ตอนที่ 7 เรียนรู้การแลกเปลี่ยน
ลิธได้อ่านอย่างจริงจังจนลืมไปว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน เมื่อเขาถูกนานะจับได้คาหนังคาเขาก็ตกใจจนเผลอส่งเสียงออกมา “อ๊ะ!”
“ข้าคิดว่าข้ารู้จักเจ้าตัวแสบทุกคนแต่ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลย เจ้าชื่ออะไรล่ะเจ้าหนู?”
“ข้าชื่อลิธ แล้วท่านล่ะ?” เขาตอบในขณะที่ทำตาเหมือนลูกสุนัข ในตอนนี้นั้นนานะกำลังอยากรู้อยากเห็นมากกว่าโกรธ
ลิธ? เจ้าหมายถึงปีศาจตัวน้อยของเอลิน่างั้นหรอ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน ก็ตอนนั้นเจ้าพึ่งจะเกิดนี่นะตอนที่ข้าเคยเจอเจ้า
การปรากฏตัวของนานะทำให้การพูดคุยเม้าท์มอยหยุดลง ผู้หญิงบางคนอยากถามเธอว่าต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะถึงตาพวกเธอ ในขณะที่คนอื่นกำลังอยากรู้คำตอบเอลิน่าก็ได้กระโดดออกมาจากเก้าอี้ของเธอแล้วขอโทษแทนลิธ
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษไปหรอเอลิน่า” นานะกล่าว “มันไม่มีอันตรายอะไร แล้วเจ้าปีศาจตัวน้อยนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับหนังสือในขณะที่เขาเล่นกับมัน”
“ใช่ท่านแม่ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก” ลิธเกลียดการที่มีคนพูดถึงเขาเหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น “และข้าก็ไม่ได้กำลังเล่น ข้ากำลังอ่าน”
“อ่าน? เจ้าหนูอายุเท่าไหร่แล้วนะ? สามขวบกว่า ๆ ใช่ไหม? ถ้านี่เป็นเรื่องตลกมันก็ไม่ตลกเลยซักนิด ข้าไม่คิดเลยว่าลูกคนหนึ่งของเอลิน่าจะเป็นเด็กขี้โกหก”
“เขาไม่ได้โกหก ในช่วงพายุครั้งล่าสุดลิธรู้สึกเบื่อดังนั้นเขาจึงขอให้พ่อของเขาสอนเขาถึงวิธีอ่าน เขียน และวิธีนับ” นี่คือหลักฐาน เอลิน่าส่งไม้บรรทัดที่ทำมาจากไม้ให้กับนานะ
การโต้แย้งของเอลิน่าทำให้เธอประหลาดใจ หลังจากศึกษาไม้บรรทัดแล้ว นานะก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเครื่องมือเพื่อการเรียนรู้ที่ชาญฉลาดจริง ๆ
“ช่วยบอกสามีเจ้าด้วยว่าสิ่งนี้เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ เขาสามารถขายมันให้กับอาจารย์ฮาเวลล์ได้นะ”
เอลิน่าไม่ยอมให้เธอเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาจนกว่าเธอจะขอโทษที่บอกว่าลูกของเธอเป็นเด็กขี้โกหก
“ราซไม่ได้เป็นคนคิดมัน ลิธเป็นคนที่คิดมันขึ้นมาเพื่อที่เขาจะได้เรียนด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องรบกวนใคร”
ความเชื่อมั่นของนาน่าได้รับความกระทบกระเทือนจากสิ่งที่เอลิน่าพึ่งจะพูดออกมา แต่เนื่องจากความภาคภูมิใจของเธอเธอจึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการขอโทษ แต่นั่นก็หมายความว่าถ้าเอลิน่าเป็นฝ่ายโกหกต่อหน้าคนมากมายพวกนี้ เธอก็จะเป็นคนที่ทำร้ายชื่อเสียงของครอบครัวของเธอเอง
“ถ้างั้นเจ้าหนู เจ็ดคูณหกเท่ากับเท่าไหร่?”
“สี่สิบสอง”
นานะหยิบหนังสือจากมือของลิธมาแล้วเปิดหน้าหนึ่งขึ้นมาแบบมั่ว ๆ จากนั้นเธอก็ส่งมันคืนให้กับเขา
“มันเขียนว่าอะไรบ้าง เริ่มจากด้านบนของหน้า”
ลิธกลั้นยิ้ม “สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจในขณะที่ศึกษาเวทมนตร์คือมันเป็นเพียงแค่เครื่องมือ ทุกคนสามารถใช้มันได้แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้งานมันได้อย่างถูกต้อง ในความจริงแล้ว...”
“โอเคพอแล้ว ข้าติดค้างคำขอโทษของลิธ” แต่เธอก็พูดในขณะที่มองไปที่เอลิน่า “ดูเหมือนว่าลูกชายของเจ้าได้รับพรจากแสงสว่างอย่างแท้จริง”
ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขาทั้งหมดพูดคุยในหัวข้อเดียวกัน
“พรจากแสงสว่าง นานะหมายถึงอะไร? นั่นไม่ใช่แค่เทพนิยายหรอกหรอ?”
“ข้าหวังว่าลูกชายของข้าจะฉลาดแบบนั้นบ้าง แค่การส่งเขาไปโรงเรียนทุกเช้าก็เหมือนกับการต้องไปทำสงครามแล้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงผลการเรียนนะ!”
นั่นคือความคิดเห็นที่ได้ยินบ่อยที่สุด
ลิธต้องการตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อน
“ข้าขอ…” ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าเขายังไม่รู้จักคำว่ายืม “เอามันไปซักพักได้ไหม ข้าจะเอามันมาคืนแน่ ข้าสัญญา”
“แล้วเจ้าจะเอามันไปทำอะไร? เจ้าใช้เวทมนตร์ได้งั้นรึ?” คำตอบของนานะปกติแล้วจะไม่ใช่แบบนี้ แต่เนื่องจากวันนี้เธอได้ประหลาดใจมามากพอแล้วดังนั้นเธอจึงไม่อยากเสียดสีอีกต่อไป
“ใช่ข้าใช้เวทมนตร์ได้” ลิธตอบก่อนที่จะตระหนักถึงความผิดพลาดของเขา
‘ฉันนี่มันงี่เง่าจริง ๆ! ฉันพึ่งจะเปิดเผยความลับของฉัน! หลายปีที่วางแผนมาอย่างรอบคอบต้องถูกทำลายเพราะความปากมากของฉัน สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือไม่ทำให้มันเลวร้ายไปกว่านี้’ เขาคิด
“จริงหรอ? แล้วเจ้าทำอะไรได้บ้างล่ะ?”
“ใช่แล้วลิธ เจ้าทำอะไรได้บ้างล่ะ?” เอลิน่าดุ เท้าขวาของเธอตบพื้นด้วยความโกรธ ลิธรู้ว่าเขามีปัญหาแล้ว
ข้าสามารถใช้เวทมนตร์งานบ้านธาตุลมและธาตุน้ำได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษหน่อย ๆ ในขณะที่มองไปที่รองเท้าของตัวเอง
“ข้าขอโทษ ท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านห้ามไม่ให้ข้าฝึกเวทมนตร์ แต่คนอื่น ๆ ในบ้านมักจะใช้มันและข้าก็เบื่อมาก”
เสียงพูดคุยดังขึ้น ในตอนนี้เอลิน่าโกรธจริง ๆ แต่เธอไม่อยากดุเขาในที่สาธารณะ ไม่ใช่ในตอนที่พวกเขากำลังถูกจ้องมองด้วยความชื่นชม
‘นานะดูเหมือนจะประทับใจจริง ๆ บางทีนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของลิธ ถ้าเธอรับเขาเป็นลูกมือของเธอเราก็อาจจะมีผู้รักษาในครอบครัวของเรา ข้าไม่สามารถทำลายโอกาสนี้ได้’ เธอคิด
เอลิน่ายังคงนิ่งเงียบ และครุ่นคิดเกี่ยวกับอนาคตลูกชายของเธอ
“เจ้าช่วยแสดงให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?” นานะถามเขา และเธอก็พึ่งจะยิ้มเป็นครั้งแรก
‘ไหน ๆ ก็พลาดไปแล้วฉันคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ’ ลิธคิด
“Brezza!”
ลิธหมุนนิ้วกลางและนิ้วชี้ของเขาสองครั้งเพื่อสร้างลมหมุนเล็ก ๆ จำนวนมากที่เขาเคยใช้มันกวาดห้อง เขาแกล้งทำเป็นเสียการควบคุมเป็นครั้งคราว เป้าหมายของเขาคือการสร้างความประทับใจไม่ใช่การโอ้อวดหรือทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“โอ้! โอ้! โอ้!” นานะหัวเราะด้วยความชื่นชม เธอมองเห็นตัวเองในเจ้าปีศาจตัวน้อยนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นานะเองก็เคยเป็นเด็กเหลือขอที่แก่แดดแบบนี้ในตอนที่เธออายุเท่าเขา แม้ว่าพรสวรรค์ของเธอจะดีกว่าลิธ แต่ลิธก็ยังถือว่ามีพรสวรรค์
โดยปกติแล้วผู้ชายจะมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์น้อยกว่า เนื่องจากผู้หญิงมักจะเกิดมามีความสอดคล้องกับพลังชีวิตของโลกมากกว่าโดยธรรมชาติ ซึ่งบางคนอาจจะเรียกมันว่าพลังงานโลก บางคนก็เรียกมันว่ามานา
นอกจากนี้เด็กผู้ชายมักจะหัวทึบมากกว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะทำงานในทุ่งนาหรือในกองทัพมากกว่าใช้เวลาหลายปีกับหนังสือ
“ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าทำอะไรบางอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถเสกน้ำได้ใช่ไหม”
ลิธพยักหน้าตอบรับ
“ลองเสกน้ำออกมา ไม่สำคัญว่ามันจะเยอะแค่ไหน แต่เจ้าต้องไม่ปล่อยให้มันล่วงลงไป เจ้าต้องทำให้มันลอยไว้เช่นนี้” น้ำขนาดเท่ากำปั้นที่มีลักษณะทรงกลมอย่างสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นห่างออกมาจากมือของนานะครึ่งเมตร
ลิธไม่สามารถเข้าใจเหตุผลของคำที่ขอเฉพาะเจาะจงแบบนี้ได้ แต่เขาก็ทำตามที่เธอบอก
“Jorun!” เขาใช้เวทมนตร์เสกน้ำออกมาได้น้อยกว่าความจุของแก้วเล็กน้อยและเขาก็ทำให้รูปร่างของน้ำไม่สมบูรณ์และไม่เสถียร จากนั้นลิธก็ไม่พยายามสร้างความผิดพลาดอีกต่อไป แต่เขาโฟกัสไปที่การทำให้เขาดูเหมือนขาดความสามารถในการควบคุมมานาแทน
ก้อนน้ำลอยอยู่เป็นเวลาสามวินาทีก่อนที่มันจะล่วงลงมา แต่แทนที่มันจะกระแทกกับพื้นมันกลับเริ่มลอยขึ้นมาอีกครั้ง แล้วรูปร่างก็กลายเป็นทรงกลมที่สมบูรณ์แบบจากนั้นมันก็ลอยไปโคจรรอบคาถาของนานะเหมือนกับดวงจันทร์ที่กำลังโคจรรอบโลก
ลิธตกตะลึงแต่มันไม่ได้มีเหตุผลมาจากการควบคุมของมานาของนานะ เพราะเขาเองก็สามารถแบบนั้นได้เหมือนกัน เผลอ ๆ ยังทำได้ดีซะกว่า
เขาไม่สามารถละสายตาของเขาจากเหตุการณ์ที่เกิดต่อหน้าเขาได้ เนื่องจากตอนที่ก้อนน้ำทั้งสองกำลังหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง พวกมันก็สะท้อนสภาพแวดล้อมของพวกเขาบนผิวของพวกมัน และแสงจากดวงอาทิตย์ที่ไปกระทบกับพวกมันก็ทำให้เกิดสายรุ้งขึ้นมา
ลิธเคยมองว่าเวทมนตร์เป็นพลังที่เขาฝันถึงมาโดยตลอด และก็เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างอนาคตของเขาด้วย แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะสวยงามได้ขนาดนี้
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปีที่ผ่านมาที่เขาไม่ได้แสร้งแสดงออก ครั้งนี้เขาประหลาดใจจริง ๆ เขาจ้องมองไปที่สายรุ้งที่กำลังเต้นระบำในขณะที่ความทรงจำในชีวิตเก่าของเขากำลังไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงช่วงเวลาที่ยังเป็นเด็ก เขาซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าจำลองพร้อมกับคาร์ลน้องชายตัวน้อยของเขา พวกเขาฝันว่าจะเป็นนักบินอวกาศเพื่อที่จะหนีไปยังดวงดาวที่ไม่มีใครมาทำร้ายพวกเขาอีก
และเช่นเดียวกับที่ความเศร้าโศกของเขากลับมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคาร์ล มันทำให้น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา
“ลิธ เจ้าเป็นอะไรมั้ย?” เสียงของเอลิน่าทำให้เด็กน้อยตื่นจากภวังค์
เมื่อตระหนักได้ว่าเขาอ่อนแอแค่ไหน ลิธจึงรู้สึกรังเกียจตัวเองอย่างมาก
‘น้ำก็เป็นแค่น้ำ ไม่จำเป็นต้องอ่อนไหวกับแค่การแสดงแสงสีขี้ปะติ๋ว แค่แข็งแกร่งขึ้นและทำตามแผนที่คิดไว้’ ลิธควบคุมตัวเองและปิดผนึกความรู้สึกทั้งหมดที่เขาเห็นว่าไร้ประโยชน์ ‘ฉันเจ็บปวดมามากพอแล้ว’ เขาคิด
“ข้าไม่เป็นไรท่านแม่ ข้าแค่รู้สึกอยากจะเรียกจากเวทมนตร์กับท่านยายเท่านั้น”
“ลิธข้ามีชื่อว่านีเรีย แต่ทุกคนเรียกข้าว่านานะ”
“ทำไมถึงต้องเป็นคำว่านานะ?” นานะมักเป็นคำที่ใช้เรียกคุณยายเพื่อแสดงความรักและความสนิทสนม
“เมื่อตอนที่ข้ายังเป็นสาวทุกคนก็เรียกชื่อของข้า แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปข้าก็ได้ช่วยให้เด็ก ๆ จำนวนมากให้ลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ จากนั้นมาพวกเขาก็เริ่มเรียกข้าว่าหม่าม้า หลังจากเวลาผ่านไปนานมากขึ้นเด็ก ๆ เหล่านั้นก็มีลูกเป็นของตัวเองและพวกเขาก็เริ่มเรียกข้าว่านานะ” ในระหว่างนั้นเธอก็ลูบหัวของลิธ
“ข้ามีข้อเสนอบางอย่างให้กับเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ายังเด็กเกินไป แต่เมื่อเจ้าอายุหกขวบแทนที่จะไปโรงเรียนพร้อมกับพวกหัวทึบเหล่านั้นเจ้าสามารถมาเรียนที่นี่แทนได้ เจ้าสามารถอ่านหนังสือเหล่านั้นได้มากเท่าที่เจ้าต้องการ และบางทีเข้าอาจจะได้เรียนรู้วิธีค้าขายด้วย”
ลิธเอียงศีรษะของเขา ไม่ได้ตอบไปในทันที
“ข้าไม่รู้ ข้าแค่ต้องการหนังสือ” เขาตอบขณะที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังแม่ ซึ่งสามารถมองเห็นหน้าของเขาที่โผล่มาข้างขาแม่ของเขาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เอลิน่าไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ความฝันของเธอเป็นจริงแต่ลิธนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเขาพึ่งจะปฏิเสธอะไรไป
“ข้าต้องขอโทษแทนเขาด้วยนานะ เขาอายุเพียงแค่สามขวบเขาไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไร เขาไม่ทราบถึงความสำคัญของการได้เป็นลูกมือ”
“สามขวบ” นานะพูดซ้ำ “มันเกือบจะดีเกินไปที่จะเป็นเรื่องจริง แต่เจ้าพูดถูกถ้าเขาต้องเลือกระหว่างทองคำและของเล่นเขาอาจจะเลือกอย่างหลัง”
“เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีในอีกสามปี” เธอคุกเข่าลงและมองเข้าไปในดวงตาของเขา
“ถ้าหากเจ้าไม่กลายเป็นพวกทึ่มเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านนี้ ข้าจะให้เจ้ามาเป็นลูกมือของข้า ถ้าตอนนั้นเจ้ายังสนใจเวทมนตร์และหนังสืออยู่ล่ะนะ”
ลิธพยักหน้าขณะที่จับชุดแม่ของเขา เพื่อให้เธอช่วยปกป้องเขา
เขาได้ซ่อนความโกรธเอาไว้ใต้การแสดงออกที่อ่อนแอและขี้กลัว
‘อีกสามปี? ตอนนั้นฉันคงอดอยากตายไปแล้ว! และทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ยัยแม่มดโลภ’ ลิธคิด ความหิวทำให้เขาหัวเสียเขาแทบจะกัดเธอเพื่อระบายความหงุดหงิดนี้ด้วยซ้ำ
‘ใจเย็นหน่อยดีเร็ก จดจำบทเรียนทั้งหมดของแกเอาไว้ เผชิญหน้ากับมันและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้แกเป็นอิสระ พลังเท่านั้นที่จะทำให้ครอบครัวของแกปลอดภัย’
---
papa ปะป๊า เรียกพ่อ
mama หม่าม้า เรียกแม่
nana นานะ เรียกยาย
ตอนพระเอกคิดในใจจะแทนตัวเองเป็น ‘ฉัน’ อยู่ เนื่องจากเพราะเอกก็มาจากยุคเดียวกับพวกเราอ่ะ ในอนาคตอาจจะเปลี่ยน ส่วนเวลาคุยจะแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ ให้เข้ากับบริบทของยุคสมัยที่อยู่