บทที่ 143: ภูตอีกกลุ่มที่กำลังตามหาดอกเกลือ
“???” บัดนี้หูเจียวเจียวนิ่งค้างไปอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
หา! ทำไมมันไม่เป็นไปตามที่ฉันคิดล่ะ!
เมื่อกี้เธอพูดอะไรผิดหรือว่าเขาเข้าใจผิด ทำไมหลงโม่ถึงตอบตกลงแบบไม่ลังเลเลย?
“หลงโม่ ข้าหมายถึง… เจ้ากับข้า… เราอยู่ห้องเดียวกัน?”
จิ้งจอกสาวจ้องมองมังกรหนุ่มด้วยสายตาไม่แน่ใจ และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามย้ำอีกรอบ
หลังจากที่หลงโม่ได้ฟังดังนั้น เขาก็พยักหน้าตอบรับแบบจริงจัง ราวกับว่าเขากำลังทำพิธีศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง แล้ววางมือทั้ง 2 ข้างลงบนโต๊ะ
การแสดงออกที่เคร่งขรึมเช่นนี้ดูสง่างามอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน “ใช่”
“...”
ตอนนี้หูเจียวเจียวรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเองแล้วก็พลัดตกลงไปในนั้น
ส่วนเด็กตระกูลหลงที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ สามีภรรยาคู่นี้ช่างห่างเหินกันจนยากจะรับมือจริง ๆ...
ครู่ถัดมา หลงหลิงเอ๋อปรบมืออย่างมีความสุขและโพล่งขึ้นมาว่า “ไชโย! เยี่ยมมาก! ในที่สุดท่านพ่อก็ได้นอนในห้องแล้ว ท่านพ่อจะได้ไม่ต้องไปนอนบนต้นไม้อีก!”
ทันทีที่สาวน้อยพูดประโยคข้างต้นจบลง สายตาทั้ง 6 คู่ก็มุ่งเป้าไปที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลงอวี้, หลงเซียว, หลงจงและหลงเหยาต่างก็เบิกตากว้างมองเด็กสาวคนเดียวในบ้าน “!!”
“???” การแสดงออกของพ่อมังกรเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ลูก ๆ รู้เรื่องที่เขานอนบนต้นไม้ได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าที่กิ่งไม้เหล่านั้นถูกตัดทิ้งเป็นเพราะฝีมือของเจ้าเด็กพวกนี้!?
หลงหลิงเอ๋อที่รู้ตัวช้ารีบปิดปากตัวเอง
ไม่นะ!
ข้าปากไวเผลอบอกความจริงไปได้ยังไงกัน!
เด็กสาวอยากจะตบปากตัวเองสัก 10 ครั้ง นางก้มหัวลงแล้วค่อย ๆ ถอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้เหมือนหอยทาก หากมีเปลือกอยู่บนหลัง นางคงหดตัวกลับเข้าไปซ่อนอยู่ในเปลือกอย่างแน่นอน
“หลิงเอ๋อ เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร ใครนอนอยู่บนต้นไม้?”
หูเจียวเจียวตกตะลึง เธอเอ่ยถามพร้อมขมวดคิ้วมองไปที่ลูกสาว
“ไม่ ไม่มีอะไร...” หลงหลิงเอ๋อปิดปากส่ายหัว
แย่แล้ว! หน้าท่านพ่อเครียดขนาดนั้น วันนี้ข้าจะโดนฆ่าตายไหม!?
แม่จิ้งจอกสังเกตเห็นท่าทางของสาวน้อยตัวเล็กทันที เธอรู้ว่านางต้องมีบางอย่างปิดบังตัวเอง ดังนั้นเธอจึงหันไปมองลูกคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“บอกแม่มาซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านพ่ออยากนอนบนต้นไม้เอง ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย” ลูกทั้ง 3 โพล่งขึ้นมาพร้อมกัน พลางส่ายหัวรัวเร็วจนผมยุ่งไม่เป็นทรง
จะให้บอกผู้เป็นแม่ว่าเป็นเพราะหลงเหยาลุกขึ้นไปฉี่กลางดึก และเขาเห็นหลงโม่นอนหลับอยู่บนต้นไม้โดยบังเอิญได้อย่างไร ไม่มีทาง!
ยิ่งหูเจียวเจียวฟังที่ลูก ๆ เล่ามามากเท่าไหร่ ขมับของเธอก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นจนเธอก็อดไม่ได้ที่จะกุมหน้าผาก
เธอสันสนไปหมดแล้ว!
เธอปล่อยให้เจ้าจอมวายร้ายนอนข้างนอกมาเกือบเดือนแล้วหรือนี่!
ก่อนที่ระดับความชื่นชอบจะเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังคงจะเพิ่มขึ้นจนทะลุปรอทไปก่อน เขาเป็นถึงลาสบอสของนิยายเรื่องนี้เลยนะ!
ไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวไม่เห็นหลงโม่ในบ้านไม้ทุกวันยามที่เธอไปปลุกลูก ๆ ปรากฎว่าไม่ใช่เพราะเขาตื่นเช้า แต่เขาไม่ได้ไปนอนในบ้านไม้สักครั้งเลยต่างหาก
“เอ่อ... งั้นข้าจะไปทำความสะอาดก่อน วันนี้เจ้าเข้าไปนอนข้างในได้นะ”
หูเจียวเจียวกล่าวจบแล้วก็ลุกขึ้นกำลังจะไปทำความสะอาดกระท่อมที่ตนอาศัยอยู่ แม้ว่าภายในจะเล็กไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการที่คน 2 คนจะนอนบนพื้น
ตอนนี้ชะตาชีวิตตัวเองสำคัญที่สุด มันไม่สำคัญว่าเธอจะต้องนอนร่วมห้องกับผู้ชายหรือไม่!
“ไม่จำเป็น” หลงโม่ห้ามเธอไว้ด้วยเสียงทุ้ม ก่อนจะมองลูกทั้ง 5 ด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ จากนั้นเขาก็พูดเสียงเบาว่า “วันนี้ข้าจะนอนกับลูก”
เนื่องจากกระท่อมหลังนั้นเล็กมาก อีกทั้งแม่จิ้งจอกก็ตัวบอบบาง เขากลัวว่าตัวเองจะเผลอไปทับอีกฝ่ายเข้าถ้าเขาพลิกตัว
อย่างน้อยก็ในตอนนี้ก่อนที่จะสร้างบ้านหินเสร็จ…
เขารู้สึกว่าลูกไม่เด็กกันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องฝึกฝนเตรียมพร้อมสำหรับการล่าในอนาคต
พ่อมังกรวางแผนว่าจะฝึกการล่าขั้นพื้นฐานให้พวกเขาก่อน
...
ทางตะวันตกของเผ่า
หมาป่าสีเงินกลุ่มหนึ่งปีนขึ้นไปบนภูเขาภายใต้แสงจันทร์และหยุดอยู่ข้างทะเลสาบสีขาวราวกับหิมะขนาดใหญ่ จากนั้นเหล่าหมาป่าก็สะบัดขนและกลายร่างเป็นมนุษย์ทีละตัว
ที่เท้าของพวกเขามีดอกไม้สีขาวบานสะพรั่งใต้แสงจันทร์ขาวนวลไม่ต่างจากหิ่งห้อยตัวน้อย หากมองด้วยตาเปล่า พวกมันเกือบจะปกคลุมทะเลสาบทั้งหมด
บัดนี้พวกภูตกำลังจ้องตรงไปที่ฉากข้างต้น
บางคนถึงกับก้มลงเด็ด ‘กลีบ’ ของดอกเกลือมาส่งเข้าปาก
ไม่นานคนคนนั้นก็คายมันออกมาด้วยใบหน้าที่เหยเก “แอวะ! ถุยๆๆ”
“มันเค็มมาก! มันคือเกลือจริง ๆ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อวิ่งไปหาภูตตัวสูงและแข็งแรงที่ยืนอยู่ท้ายกลุ่ม ก่อนจะตะโกนอย่างมีความสุข
“พี่เมี่ย ดูสิ นี่เป็นดอกเกลือที่หัวหน้าพูดถึง!”
คำพูดนั้นทำให้ภูตคนอื่นรู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
“ฮ่า ๆๆ! จากนี้ไปเผ่าของเราก็จะร่ำรวย ข้าไม่คิดเลยว่าวิธีการของหัวหน้าจะได้ผลขนาดนี้”
“ให้ตายเถอะ ดอกเกลือมีมากมายเหลือเกิน ทั้งเผ่าเราคงเก็บไว้กินได้จนตาย...”
ในตอนนั้นเองหลางเมี่ยเดินตรงไปยังภูตที่พูดคนสุดท้ายก่อนจะยกมือขึ้นตบหัวอีกฝ่ายแล้วสบถว่า
“ไอ้เวร! ถ้านึกคำพูดดี ๆ ไม่ได้ก็หุบปากซะ! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้เจ้ากินมันจนตายเดี๋ยวนี้”
ต่อมา ภูตที่พูดประโยคนั้นถูกอีกฝ่ายกดหัวโขกกับพื้นน้ำแข็ง ทำให้ชั้นน้ำแข็งหนากลายเป็นรูทันที แต่เขาไม่กล้ารีรอจึงรีบลุกขึ้นจากน้ำแข็งแล้วโค้งคำนับคนเป็นผู้นำกลุ่ม
“พะ-พี่เมี่ย ข้าพูดอะไรผิดไป… พี่เมี่ย ข้าขออภัย…”
หลางเมี่ยพ่นลมหายใจออกทางจมูกพลางมองคนตรงหน้าอย่างเกรี้ยวกราดแล้วเตะเขาออกไป
“ไปให้พ้น!”
ภูตคนนั้นรีบตะเกียกตะกายวิ่งไปด้านหลังทันที
ส่วนภูตคนอื่น ๆ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก พวกเขาทำได้เพียงยืนก้มหน้าเงียบ ๆ รอให้ภูตหมาป่าสั่งการ
ยามนี้หลางเมี่ยไม่ได้ก้มหน้ามองไปที่ดอกเกลือบนพื้น เขาเตะดอกไม้ดอกหนึ่งจนกลีบดอกที่แตกกระเด็นลอยขึ้นฟ้า จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นคว้าดอกเกลือ 1 ชิ้นมาอมไว้ในปาก
“ใช่ มันคือเกลือ”
“พี่เมี่ย ก่อนที่กลุ่มภูตคนอื่นจะมาที่นี่ เรารีบนำดอกเกลือพวกนี้กลับไปที่เผ่าโดยเร็วดีกว่า!”
ภูตที่มีปากแหลมซึ่งอยู่ข้าง ๆ ชายผู้เป็นเจ้านายเข้ามาแนะนำอย่างประจบสอพลอ
“จะรีบเร่งอะไรนักหนา” หลางเมี่ยชำเลืองมองอีกฝ่าย “ที่นี่มีดอกเกลือมากขนาดนี้ เราสามารถขนพวกมันทั้งหมดกลับไปที่เผ่าในคืนเดียวได้หรือไง”
“อ่า ดูเหมือนจะไม่ได้...” ภูตปากแหลมเกาคอ ไม่นานเขาก็ถามแบบประจบประแจงเมื่อเห็นว่าภูตหมาป่าเงียบไป
“หรือว่าพี่เมี่ยมีวิธีดี ๆ ?”
หลางเมี่ยพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าที่หยาบกร้านของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“มีดอกเกลือตั้งมากมาย ข้าไม่อยากเก็บมันทีละดอก หัวหน้าบอกว่าจะมีฝูงภูตมาที่นี่เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
“เราก็แค่ไปดักซุ่มโจมตีพวกมันระหว่างทางกลับ ฆ่าทุกคนทิ้งเสีย และยึดเอาดอกเกลือมา”
“ยังไงก็ตาม คำสั่งของหัวหน้าคือปล่อยให้พวกมันเข้ามาที่นี่ แต่เขาไม่ได้บอกสักหน่อยว่าให้พวกมันกลับไปสภาพไหน”
ดวงตาของภูตปากแหลมเป็นประกาย และเขาก็ยกยอผู้เป็นนายทันที “สมกับเป็นพี่เมี่ย! ท่านรอบคอบมาก!”
หลางเมี่ยรู้สึกดีที่ถูกลูกน้องยกย่อง ดังนั้นเขาจึงเหล่ตามองอีกคน “เจ้ายังไม่ไปทำตามที่ข้าบอกอีกหรือ?”
“ได้เลย ๆ พี่เมี่ย”
ฝ่ายที่เป็นลิ่วล้อผงกหัวก่อนจะหันหน้าไปพูดกับภูตคนอื่นในลักษณะที่วางมาดอวดดี
“ไม่ได้ยินที่พี่เมี่ยพูดรึ เร็วเข้า!”
“ช้าก่อน”
ทันใดนั้น หลางเมี่ยก็เรียกเขาอีกครั้งและพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“เก็บกวาดร่องรอยของเราให้หมดด้วย อย่าให้ภูตพวกนั้นรู้ ถ้าเกิดทุกอย่างล่าช้าเกินไป หัวหน้าคงจะไม่ไว้ชีวิตเรา”