ตอนที่ 154: อารมณ์ที่ปะทุ!
ตอนที่ 154: อารมณ์ที่ปะทุ!
ตลอดบทสนทนาบอดี้การ์ดทั้งสองได้พูดคุยอย่างสุภาพ เซี่ยเฟยจึงแอบยื่นแบงค์ที่เขาได้เตรียมเอาไว้ให้บอดี้การ์ดอย่างเงียบ ๆ
วิธีการยัดเงินแบบนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมบนดาวโลก โดยแบงค์ที่เซี่ยเฟยมอบให้ไปเป็นแบงค์ใบละ 100,000 สตาร์คอยน์ที่ถูกพับเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ และซ่อนไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง มันจึงทำให้ในตอนที่เขาแอบยื่นแบงค์ออกไปไม่มีใครตรวจพบแบงค์พวกนี้อย่างแน่นอน
“ผมเป็นเพื่อนของแอวริลจริง ๆ แต่ผมเดินทางมาจากภูมิภาคดาวอื่นผมเลยไม่มีเวลานัดเธอก่อน ฝากพวกคุณช่วยแจ้งข้อความให้ผมหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับแอบยัดเงินใส่ในมือบอดี้การ์ดด้วยรอยยิ้ม
บอดี้การ์ดผมสั้นเริ่มสัมผัสถึงอะไรบางอย่างภายในมือและเมื่อเขาได้มองเห็นแบงค์ 100,000 จำนวน 2 ใบถูกพับเอาไว้อย่างเรียบร้อย มันก็ทำให้เขาตกใจจนตาโต
บอดี้การ์ดผมบลอนด์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็สังเกตเห็นธนบัตรในมือเช่นเดียวกัน เขาจึงแอบส่งสายตาให้กับสหายอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าอย่างรู้กัน
“คุณชายโปรดรอสักครู่ผมจะรีบไปรายงานเดี๋ยวนี้ ส่วนคุณหนูจะยอมออกมาพบกับคุณหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของพวกเราจริง ๆ”
“รบกวนด้วยนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้วิธีการยัดเงินจะเป็นวิธีการในรูปแบบเก่าแต่มันก็ยังสามารถนำมาใช้ได้เสมอ เพราะท้ายที่สุดภายในใจของทุกคนก็มีความโลภ ยิ่งไปกว่านั้นรายได้ของบอดี้การ์ดที่เฝ้าประตูย่อมไม่สูงมากนัก ซึ่งการมีรายได้พิเศษเพิ่มขึ้นมา 200,000 สตาร์คอยน์ย่อมทำให้พวกเขารู้สึกมีความสุขเป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากนั้นไม่นานบอดี้การ์ดผมสั้นก็เดินออกมาจากคฤหาสน์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วอย่างหนักเพราะเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“โชคไม่ดีจริง ๆ นี่ฉันโดนด่าแต่เช้าเลยเหรอเนี่ย! เอาเงินของคุณกลับคืนไปแล้วออกไปจากที่นี่ซะ คุณหนูของพวกเราไม่อยากพบกับคุณ” บอดี้การ์ดผมสั้นเดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยพร้อมกับโยนธนบัตรใส่หน้าเขาอย่างแรง
การเอาเงินที่เขามอบให้มาปาใส่หน้ากันแบบนี้ถือเป็นการดูถูกกันอย่างมากและถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้สึกไม่พอใจแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“แอวริลไม่ต้องการพบฉันหรือคนอื่นไม่ต้องการให้เธอมาพบฉันกันแน่?” เซี่ยเฟยเอามือล้วงกระเป๋าพร้อมกับเงยหน้าถามอย่างเย็นชา
“คุณหนูบอกว่าเธอไม่รู้จักคุณ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” บอดี้การ์ดผมสั้นพูดอย่างหงุดหงิด
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้แอวริลมาบอกเรื่องนี้กับฉันเองแล้วฉันจะไปทันที” เซี่ยเฟยพูดอย่างใจเย็นโดยพยายามระงับความโกรธภายในใจ
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงอยากจะมาพบใครก็พบได้ทุกเมื่อ รีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้อย่ามายืนขวางทาง!” บอดี้การ์ดผมสั้นยังคงกล่าวกับเซี่ยเฟยอย่างไร้ความปราณี
ทันใดนั้นมันก็มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาจากประตูทีละคน ๆ โดยพวกเขาทุกคนได้สวมชุดเครื่องแบบบอดี้การ์ดสีดำที่ผูกหูกระต่ายสีดำอยู่ที่ปกคอ
ขณะเดียวกันชายหัวโล้นผู้สวมแว่นดำก็ยืนกอดอกมองเซี่ยเฟยจากระยะไกล โดยเขาคนนี้ได้ทำการปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรงและมันก็ดูเหมือนกับว่าเขาจะเป็นหัวหน้าของพวกบอดี้การ์ด
ทันใดนั้นไมโครคอมพิวเตอร์ของเซี่ยเฟยก็เริ่มส่งเสียงพร้อมกับมีไฟสีแดงที่ส่องแสงกระพริบ
ชายหนุ่มทำการเปิดไมโครคอมพิวเตอร์พร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนที่เขาจะได้พบว่ามันเป็นประกาศจากแผนกรักษาความปลอดภัยของกลุ่มดาวนครหลวงที่แจ้งเตือนมาว่าเวลาภายในกลุ่มดาวนครหลวงของเขาได้หมดลงแล้ว เขาจำเป็นจะต้องเดินทางออกไปจากนครหลวงภายใน 3 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกจับและดำเนินคดีในข้อหาละเมิดความปลอดภัย
“เข้าใจเล่นดีนี่ ก่อนหน้านี้นายยังมีเวลาอยู่ในเมืองหลวงมากกว่า 34 ชั่วโมง แต่ทันทีที่นายเริ่มสร้างปัญหาเวลาการอยู่ในเมืองหลวงของนายก็หมดลงทันที ดูเหมือนพวกเขากำลังพยายามบังคับให้นายออกไป” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกราวกับว่าความโกรธภายในใจของเขากำลังจะระเบิด แต่เขาก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้ได้
ฟุบ!
ชายหนุ่มไปปรากฏตัวต่อหน้าหัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะถามออกไปว่า
“ฉันอยากรู้แค่อย่างเดียว แอวริลไม่ต้องการออกมาพบฉันหรือมันมีใครบางคนไม่ต้องการให้ฉันได้พบกับแอวริล?”
เมื่อร่างของเซี่ยเฟยหายไปอย่างกะทันหันบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ก็เริ่มตื่นตระหนก
“คุณมีเวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง เชื่อฉันว่าคุณกลับไปในตอนนี้จะดีกับทุกคนมากที่สุด” บอดี้การ์ดหัวโล้นยังคงกล่าวอย่างสงบ
“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมมุมปากที่โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบจิตสังหารจากร่างของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกไปสู่บริเวณโดยรอบ!
เหตุการณ์นี้ทำให้บอดี้การ์ดหัวโล้นขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะจิตสังหารที่เซี่ยเฟยปล่อยออกมาไม่ได้อ่อนแอกว่าจิตสังหารของเขาเลย นอกจากนี้มันยังมีความรู้สึกของความเย็นที่เสียดแทงซึ่งเป็นออร่าเฉพาะของผู้มีประสบการณ์ที่เคยผ่านความเป็นความตายมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“ถ้าคุณไม่ยอมไปผมก็จะบังคับให้คุณออกไปเอง” บอดี้การ์ดหัวโล้นยังคงกล่าวอย่างใจเย็น
จิตสังหารอันรุนแรงจากทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างรุนแรงและพยายามที่จะยั่วยุซึ่งกันและกัน!
แม้ภายนอกจะดูเหมือนเซี่ยเฟยกำลังเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดของตระกูลเจี่ยนมากกว่า 10 คน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นการต่อสู้ของคนเพียง 2 คนเท่านั้น เพราะบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ยังขาดความสามารถมากเกินไป พวกเขาจึงไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างจิตสังหารได้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่บ้าบิ่นของเซี่ยเฟย บอดี้การ์ดหัวโล้นก็เลือกที่จะสู้กลับโดยการปลดปล่อยจิตสังหารออกไปรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่จิตสังหารของเซี่ยเฟยก็ไม่ได้มีความเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
“ช่างมันเถอะถ้าพวกเขาไม่ให้พวกเราเข้าทางประตู พวกเราอ้อมภูเขาด้านหลังไปก็ได้” อันธกล่าวขัดขึ้นมา
ในสถานการณ์ปกติเซี่ยเฟยมักที่จะใช้วิธีการลอบเร้นเข้าไปในฐานที่มั่นของเป้าหมาย แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันหัวใจนักรบของชายหนุ่มก็ปฏิเสธที่จะถอย
สถานการณ์นี้ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธจริง ๆ แล้วตัวของเขาจึงได้กลายเป็นเหมือนภูเขาไฟที่ปะทุหลังจากทำการสะสมพลังมาเป็นเวลานาน
แต่อย่าลืมว่าที่นี่คือกลุ่มดาวนครหลวงซึ่งมีการคุ้มครองอย่างเข้มงวด ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าพวกบอดี้การ์ดจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกไม่พอใจจริง ๆ แต่คนพวกนี้ก็ยังคงเป็นคนของตระกูลเจี่ยนอยู่ดี ดังนั้นถ้าหากว่าเขาลงมือรุนแรงมากเกินไปมันอาจจะทำให้เขาไม่สามารถญาติดีกับตระกูลของแอวริลเลยก็ได้
คำเตือนของอันธมีความสมเหตุสมผลมากแต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เพราะท้ายที่สุดอารมณ์ของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกไปเหมือนกับน้ำไหล แล้วเขาจะสามารถเก็บอารมณ์พวกนั้นกลับเข้ามาภายในใจได้ยังไง?!
“ล้อเล่นกันหรือเปล่า? ทำไมฉันจะต้องแอบเข้าไปหาผู้หญิงของตัวเองด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
เดิมทีเซี่ยเฟยจะทำการสื่อสารกับอันธภายในจิตสำนึก แต่เนื่องจากในขณะนี้เขากำลังถูกครอบงำด้วยความโกรธเขาจึงตะโกนคำพูดทุกคำออกมา
คำพูดของเซี่ยเฟยทำให้บอดี้การ์ดทุกคนมองหน้ากันอย่างกะทันหัน
“แกเรียกคุณหนูของพวกเราว่าอะไรนะ!?”
ถึงแม้ว่าพวกบอดี้การ์ดจะตะโกนออกมาด้วยความโกรธแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงใช้นิ้วสัมผัสเข้ากับแหวนมิติอย่างสงบ จากนั้นเซเลสเชียลมูนก็ปรากฏตัวออกมาและลักษณะแปลก ๆ ของอาวุธชิ้นนี้ก็ทำให้พวกบอดี้การ์ดตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“เซเลสเชียลมูน!” บอดี้การ์ดหัวโล้นอุทานพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้าย! กรุณาถอยไปภายใน 1 นาทีไม่อย่างนั้นพวกเราจะเริ่มลงมือ!!”
เซี่ยเฟยทำการติดตั้งเซเลสเชียลมูนเอาไว้บนแขนของเขาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจังว่า
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้าใครอยากจะสู้ก็เข้ามา!!”
แม้คำพูดของเขาจะเรียบง่ายแต่มันก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“ทุกคนถอยไปให้หมด!” บอดี้การ์ดหัวโล้นส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างรุนแรงทำให้บอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ถอยห่างออกไปตาม ๆ กัน
หลังจากนั้นบอดี้การ์ดหัวโล้นก็ดึงแส้โลหะหกเหลี่ยม 13 ส่วนออกมาจากแหวนมิติและทำการสะบัดแส้ออกไปยังด้านข้าง
“นายจะประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไปแล้ว นี่นายอยากจะเข้าบ้านคนอื่นทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่อยากจะเจอหน้านายเนี่ยนะ” บอดี้การ์ดหัวโล้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“นี่พี่ชิงถึงกับเอาอาวุธออกมาเลยหรอ? ไอ้เด็กนั่นมันเก่งมากเลยใช่ไหม” บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้เห็นพี่ชิงใช้อาวุธ”
“พวกเราควรจะแจ้งตำรวจดีไหม?”
“นายจะแจ้งตำรวจไปทำไม ตระกูลเจี่ยนเคยให้ตำรวจเข้ามาแทรกแซงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะต้องแจ้งพ่อบ้านผางใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว รีบโทรหาพ่อบ้านผางเดี๋ยวนี้เลย”
บอดี้การ์ดบริเวณด้านหลังเริ่มพูดคุยกันและเมื่อพิจารณาจากคำพูดของพวกเขาแล้ว บอดี้การ์ดพวกนี้ให้ความเคารพคนที่ถูกเรียกว่าพี่ชิงอย่างสูง และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหยิบอาวุธออกมาแสดงว่าสถานการณ์นั้นย่อมเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรง
“ประเมินตัวเองสูงเกินไป? ถ้าอยากรู้ว่าฉันประเมินตัวเองสูงเกินไปไหม ก็เข้ามาพิสูจน์ดูเอาเอง!!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างฉับพลันก่อนที่เขาจะเริ่มทำการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ฟุบ!
เงาสองเงาปะทะกันเกือบจะในเวลาเดียวกันและเมื่อแส้โลหะปะทะเข้ากับเซเลสเชียลมูน มันก็มีเสียงปะทะของโลหะดังก้องขึ้นมาจากทุกทิศทาง
ร่างทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีใครยอมใคร
“เข้ามาอีก!” เซี่ยเฟยตะโกนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!
ฟุบ!
ทันใดนั้นใบมีดของเซเลสเชียลมูนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากตอนแรกที่มีความยาวเพียงแค่ 6 ใบมีดก็ถูกเพิ่มความยาวออกเป็น 12 ใบมีด!
บอดี้การ์ดหัวโล้นตวัดแส้ยาวโดยเล็งไปที่ลำตัวด้านล่างของเซี่ยเฟย
เพียะ!!
เซี่ยเฟยกระโดดหลบลอยตัวขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะสับเซเลสเชียลมูนลงมาในแนวดิ่ง
โดยปกติเขาจะใช้วิชาเล่ห์สังหารในการจู่โจมเข้าสู่จุดตายอย่างว่องไว แต่อารมณ์ของเซี่ยเฟยในตอนนี้ไม่ใช่อารมณ์ตามปกติเลย เขาจึงไม่ได้ทำการจู่โจมตามวิธีการถนัดแต่เลือกจะทำการจู่โจมโดยมุ่งเน้นไปที่การใช้กำลังแทน
เมื่อได้เห็นเซเลสเชียลมูนกำลังฟันลงมาบอดี้การ์ดหัวโล้นก็ทำการพ่นลมออกไปจากปาก
กระแสลมที่พุ่งออกมาได้กลายเป็นคมมีดสายลมที่มีความคมราวกับดาบ!
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายเซี่ยเฟยก็ใช้เทคนิคเล่ห์กายาบิดตัวงอกลางอากาศก่อนที่เขาจะรู้สึกได้ถึงลมกรรโชกที่พัดผ่านร่างของเขาไป และถึงแม้ว่าการโจมตีในครั้งนี้จะเป็นการโจมตีที่มองไม่เห็นแต่มันก็ทำให้เสื้อของเขามีรอยขาดเป็นทางยาว
“นั่นมันพลังพิเศษแอเรียลเอช อธิบายง่าย ๆ คือเขาสามารถพ่นอากาศความเร็วสูงออกมาจากปากได้ นายต้องระวังการโจมตีจากปากของเขาเอาไว้ให้ดี ๆ” อันธรีบบอกความสามารถของอีกฝ่ายออกมา
ขณะเดียวกันบอดี้การ์ดด้านหลังก็ปรบมือดังลั่นพร้อมกับเริ่มส่งเสียงตะโกนเชียร์ออกมาดังสนั่น
“พี่ชิงช่วยสั่งสอนไอ้เด็กนี่หน่อย”
“รอก่อนเถอะไอ้หนู รอบนี้เอ็งตายแน่!”
เซี่ยเฟยเพิกเฉยต่อคำพูดของบอดี้การ์ดคนอื่นพร้อมกับขยับเท้าตั้งท่าเตรียมการเคลื่อนไหวและใช้มือกดปุ่มกลไกของเซเลสเชียลมูนเพื่อให้มันยืดยาวออกจนสุด
นี่คือรูปแบบการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเซเลสเชียลมูน
การจู่โจมด้วยคมมีด 18 ใบ!
“นายคงไม่ได้คิดที่จะใช้ไอ้นั่นใช่ไหม?” อันธถามอย่างไม่แน่ใจ
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
***************
เอาแล้วการโชว์อาวุธใหม่ของพี่เฟย!!