน หรือแม้แต่ครึ่งเดือนกว่าจะหายดีได้ มาตอนนี้เขาเองก็เจ็บจนได้ร้องโวยวายออกมา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะฝืนทนเอาไว้ และได้ลุกขึ้นมาชกต่อย หลินฟาน อยู่พักใหญ่
หญิงสาวผมทอง เมื่อได้เห็นแบบนี้ เธอก็ทั้งโกรธ ทั้งร้อนใจ และนั่นก็ได้ทำให้เธอชี้นิ้วไปที่ หลินฟาน และได้ดุด่าสาปแช่งออกไป : “แกมันตั้งใจจะซ่อนตัวอยู่ข้างเสาเหล็ก และทำให้แฟนของฉันชกเข้าเสาเหล็ก!”
หลินฟาน พูดว่า : “โอ้.. ผู้หญิงคนนี้ คุณอย่าได้ฉีดเลือด(1)ใส่ผู้คนเช่นนี้สิ แฟนของคุณต่างหากที่อยากจะตีฉัน แล้วการที่ฉันหลบ.. มันก็ดูเป็นเรื่องปกติ หรือคุณจะบอกว่า ..ฉันสมควรยืนให้เขาทุบตี? ขอโทษฉันไม่ได้โง่ และเขาก็เป็นคนอยากทุบตีคนเอง และฉันก็พูดได้คำเดียวว่า ..เขา ควรที่จะต้องโทษตัวเอง”
หญิงสาวผมทอง โกรธแทบตาย และเธอได้พูดตะโกนไปว่า : “เป็นแกนั่นแหละที่ควรจะถูกทุบตีให้ตาย!”
เมื่อพูดจบ.. เธอก็ได้รีบวิ่งขึ้นไป และยกเท้าขึ้นมาเตะไปที่ หลินฟาน เหมือนกับที่เธอได้เตะลุงไปในตอนนั้น
แต่ หลินฟาน ไม่ใช่ลุงผอมคนนั้นนะ ลุงผอม มีคุณธรรม และได้ปฏิเสธที่จะทุบตีผู้หญิง.. แต่ หลินฟาน กลับไม่คิดที่จะพูดถึงศีลธรรม คุณธรรมอะไรกับเธอ และการจะปฏิบัติต่อคนที่ไร้ยางอาย หลินฟาน ก็จำเป็นที่จะต้องไร้ยางอายยิ่งกว่าเธอ ในทุกๆ นาที
มิฉะนั้นแล้ว.. มันจะไปมีคำพูดที่ว่านี้ได้อย่างไรว่า ‘คนชั่วก็ย่อมที่จะมีคนชั่วกว่าบดขยี้’(2) และเมื่อเผชิญหน้ากับคนชั่ว หลินฟาน ก็ย่อมยินดีที่จะแปลงกายเป็นคนชั่วกว่า
หญิงสาวผมทอง ก็ได้เตะไปที่น่องขาของ หลินฟาน แต่ หลินฟาน ในเวลานี้ ได้เทกำลังไปที่น่องขาไว้นานแล้ว น่องขาของเขาในตอนนี้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเสาเหล็กต้นนั้น
หลังจาก หญิงสาวผมทอง เตะออกไป หลินฟาน ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ หญิงสาวผมทอง นั้นกลับแตกต่างออกไป โดยการเตะครั้งนี้ของเธอมันก็เทียบเท่าได้กับการเตะเสาเหล็ก ซึ่งเธอได้เดินโซเซถอยหลัง และก็ได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระดูกนิ้วเท้าของเธอ ..ได้หักไปหมดแล้ว
หญิงสาวผมทอง ได้นั่งลงไปกับพื้น และได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ..ชั่วครู่หนึ่งน้ำตาของเธอมันก็ได้ไหลออกมา
ทุกคนได้มองหน้ากัน มันเกิดอะไรขึ้น.. แล้วนี่ไม่ใช่ หญิงสาวผมทองคนนี้หรือ.. ที่ได้เตะออกไป แต่ที่ไหนกัน.. ทําไมถึงได้ดูเหมือนว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บ ..กลับเป็นตัวของเธอเอง?
“ผู้หญิงอย่างคุณ.. นี่ทําไม ถึงได้ป่าเถื่อนขนาดนี้ เอะอะๆ ก็เตะคน ทุกคนเองก็ได้เห็นแล้วว่าคุณเป็นคนที่เตะฉันก่อน และฉันก็เป็นเหยื่อ คนอย่างคุณ ใช้เหตุผลดีๆ ไม่ได้เหรอไง ทำไมต้องลงมือด้วย!” หลินฟาน ได้พูดออกไปด้วยความโกรธ
แน่นอนว่า หลินฟาน ไม่ได้โกรธจริงๆ เขาเพียงแค่แกล้งทํา..
อย่างไรก็ตาม ในที่สาธารณะแบบนี้ หลินฟาน ไม่จําเป็นต้องตอบโต้กลับ เขาเพียงแค่ต้องใช้ประโยชน์จากเหตุผล และปล่อยให้อีกฝ่ายรับโทษ แม้ว่าตํารวจจะมา และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หลินฟาน ก็ไม่แม้แต่จะมีความผิดใดๆ นั่นก็เพราะ หลินฟาน ไม่ได้เป็นผู้ลงมือ ..และพูดได้เลยว่าตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากหลีกเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่ายแล้ว ก็ถูกอีกฝ่ายเตะ แต่อีกฝ่ายก็กลับเป็นผู้ที่ต้องบาดเจ็บแทน!
เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ชายหญิงคู่นี้ ผู้ชายได้ตีเข้าเสาเหล็ก ผู้หญิงได้เตะ หลินฟาน.. แต่คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บ และคนทั้งคู่ก็ไม่สามารถไปโจมตี หรือทำร้ายคนอื่นได้อีกแล้ว..
ทุกคนรู้สึกโล่งใจมาก เมื่อเห็นว่าพวกเขา.. ได้มีท่าทางกระอักกระอ่วนเช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทําไม หญิงสาวผมทอง ..ถึงได้รับบาดเจ็บ
หญิงสาวผมทอง และชายหนุ่มร่างกำยำ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งมันก็ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นผี
มีเพียงแต่ลุงสองคนนั้นเท่านั้น ที่มองออก.. และพวกเขาต่างก็ได้มองไปที่ หลินฟาน ด้วยสายตาประหลาดใจ ชายหนุ่มคนนี้ ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาไว้ได้เก่งจริงๆ ทั้งเขาก็ดูแข็งแกร่งมาก!
หากเขาไม่ได้ฝึกฝนกังฟูที่แท้จริง หญิงสาวผมทองที่ได้เตะขาของ หลินฟาน มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้!
เป็นความจริงที่ว่า.. ในบรรดาปรมาจารย์ ก็ย่อมที่จะต้องมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งกว่า และท่ามกลางภูเขาสูง ก็ย่อมที่จะต้องมีภูเขาที่สูงกว่า!(3)
ในเวลานี้รถไฟใต้ดินได้มาถึงสถานี ชายหญิงคู่นั้น ก็ได้ประคองกัน และได้เดินออกไปจากรถไฟใต้ดิน โดยเดินหลบเลี่ยงพวกเขา และไม่กล้าที่จะเข้ามายั่วยุ หลินฟาน อีกต่อไป.. โดยขณะที่เดินออกไป.. พวกเขาก็ได้คิดไปว่า วันนี้พวกเขาก็แค่โชคร้าย!
หลินฟาน ยังไม่ได้ลงจากรถเพราะยังไม่ถึงสถานีปลายทางของเขา
ลุงทั้งสองคนนั้น ก็ไม่ได้ลงจากรถ ..จากนั้นไม่นานรถไฟใต้ดินก็ได้เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ในเวลานี้คนในรถไฟใต้ดินก็ได้หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ลุงทั้งสองคนดูเหมือนกำลังกระซิบปรึกษาอะไรกันอยู่ จากนั้นพวกเขาก็ได้เดินเข้ามาอยู่ข้างๆ หลินฟาน
“น้องชาย เมื่อกี้ขอบคุณมากที่ได้ช่วยพูดแทนเรา ทั้งยังได้ช่วยลงมือแทนเราด้วย!” ลุงผอม ได้ทำคารวะแบบ เป่าฉวน หรือเป้าเฉวียน (抱拳) โดยใช้มือซ้ายเหยียดตรงทับกำปั้นขวา แล้วเขาก็ได้พูดออกไป
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “ยินดีครับ”
ลุงอ้วน ได้พูดว่า : “น้องชาย ไม่ทราบว่าได้เล่าเรียนมาจากที่ไหน?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ทำไม.. คุณลุงถึงได้ถาม คำถามแบบนี้?”
ลุงอ้วน กล่าวว่า : “คนอื่นอาจไม่รู้ แต่พวกเรามองปราดเดียวก็มองออกว่า น้องชาย เป็นผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และแน่นอนว่า น้องชาย จะต้องมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ถึงได้ประสบความสําเร็จเช่นนี้ได้ ดังนั้นจึงได้ลองเอ่ยสอบถามดู ใช่แล้ว เรายังไม่ได้แนะนำตัวเอง ฉันชื่อ หง จินเม่า และเขาชื่อ ลี้ เฉิงหู่ เราทั้งสองเป็นศิษย์ของ หงเหมิน (洪门)”
หลินฟาน ได้ร้องโอ้ออกมา เขารู้มานานแล้วว่า ..ลุงทั้งสองคนนี้ ดูไม่ใช่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ได้ปล่อยให้ชายหญิงคู่นั้น มิฉะนั้นคนที่ดูไร้ยางอายคู่นั้นคงจะได้กลายเป็นหัวหมูไปนานแล้ว
และปรากฏว่าพวกเขาเป็นศิษย์ หงเหมิน..
ในความเป็นจริง หลินฟาน ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง หงเหมิน มากนัก เพียงแต่เคยได้ยินมา เพราะศิลปะการต่อสู้ของหัวเซี่ยบางประเภท ก็มีชื่อเสียงมาก และบางประเภทก็ได้มีชื่อเสียงแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง คนธรรมดาไม่เคยได้สัมผัสกับมัน แต่ก็เคยได้ยินชื่อมาหมดแล้ว..
ลุงสองคนนี้ได้แนะนำตัวเอง และนี่ถือได้ว่าเป็นกฎของเจียงหู อยากรู้จักกันก็ต้องแนะนำตัวเองกันก่อน แบบนี้อีกฝ่ายก็จะต้องแนะนำตัวเองออกไปด้วย ..ตามมารยาท
หลินฟาน กล่าวว่า : “เช่นนั้นก็ต้องขอโทษท่านทั้งสอง ผมเองไม่ได้มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และที่สำคัญผมไม่มีภูมิหลังให้แนะนำตัว แต่อย่างไรก็ตาม ผมชื่อ หลินฟาน”
ลุงทั้งสองได้มองหน้ากัน ทั้งยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในมุมมองของพวกเขา หลินฟาน ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะเอ่ยพูดถึงอาจารย์ของเขา!
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลินฟาน ได้พูดความจริงออกไปทั้งหมด เขาไม่ได้กราบไหว้อาจารย์คนไหนเลยจริงๆ เช่นนี้แล้ว แน่นอนว่า เขา.. ก็ย่อมที่จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘อาจารย์’ แต่ในสายตาของลุงทั้งสองคนนี้ หลินฟาน กลับกลายเป็นผู้ที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อของอาจารย์ และนี่อาจจะกลายเป็นความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ก็ได้
หลินฟาน ได้ไม่ยอมบอกชื่ออาจารย์ของตนเองว่ามาจากที่ไหน แต่แล้ว.. มันก็ยิ่งทำให้ ลุงทั้งสองคนนี้ เริ่มที่อยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาต่างก็ได้คิดคาดเดาในใจว่า หลินฟาน มาจากที่ไหนกันแน่ และพวกเขาก็ได้กรองทุกสำนักที่พวกเขารู้จักเอาไว้ในใจ แต่ก็คิดไม่ออก..
“น้องชาย จะว่าอะไรไหม ถ้าจะช่วยบอกเคล็ดลับสักสองสามอย่างให้กับพวกเราได้รู้?” ลุงอ้วน ได้มีอาการคันๆ อยู่พักหนึ่ง และเขาก็ได้ยิ้มแย้ม พร้อมกับได้ยิงคำถามนี้กับ หลินฟาน
ท้ายที่สุดแล้ว หลินฟาน ก็ไม่ได้เริ่มลงมือตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้า หลินฟาน ได้เต็มใจที่จะลงมือ พวกเขาอาจจะเดาได้ว่า ‘อาจารย์’ ของ หลินฟาน เป็นใคร ..ได้ก็ได้
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “คุณลุงทั้งสองคน อยากที่จะปรึกษาแลกเปลี่ยนกับผม? ต้องขอโทษจริงๆ เกรงว่ามันจะไม่สะดวกมากนัก เพราะที่ที่เราอยู่ตอนนี้คือบนรถไฟใต้ดิน ผมเองกลัวว่าจะไปรบกวนคนอื่นเข้า..”
ลุงอ้วน พูดว่า “น้องชาย พูดถูกแล้ว ฉันเองก็หุนหันเกินไปจริงๆ”
ลุงผอม ได้กล่าวว่า : “น้องชาย การชุมนุมในอีกสามวันข้างหน้า น้องชายเองก็คงได้เข้าร่วมด้วยสินะ ถึงตอนนั้นเราค่อยมาแลกเปลี่ยนกันก็ยังไม่สายเกินไป!”
หลินฟาน ค่อนข้างสับสน อีกสามวัน การชุมนุม แล้วนี่ ..อะไร?
ในเวลานี้รถไฟ ..ได้มาถึงสถานี
“เรามาถึงแล้ว.. หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีก!”
ลุงทั้งสองได้ทำคารวะแบบ เป่าฉวน หรือเป้าเฉวียน (抱拳) กับหลินฟาน อีกครั้ง แล้วจึงได้ลงจากรถไป
หลินฟาน ได้ส่ายหัว ในเวลานี้เอง ..เขาเองยังไม่รู้เลยว่า เขา และลุงทั้งสองคนนี้จะมีความหวังที่จะได้พบเจอกันอีกครั้ง ..จริงๆ หรือไม่
(1)[ฉีดเลือดใส่ผู้คน (含血喷人)] - หมายถึง การสร้างข้อเท็จจริง ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น
(2)[คนชั่วก็ย่อมที่จะมีคนชั่วกว่าบดขยี้ (恶人自有恶人磨)] - หมายความว่า คนชั่วเองก็ย่อมที่จะต้องมีคนที่ชั่วกว่า ..มาทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน อย่างคำหนึ่งที่ว่า ‘คนชั่วก็ย่อมต้องถูกทรมานโดยคนชั่วด้วยกัน’
(3)[ในบรรดาปรมาจารย์ ก็ย่อมที่จะต้องมีปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งกว่า และท่ามกลางภูเขาสูง ก็ย่อมที่จะต้องมีภูเขาที่สูงกว่า (高手中自会有更强的高手,高山中也会有更高的山存在。)] - เป็นอุปมาอุปไมย ที่ไม่มีที่สิ้นสุด.. ไม่สามารถชะล่าใจ หรือหยิ่งผยองในตนเองได้