บทที่ 141: ร่างบอบบางนี้จะทนไหวได้อย่างไร?
หูเจียวเจียวกำลังจดจ่ออยู่กับการอธิบายวิธีการสร้างบ้านหินให้พวกโหวเสี่ยวเตียวฟัง ทันใดนั้นก็มีชามน้ำปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
สายตาเลื่อนไปตามมือที่ยื่นมาจากด้านข้างก่อนจะเห็นใบหน้าสุขุมของหลงโม่กำลังมองมาที่ตน
“ถ้าเจ้าเหนื่อยก็พักก่อน”
ชายหนุ่มกล่าวพลางส่งน้ำไปใกล้ริมฝีปากของจิ้งจอกสาวอีกครั้ง ในขณะที่ทำท่าให้เธอดื่ม เขาก็เบียดโหวเสี่ยวเตียวกับภูตคนอื่นออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า และแทรกตัวเข้าไปคั่นกลางระหว่างเธอกับพวกเขา
ทำไมวันนี้เจ้าจอมวายร้ายทำตัวแปลก ๆ?
“ขอบ…ขอบคุณ” เมื่อหูเจียวเจียวได้มองใบหน้าหล่อเหลาของหลงโม่ในระยะใกล้ หูของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
หญิงสาวยอมรับชามน้ำมาดื่ม ก่อนจะรีบดื่มน้ำในชามอย่างรวดเร็วจนหมดราวกับต้องการปกปิดความรู้สึกของตนเอง
พอมังกรหนุ่มเห็นว่าจิ้งจอกสาวไม่ปฏิเสธ ดวงตาของเขาก็ฉายประกายแวววาว จากนั้นเขาก็รุกคืบต่อไปอีกครั้ง
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ แล้วค่อยสร้างต่อในวันพรุ่งนี้”
ในตอนที่นางอธิบายงานเมื่อครู่นี้ นางยืนอยู่ใกล้พวกผู้ชายมาก และมือของทั้ง 2 ฝ่ายเกือบจะสัมผัสกัน! ถ้าเขาไม่ออกตัวมายืนขวางไว้ เขาก็กลัวว่าพรุ่งนี้ลูกจะมีพ่อเพิ่มอีก
ทางด้านหูเจียวเจียวชำเลืองมองความคืบหน้าที่สำเร็จมากเกินที่คาดไว้จึงพยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง”
ในการสร้างบ้านหินครั้งนี้เธอไม่ได้เร่งรีบมาก แม้ว่าเหล่าภูตจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็เหน็ดเหนื่อยและหมดแรงได้เหมือนกัน
“เอ่อ...” ทว่าโหวเสี่ยวเตียวเกาหัวพลางเอ่ยแย้งขึ้นมาว่า “แต่ตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจ...”
หลงโม่ชำเลืองมองคนพูดอย่างเย็นชา “ด้วยสมองของเจ้า วันนี้เจ้าก็คงยังทำความเข้าใจไม่ได้หรอก”
“ว่าไงนะ? นี่เจ้าหาว่าข้า—”
ลิงหนุ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิด และเขากำลังจะปฏิเสธ แต่เขายังพูดไม่ทันจบ เขาก็ถูกภูตตาคมที่อยู่ข้างหลังหยุดไว้ก่อนและขยิบตาให้ตนเอง
“ช่างเถอะ ๆ โหวเสี่ยวเตียว เราค่อยกลับมาทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้”
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็พยักหน้าลาหลงโม่กับหูเจียวเจียว
“งั้นเราไปก่อนนะ”
ก่อนที่โหวเสี่ยวเตียวจะทันได้ตอบสนอง เขาก็ถูกคนอื่นดึงออกไปเสียแล้ว
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของพวกเจ้าในวันนี้นะ… หลงโม่ เจ้ารีบกลับบ้านหรือ?” จิ้งจอกสาวเพิ่งโบกมือให้เหล่าคนทำงานที่กำลังลับสายตาไป จากนั้นเธอก็หันมาถามมังกรหนุ่ม
“ข้าอยากกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อย” ชายร่างสูงเฝ้ามองปฏิกิริยาของพวกภูตชาย และพูดอ้างด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“นั่นสินะ วันนี้ข้าเหนื่อยมาก” หูเจียวเจียวไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ พลางพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นเธอก็หันไปมองหลงโม่ “เจ้าก็ทำงานหนักเหมือนกัน เดี๋ยวข้าทำอาหารให้เจ้าเอง!”
ในเร็ว ๆ นี้เธอจะมีบ้านหลังใหม่แล้ว ตลอดเวลาที่ทำงานกัน เธอมีแต่ความตื่นเต้นจนไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับงานที่ได้ทำเลยสักนิด อีกทั้งตอนนี้ร่างกายของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มมองดูเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นจากหน้าผากของหญิงสาว ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นหมายจะเช็ดเหงื่อให้เธอ แต่เมื่อเห็นฝุ่นสกปรกเกาะบนมือของตัวเอง เขาจึงหยิบชามเปล่าที่อยู่ในมืออีกฝ่ายมาแทน
ทางด้านจิ้งจอกสาวตื่นเต้นมากจนเธอไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของคนตัวสูง
“ไม่ต้อง เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะจัดการเหยื่อเอง” หลงโม่ถอนมือออกแล้วมองไปที่ลู่เมียนเอ๋อซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล “มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตามหาเจ้าอยู่”
วันนี้จิ้งจอกสาวยุ่งทั้งวัน ถ้านางยังต้องทำงานต่อไป ร่างบอบบางของนางจะทนไหวได้อย่างไร
ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังจะตอบเขาว่าไม่เป็นไร เธอก็หันไปเห็นลู่เมี่ยนเอ๋อกำลังยืนห่างออกไปไม่ไกล ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร หลงโม่ก็หยิบชามเดินหนีไปก่อนแล้ว
...
ในป่าอีกด้านหนึ่ง
“เจ้าจะดึงข้าไปไหนเนี่ย!” โหวเสี่ยวเตียวถามอย่างไม่พอใจเมื่อเขาถูกปล่อยตัวหลังจากเดินออกจากสถานที่ก่อสร้างมาไกลแล้ว
“เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่เห็นดวงตาของหลงโม่หรือไง มันกำลังจะพ่นไฟอยู่แล้ว เจ้ายังจะรั้งอยู่ที่นั่นอีกทำไม เจ้าอยากตายรึ?”
ภูตชายคนหนึ่งจ้องมองเขา ชายหนุ่มคนนี้ฉลาดและขยันทำงานมาก เขาจะตอบสนองช้ากับเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?
“อะไรนะ หลงโม่จะพ่นไฟหรือ?” ดวงตาของโหวเสี่ยวเตียวเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“...”
ภูตหลายคนที่อยู่ใกล้เคียงพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เจ้าหมอนี่จับประเด็นผิดจุดไปหน่อยไหม?
“หลงโม่พูดถูก วันนี้สมองของเจ้าเข้าใจอะไรยากจริง ๆ เจ้ารีบกลับไปเถอะ ถึงบ้านแล้วก็ไปกอดคู่ของเจ้าแน่น ๆ ล่ะ”
ต่อมา เหล่าภูตชายเดินเรียงมาตบไหล่ลิงหนุ่มกันทีละคน พวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง และแยกย้ายกลับบ้านของตน
โหวเสี่ยวเตียวที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวกำลังสับสนหนักมาก
“หลงโม่สามารถพ่นไฟได้ด้วยหรือ? ทำไมข้าไม่รู้...”
ชายหนุ่มเกาหัวงุนงง พลางพึมพำคุยกับตัวเองตลอดทางกลับบ้าน
...
“ลู่เมี่ยนเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” หูเจียวเจียวมองหน้านางเอกสาวอย่างสงสัย
ขณะนั้นกวางสาววางชามน้ำและเดินไปที่ด้านข้างของอีกคน
“หู่จิงกับข้าอยากมาดูว่ามีอะไรที่เราสามารถช่วยได้บ้างไหม”
ทันใดนั้นจิ้งจอกสาวก็ทำหน้าสงสัย “หู่จิงก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
เสือสาวมีน้ำใจขนาดนี้เลยหรือ?
“ใช่ แต่นางแยกตัวออกไปทำธุระบางอย่าง” ลู่เมี่ยนเอ๋อผงกหัว นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของสหายคนสนิทต่อหน้าหูเจียวเจียว
“อันที่จริง... หู่จิงเป็นคนดีมาก นางเอาใจใส่และห่วงใยคนที่นางผูกพันธ์ด้วยมาก แต่นางอาจจะดูดุไปหน่อย ถ้าหู่จิงไม่ดูแลข้ามา ป่านนี้...”
ขณะที่หญิงสาวกำลังพูด นางก็นึกขึ้นมาได้ว่าหู่จิงเคยดุแม่จิ้งจอกหลายครั้ง และนางก็หยุดสิ่งที่กำลังจะพูดต่อทันที
กวางสาวได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรต่อเพราะกลัวว่ามันจะไปสะกิดแผลในใจของอีกฝ่าย
แต่หูเจียวเจียวไม่รู้ว่าอีกคนกำลังจะพูดอะไร เนื่องจากหู่จิงเคยทะเลาะกับเธอมาหลายต่อหลายครั้ง
หากจะพูดให้ถูกก็คือ คนที่ถูกกำราบนั้นคือเจ้าของร่างเดิม ไม่ใช่ตัวเธอ
“ข้ารู้ว่านางเป็นคนใจดี” หญิงสาวโบกมือให้ผู้เป็นนางเอกเพื่อบอกว่าตนไม่ได้เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ
ลู่เมี่ยนเอ๋อไม่คาดคิดมาก่อนว่าหูเจียวเจียวจะไม่รังเกียจที่หู่จิงเคยปฏิบัติไม่ดีกับตนเองมาก่อน ดวงตาของนางพลันสว่างขึ้นราวกับมีน้ำพุกำลังพวยพุ่งอยู่ภายใน และความชื่นชมที่นางมีต่อจิ้งจอกสาวนั้นก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“ใช่แล้ว” จู่ ๆ กวางสาวก็ลดเสียงลง และรอยยิ้มที่มีความหมายแฝงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของนาง “เจียวเจียว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลงโม่ที่เคยเย็นชากับเจ้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างอบอุ่นและอ่อนโยนแบบนี้”
นางคิดว่ามังกรหนุ่มไม่สนใจคนรอบข้างเลย
“อบอุ่นและอ่อนโยนงั้นหรือ? ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?” ใบหน้าของหูเจียวเจียวเต็มไปด้วยความสงสัย
ลู่เมี่ยนเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง “แน่นอน เขาเหมือนกับอิงหยวน แม้ว่าปกติเขาจะเป็นคนจริงจัง แต่ข้าบอกได้เลยว่าเขามองเจ้าแตกต่างจากคนอื่น”
“ข้าคิดว่าพวกเจ้า 2 คนเข้ากันได้ดี”
“จะเป็นไปได้ยังไง...” จิ้งจอกสาวโพล่งออกมา
ถึงแม้ว่าเจ้าจอมวายร้ายจะไม่เกลียดเธอเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาจะชอบเธอได้อย่างไร? เจ้าของร่างเดิมเคยทำอะไรที่ไม่น่าให้อภัยกับเขามาตั้งมากมาย
นอกเสียจากว่า...
หญิงสาวคิดอยู่เสมอว่าจะจัดการเปลี่ยนความคิดของพ่อวายร้ายมาโดยตลอด แต่เธอไม่ได้คิดที่จะเป็นคู่ที่แท้จริงกับเขา สิ่งที่เธอต้องการก็คือการเอาชีวิตรอดจากชะตากรรมอันโหดร้าย!
เธอไม่กล้าคิดเป็นอย่างอื่นเลยจริง ๆ
“ข้ามองไม่ผิดหรอกเจียวเจียว” ลู่เมี่ยนเอ๋อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเขินอายจึงพูดต่อด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ลูกของเจ้าก็โตกันมากแล้ว บางทีครอบครัวของเจ้าอาจจะมีลูกเพิ่มอีกสักหน่อยในฤดูหนาวนี้”
คำพูดของนางเอกสาวรบกวนความคิดของหูเจียวเจียวทันที
ในตอนนั้นเอง หู่จิงก็เดินเข้ามาสมทบกับพวกเธอ
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่นี่เอง”
เสือสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะในที่สุดนางก็สลัดเจ้าเด็กเหลือขอพวกนั้นออกไปได้ ทว่าจู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลดังมาจากข้างหลังตนราวกับปีศาจร้าย
“ท่านแม่~”
หู่จิงหันไปเห็นเด็ก 4 คนเดินตามตัวเองมาติด ๆ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษภัยของพวกเขา หน้าของนางก็แดงก่ำทันที ทำไมเจ้าเด็กพวกนี้ถึงตามนางมาที่นี่?