บทที่ 20 เข้าพบคณบดี ไอวิก้า ลิฟวิงสโตน
บทที่ 20 เข้าพบคณบดี ไอวิก้า ลิฟวิงสโตน
~อาเรส~
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับความสามารถใหม่ของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ตัดสินใจหาอะไรกินเพราะฉันยังไม่ได้ทานอาหารเช้า ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังจะสั่งอาหารแต่กลับถูกกระหน่ำด้วยข้อความมากมายบนโทรศัพท์ของฉัน ทันทีที่ฉันเปิดดูพวกมันฉันก็พูดไม่ออก
รู้ว่าตัวเองจะดังแต่ไม่รู้ว่าจะโด่งดังได้ขนาดนี้…
ฉันกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งทวีป โดยในนวนิยายลิเวียจะเป็นผู้ได้รับความสนใจจากทั้งทวีป เพราะลิเวียเป็นคนที่สอบเข้าได้คะแนนสูงสุดและคะแนนรวมของเธอก็สูงกว่าปีอื่น ๆ อย่างไม่เคยมีในอดีต ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง
และไอล่า ยูจีนเป็นผู้สอบข้อเขียนได้คะแนนสูงสุดในนวนิยายเรื่องนี้
แต่ตอนนี้มีความผิดปกติเกิดขึ้นบดบังชื่อเสียงของพวกเธอและดึงความสนใจจากทั่วทั้งทวีปมาที่มัน
แน่นอนความผิดปกตินั้นคือฉันเอง ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจกับมันดีไหม เพราะการได้รับความสนใจมากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี
ฉันส่ายหัวและออกจากความคิดของตัวเองและตัดสินใจที่จะกินแซนวิชที่พึ่งสั่งมาให้เสร็จในขณะที่ตรวจสอบข้อความในโทรศัพท์ไปด้วย ข้อความแสดงความยินดีง่ายๆ จากเอจิส, มิกะและเอเลน่าสำหรับความสำเร็จของฉัน และมีเนื้อหาเพิ่มเติมในข้อความของมิกะแต่ฉันอ่านผ่านๆ ไม่นานฉันก็เก็บข้าวของจากห้องพักของฉันซึ่งมีไม่มากนัก เพราะฉันเก็บของใช้จำเป็นส่วนใหญ่ไว้ในพื้นที่มิติ เพราะตอนนี้ฉันจะย้ายไปอยู่หอพักที่จัดไว้สำหรับนักเรียนชั้นพิเศษ
ฉันตรวจสอบห้องของฉันเป็นครั้งสุดท้ายและเดินออกไป เพราะเป็นเวลาเย็นแล้วนักเรียนคนอื่น ๆ จึงย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักของตนเรียบร้อยแล้ว…
ขณะที่ฉันออกจากห้องที่จัดไว้ชั่วคราว และกำลังเดินไปตามโถงทางเดินอยู่นั้น ฉันก็สังเกตุเห็นใครบางคนสวมชุดแม่บ้านเดินเข้ามาหาฉัน และในไม่ช้าเธอก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉันและพูดว่า
“อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์ คณบดีเรียกหาเจ้าและกำลังรอการมาเยี่ยมของเจ้า ดังนั้นโปรดตามข้ามา” เธอพูดอย่างมีอำนาจราวกับว่าเธอไม่ยอมรับคำปฏิเสธ และแน่นอนฉันต้องไปหาคณบดีถ้าเธอเรียกฉันไปพบ
ฉันเดินตามเธอไปโดยไม่พูดอะไร และในไม่ช้าเราก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคณบดี แม่บ้านเคาะประตูแล้วพูดว่า
“นายหญิง อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์ อยู่ที่นี่ตามคำสั่งของท่านแล้วเจ้าค่ะ” เธอกล่าว
“ให้เขาเข้ามาแล้วเจ้าทำงานต่อได้” เสียงอันไพเราะดังมาจากภายในของประตู
เมื่อได้ยินคำตอบนั้นสาวใช้ก็เปิดประตูให้ฉันแล้วผ่ายมือเชิญให้ฉันเข้าไป ฉันจึงผงกศีรษะไปหาเธอและเดินเข้าไปข้างใน
ทันทีที่ฉันเข้าไปในห้องทำงานของคณบดี ฉันพบกับการตกแต่งภายในที่สะอาดเป็นระเบียบและเรียบง่าย ไม่ใช่ห้องทำงานหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างที่ฉันคิดไว้ และไม่ไกลนักฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะ แต่ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวที่มีลักษณะคล้ายม่านบางอย่างเพื่อปิดบังใบหน้าของเธอ
เธอเป็นคณบดีของสถาบันการศึกษาโซเรห์, ไอวิก้า ลิฟวิงสโตน …
ในไม่ช้าเธอก็กวักมือเรียกฉันไปนั่งอีกฝั่งของโต๊ะตรงข้ามกับเธอ ฉันผงกศีรษะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะและเผชิญหน้ากับเธอ
เราทั้งคู่เงียบไปสองสามวินาทีจากนั้น ไอวิก้าก็พูดขึ้น
“ให้ข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไร” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ แต่ฉันรู้ดีกว่าคำถามของเธอนั้นไม่ง่ายเลย…
เพราะเธอไม่ได้ถามชื่อปัจจุบันของฉัน แต่ถามชื่อจากโลกที่แล้ว ทำฉันสรุปอย่างนั้นนะหรือ
มันเป็นเรื่องง่ายเพราะไอวิก้ามีทักษะบางอย่างที่สามารถมองผ่านจิตวิญญาณของบุคคลนั้นเพื่ออ่านความรู้สึกของบุคคลดังกล่าวได้ เพียงแค่แสดงสีต่างๆ ให้เห็นตามอารมณ์ต่างๆ เช่น ถ้ามีคนมีเจตนาไม่ดีต่อเธอ เธอจะเห็นสีแดง ใกล้ใจคนนั้น…
แต่ในสถานการณ์ของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอเห็นอะไร หรือฉันแค่คิดมากเกินไป?
ฉันออกจากความคิดและตอบเธอว่า
“อาเรส” ฉันตอบ
“หืม ชื่อปัจจุบันของเจ้าเหมือนกับชื่อก่อนหน้าของเจ้างั้นหรือ?” เธอถาม
เมื่อได้ยินคำถามของเธอ ฉันรู้ว่าความสงสัยของฉันเป็นจริง ฉันตกใจมากและกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไป…
และหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉันก็เงยหัวขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาของไอวิก้าที่จ้องมองมาจากใต้ม่านหมอกของเธอ…
“หืม เจ้าคิดว่าข้าอ่านใจได้ ใช่หรือป่าว?”
ฉันรู้สึกประหลาดใจอีกครั้งและพูดไม่ออกเมื่อเห็นเธอตีเป้าถูกทุกข้อ แม้แต่การที่ฉันสงสัยว่าเธอสามารถอ่านใจได้…
“ไม่ ข้าอ่านใจไม่ได้” เธอพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ
"........ "
“แค่ว่าใบหน้าของเจ้าอ่านออกง่ายเกินไป” เธอกล่าว
ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันรู้สึกหนักใจกับคำถามของเธอ จนลืมที่จะเก็บหน้านิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของฉันเอาไว้…
"ก่อนข้าจะตอบ ท่านบอกข้าอย่างหนึ่งสิ... ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ามาจากต่างโลก" ฉันถามเธอเพราะไม่คิดว่าเธอจะรู้จักฉันแค่ใช้ทักษะของเธอ
"อย่างแรก ข้าสงสัยหลังจากที่ได้เห็นเจ้าใช้ธาตุของเจ้าระหว่างการสอบเข้า เนื่องจากเจ้าเป็นที่รู้กันดีว่ามีร่างกายที่ไร้มานา
และประการที่สอง ข้ามีทักษะที่ช่วยให้ข้าเห็นอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ของคนๆ หนึ่งผ่านจิตวิญญาณของพวกเขา และเมื่อข้าใช้ทักษะของข้ากับเจ้า ทักษะของข้าถูกปิดกั้นราวกับมีบางอย่างจำกัดไม่ให้ข้ามองผ่านเจ้า หรือจิตวิญญาณของเจ้าอาจแข็งแกร่งเกินไป ถ้าในกรณีหลังนั่นหมายความว่าเจ้ากำลังใช้ธาตุของเจ้าโดยใช้แหล่งวิญญาณที่อยู่ในตัวเจ้า มันเป็นของโลกอื่น
และประการที่สาม ข้าได้รับการยืนยันจากกลุ่มดาวที่สนับสนุนข้า และกลุ่มดาวของข้ายังบอกข้าด้วยว่าเจ้าอาจรู้อนาคตก็เป็นไปได้" เธออธิบาย…
"'......... "'
ข้อแรกและข้อสองฉันคาดคิดไว้อยู่แล้ว แต่พอรู้ว่าเธอได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มดาว ผมก็รู้สึกสับสนและตกใจทันที เพราะมันยังเร็วเกินไปที่เธอจะได้รับเลือกจากกลุ่มดาวเมื่อเทียบกับในนิยายแล้ว
“ท่านคือผู้ถูกเลือกงั้นหรือ” ฉันถาม
เธอพยักหน้ายืนยัน
ผู้ถูกเลือกคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเลือกโดยกลุ่มดาวให้เป็นอวตารของพวกเขา และในทางกลับกัน พวกเขาสามารถยืมพลังบางอย่างจากกลุ่มดาวของพวกเขามาใช้ได้
ฉันครุ่นคิดกับตัวเองอยู่สองสามนาที และไอวิก้าก็ไม่รบกวนฉันเช่นกัน
แต่จากความคิดของฉัน ฉันตอบคำถามก่อนหน้านี้ของเธอ
"ข้าไม่คิดว่าข้าสามารถพูดได้ว่าข้ารู้อนาคต แต่รู้เหตุการณ์ในอนาคตบ้างบางเหตุการณ์"
เมื่อได้ยินคำตอบของฉันเธอก็พูดอีกครั้งว่า
"ใช่แล้ว อนาคตไม่คงที่ เพราะมันจะเปลี่ยนทุกวินาที เช่นเดียวกับที่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่และคาดเดาไม่ได้ในอนาคต"
ฉันได้ยินเธอพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า
"เรียกว่าผีเสื้อขยับปีก...."
เธอพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากหยุดชั่วครู่ ฉันตัดสินใจมาถึงประเด็นหลัก
“ท่านเรียกหาข้าเพื่อทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตงั้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำถามของฉัน เธอส่ายหัวและพูดว่า
“ถึงข้าจะอยากรู้เหมือนกัน แต่เจ้าคงตอบข้าไม่ได้”
“หือ ทำไมล่ะ” ฉันมองไปทางเธอด้วยความงุนงง
“เจ้าไม่สามารถเปิดเผยอนาคตให้ใครรู้ได้ และเจ้าไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับตัวตนเดิมของเจ้ากับใครได้เช่นกัน เพราะเจ้าจะได้รับการตอบโต้อย่างรุนแรงจากมัน หรือแย่กว่านั้นเจ้าอาจถูกสาปแช่ง ไม่เพียงเท่านั้นแต่คนที่ได้ยินคำพูดของเจ้าก็จะได้รับผลกระทบบางอย่างด้วย”
“แต่ท่านรู้เกี่ยวกับตัวตนก่อนหน้าของข้า และท่านก็รู้ด้วยซ้ำว่าข้ารู้อนาคต แล้วทำไมท่านถึงไม่ตอบโต้อะไรเลยล่ะ” ฉันถาม
“ข้าไม่ได้รู้อะไรจากเจ้าเลย ข้าแค่คิดเอาเอง แน่นอนว่าการได้ยินชื่อเดิมของเจ้าเป็นการเสี่ยงโชค ถ้าชื่อเดิมของเจ้าแตกต่างจากชื่อปัจจุบันของเจ้า เราทั้งคู่จะต้องประสบกับผลกระทบฟันเฟืองแห่งโชคชะตาอย่างรุนแรง”
ฉันพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเธอพูดถึงการพนันกับชีวิต
"'.....'"
“แล้วเหตุใดท่านจึงเรียกข้ามา” นางถาม
“อืม ข้าจะพูดยังไงดี ถ้าเจ้ารู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตแล้ว.....เจ้าก็น่าจะรู้จักตัวจริงของข้าด้วยไม่ใช่เหรอ?” เธอถามด้วยความลังเลใจ
เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน เพราะแน่นอนว่าฉันรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอ เธอค่อนข้างมีบทบาทสำคัญในนวนิยายเรื่องนี้
เห็นฉันยิ้มเธอจึงพูดว่า
“ข้าเสนอข้อตกลงที่เราทำร่วมกันในลักษณะ ข้าจะช่วยเจ้าจัดการกับปัญหาในอนาคตของเจ้า ตราบใดที่มันอยู่ในความสามารถของข้า และเจ้าก็ทำเช่นเดียวกันกับข้า เพราะข้าคิดว่าเจ้าคงรู้เกี่ยวกับปัญหาของข้าแล้ว และข้าคิดว่าเจ้าก็น่าจะรู้วิธีแก้ปัญหาของข้าด้วยเช่นกัน เจ้าคิดว่าข้อตกลงนี้เป็นไงบ้าง”
“ท่านวางแผนไว้หมดแล้วตั้งแต่แรกใช่ไหม แต่ข้าไม่ทำข้อตกลงกับคนที่ไม่แม้แต่จะเปิดเผยใบหน้าหรอก” ฉันพูดกับเธอเพราะฉันค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอ ในนิยายมีคำอธิบายที่คลุมเครือเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอไว้เท่านั้น…
“อืม มันไม่ใช่ว่าข้าต้องการปกปิดรูปร่างหน้าตาของข้า เพราะเจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าทำไมข้าถึงปิดหน้า เจ้ารู้เหตุการณ์ในอนาคตแล้วนิ” เธอถอนหายใจและขจัดหมอกที่ปกคลุมใบหน้าของเธอออก
'"....... "'
ทันทีที่ฉันสบตากับเธอ ฉันก็ต้องตกตะลึงในความงามที่มากล้นของเธอ…
'เธอมีผมสีแดงกับดวงตาสีเขียวใสที่ชวนหลงใหลและใบหน้าที่เย้ายวนใจอย่างยิ่ง พร้อมกับริมฝีปากสีแดงที่ชวนสัมผัส บวกกับเรือนร่างยั่วยวนที่น่าหลงใหลของเธอ'
'.....ความงามที่สามารถก่อสงครามได้นั่นคือคำอธิบายของเธอในนวนิยาย
***************