ตอนที่แล้วบทที่ 136: ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ก็แค่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ก็พอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 138: จับได้ว่าหลงโม่นอนอยู่บนต้นไม้

บทที่ 137: เนื้อสามารถกัดลิ้นของเสี่ยวเหยาได้


เวลาต่อมา หลงโม่ถอนมือออกแล้วหันหลังตั้งท่าจะกลับบ้านตัวเอง

ในขณะเดียวกัน ชายหญิงสูงวัยที่นอนหายใจแผ่วเบาอยู่บนพื้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่ทั้ง 2 คิดว่าเรื่องนี้คงจะจบลงแล้ว แต่จู่ ๆ มังกรหนุ่มก็เดินกลับมา ทำให้พวกเขารีบยกมือกุมศีรษะของตัวเองพร้อมกับขดตัวไม่ต่างจากลูกบอล

ชายร่างสูงมองคู่สามีภรรยาตรงหน้าอย่างจริงจัง และพูดเสียงเย็นชาว่า “พวกเจ้าอย่าเอาเรื่องที่ข้ามาหาพวกเจ้าไปบอกคนอื่นเสียล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็...”

อึก!

พ่อกวางแม่กวางพยักหน้าอย่างลนลานแล้วตอบพร้อมกันว่า “ไม่บอก เราจะเย็บปากให้สนิทเลย!”

ดวงตาที่พึงพอใจของหลงโม่กวาดมองทั้งคู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป

ในบ้านไม้ ลู่หลีกำลังกอดเข่าขดตัวอยู่ตรงมุมห้อง ในขณะที่ตัวสั่นเทาพลางฟังการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นข้างนอก

เขาไม่กล้าออกไป…

ตั้งแต่เด็กเขาถูกพ่อแม่เอาอกเอาใจจนกลายเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ ประกอบกับเขาเติบโตมามีร่างกายใหญ่โต แข็งแรง เขาจึงคอยแต่จะรังแกคนอื่นที่อ่อนแอกว่ามาตลอด จริง ๆ แล้วเขามีความกล้าหาญน้อยกว่าผู้หญิงบางคนด้วยซ้ำ

หลังจากที่หลงโม่กลับไป กวางหนุ่มก็ยิ่งตัวสั่นสะท้านมากขึ้น แล้วจู่ ๆ ความเปียกชื้นที่ใต้บั้นท้ายของเขาก็กระจายกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานแอ่งของเหลวสีเหลืองที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ไหลออกมา

นั่นทำให้เด็กหนุ่มแทบคลั่ง

ตั้งแต่นั้นมา ครอบครัวตระกูลลู่ก็มีเงามืดคอยครอบงำจิตใจของพวกเขาตลอดเวลา และทุกครั้งที่ทั้ง 3 คนได้เห็นหน้าหลงโม่ แต่ละคนก็หวาดกลัวจนฉี่ราด

...

ทางด้านหูเจียวเจียวยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของพวกลู่หลี

ขณะนี้เธอกำลังจัดการถลกหนังวัวอยู่ที่บ้าน

เนื่องจากหนังวัวสามารถเก็บไว้กินได้หรือว่าจะเอาไปใช้ฟอกเป็นหนังสัตว์เพื่อทำพื้นรองเท้าก็ได้เช่นกัน ด้วยความที่ว่าเธอไม่ได้ขาดแคลนอาหารอะไร ดังนั้นเธอจึงฟอกหนังวัวพวกนี้ตามวิธีที่โหวเซียงสอนและเอาไปตากไว้ในร่ม ตอนนี้ฤดูหนาวใกล้จะมาถึงแล้ว เธอกำลังต้องการรองเท้าอุ่น ๆ เอาไว้ใส่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายอยู่พอดี

ส่วนเนื้อวัวที่เหลือ นอกเหนือไปจากส่วนอาหารเย็นของวันนี้ รวมถึงเหลือจากที่นำไปรมควันแล้ว เธอยังวางแผนที่จะทำเนื้อสับคั่วพริก*ไว้ด้วย

*肉酱 เนื้อสับปรุงรสที่ทำเก็บเอาไว้ทานกับข้าวหรือบะหมี่ คล้ายกับน้ำพริกบ้านเราที่สามารถเก็บไว้กินได้นาน

แม้ว่าปัจจุบันจิ้งจอกสาวจะไม่ขาดแคลนเนื้อ แต่ในฤดูหนาว เหล่าภูตชายไม่สามารถออกไปล่าสัตว์ได้ ดังนั้นเธอจึงกินได้เฉพาะเนื้อแห้ง ๆ ถ้าเธอได้กินข้าวคลุกเนื้อสับคั่วพริกคงจะดีไม่น้อย

ในฤดูใบไม้ร่วง ภูตจะกินมากขึ้นเพื่อสะสมไขมันไว้สำหรับฤดูหนาว ครอบครัวที่มีสมาชิก 7 คนสามารถกินเนื้อวัวได้มื้อละ 180-250 กิโลกรัมเลยทีเดียว

ต่อมา หูเจียวเจียวจัดการแบ่งวัวออกเป็น 2 ส่วนอย่างช่ำชอง เธอวางเนื้อครึ่งหนึ่งไว้บนชั้นวาง จากนั้นเธอแล่เนื้อส่วนขามากกว่า 20 ชิ้นออกจากเนื้ออีกครึ่งหนึ่ง และหั่นส่วนที่เหลือเป็นเส้นโดยแขวนไว้บนตะแกรงรมควัน

พอฤดูหนาวมาเยือน เหล่าภูตจะกินน้อยลง แต่ครอบครัวของหญิงสาวเป็นครอบครัวใหญ่ ดังนั้นพวกเธอจึงต้องกินธัญพืชอย่างน้อย 20-30 กิโลกรัมต่อวัน หากคำนวณตามนี้โดยไม่มีอะไรผิดพลาด เธอกับหลงโม่และลูกทั้ง 5 จะไม่อดอยากในตอนฤดูหนาว มิฉะนั้นทุกคนจะต้องลดปริมาณการกินลงอีก

เพียงแต่ว่ามังกรหนุ่มไม่เคยอยู่บ้านมาก่อน อีกทั้งจิ้งจอกสาวก็ไม่ได้กักตุนเนื้อไว้มากเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าตนมีมิติ ตอนนี้ที่บ้านจึงมีเนื้อรมควันมากกว่า 100 ชิ้น

ยามนี้หญิงสาวเพิ่งวางเนื้อรมควันบนเตาเสร็จ พอเธอหันกลับมาก็พบว่าหลงจงยืนอยู่ข้างหลังตนเอง

“จงเอ๋อ? มีอะไรหรือเปล่า?”

แม่จิ้งจอกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ เนื่องจากลูกชายคนที่ 3 เป็นคนที่เกลียดแม่ตัวเองมากที่สุดและเขาไม่เคยคิดที่จะเข้ามาหาเธอก่อนเลยสักครั้ง

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเด็กหนุ่มถูกปกคลุมด้วยผมยาว เขาก้มศีรษะลงต่ำโดยไม่มองหน้าผู้เป็นแม่ พลางกำหนังสัตว์บนต้นขาตัวเองด้วยมือทั้ง 2 ข้างอย่างงุ่มง่าม

“ข้า... ขอหนังวัวหน่อยได้ไหม?”

เสียงของหลงจงเบามาก หลังจากที่เขาพูดจบ พวงแก้มที่ซ่อนอยู่ใต้ผมของเขาก็มีความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว

เจ้าตัวเล็กรู้ว่าตนมักจะทำท่าไม่ดีต่อแม่จิ้งจอก พอจู่ ๆ เขามาขอร้องอีกฝ่ายอย่างกะทันหันแบบนี้ เขาก็กลัวว่านางจะไม่เห็นด้วย

“ได้สิ” หูเจียวเจียวพยักหน้าตอบโดยไม่ต้องคิดและถามเขาว่า “จงเอ๋อต้องการหนังวัวเท่าไหร่?”

หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามลูกชายว่าเขาจะเอาหนังวัวไปทำอะไร

คนเป็นแม่รู้ว่าเด็กคนนี้มักจะปฏิเสธและไม่ชอบคุยกับตนเอง ดังนั้นหากเขามาขออะไรเธอ แสดงว่าเขามีสิ่งสำคัญมากที่ต้องไปทำ

ทางด้านหลงจงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงอย่างง่ายดาย เขากัดปากอย่างประหม่า ก่อนจะสูดลมหายใจแล้วตอบว่า

“ประมาณนี้”

เขาใช้มือวาดเป็นรูปสี่เหลี่ยมขึ้นไปในอากาศ

เวลาถัดมา หูเจียวเจียวเดินไปตัดหนังวัวผืนใหญ่กว่าที่ลูกชายบอก 2 เท่าทันที ในขณะที่หนุ่มน้อยมองหนังวัวผืนใหญ่ไม่วางตา

“รับไปสิ แต่มันยังไม่แห้งนะ เจ้าต้องตากให้แห้งในที่เย็นก่อนเอาไปใช้” แม่จิ้งจอกพูดเตือนระหว่างที่เธอยื่นหนังสัตว์ให้เขา

หลงจงรับมันไว้และรีบพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ขอบคุณ”

จากนั้นเด็กน้อยผู้มีแผลเป็นบนใบหน้าก็หันหลังวิ่งหนีไปเร็วยิ่งกว่ากระต่าย

หูเจียวเจียวที่มองภาพของเจ้าตัวเล็กส่ายหัวยิ้ม ๆ และก็หันกลับไปหยิบเนื้อน่องที่เพิ่งหั่นออกมาเริ่มทำเนื้อสับคั่วพริก

บัดนี้เนื้อขาใหญ่ถูกหั่นเป็นเส้นแล้ว ก่อนที่เธอจะสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อเอาไปต้มในน้ำ ตามด้วยผัดน้ำมันกับเครื่องเทศ

หญิงสาวผัดเนื้อจนกว่าผิวข้างนอกจะไหม้เกรียมเล็กน้อยจึงค่อยตักออกมาพักไว้

มันทำให้เนื้อส่งกลิ่นหอมเข้มข้นชวนน้ำลายสอ ก่อนจะถูกปรุงรสเพิ่ม

ทันทีที่เนื้อสับถูกยกขึ้นจากเตา ร่างสีดำตัวเล็ก ๆ ก็บินกระดิกหางอยู่เหนืออ่างหิน ร่างนั้นจ้องมองเนื้อข้างในด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ซู้ดด~”

เนื้อน่าอร่อย! เสี่ยวเหยาอยากกิน~

มังกรน้อยแลบลิ้นสีชมพูพร้อมกับมีน้ำลายไหลออกมาจากมุมปากของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ขณะนี้สภาพของเขาไม่ต่างจากลูกหมาที่เห็นนมแม่เลยแม้แต่น้อย

“เจ้าจอมตะกละ” หูเจียวเจียวอดที่จะยิ้มไม่ได้ ก่อนจะตักเนื้อสับ 1 ช้อนเต็มใส่ชามใบเล็กแล้วนำไปวางลงบนโต๊ะ

หญิงสาวกลัวว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เธอจะต้องกินเนื้อสับคั่วพริกเปื้อนน้ำลายของหลงเหยาในฤดูหนาวแน่นอน

ส่วนเจ้าตัวเล็กตื่นเต้นมากจนหางของเขาแทบจะกระดิกเร็วขึ้นเป็น 2 เท่า เขาหลับตาพริ้มพลางขยับจมูกสูดดมกลิ่นตามชามไปที่โต๊ะ

“เนื้อนี้เจ้ากินได้นิดหน่อยเท่านั้นนะ เจ้าต้องเผื่อท้องไว้กินมื้อค่ำด้วย” หูเจียวเจียวเตือนอีกฝ่ายเพราะเกรงว่าเขาจะมาขอเพิ่มอีก

เนื่องจากมังกรน้อยจะกินให้อิ่มทันทีที่เขาได้กิน ถ้าเธอไม่จำกัดปริมาณไว้ เธอกลัวว่าเนื้อสับคั่วนี้จะถูกจอมตะกละกินจนหมด

“ฮ่าาา~” 

เสี่ยวเหยารู้แล้ว! เสี่ยวเหยาแค่อยากชิมเฉย ๆ~

หลงเหยาพยักหน้ารัวเร็ว

ทันทีที่แม่จิ้งจอกจูงมือเขาออกไป เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะฝังหัวลงในชาม และเริ่มกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

จากนั้นหูเจียวเจียวก็หันกลับไปทำเนื้อสับคั่วพริกต่อ เธอเอาหอมหัวใหญ่ ขิง กระเทียม และพริกชี้ฟ้าออกจากมิติมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในน้ำมัน แล้วทอดด้วยไฟอ่อน ขั้นตอนนี้เธอต้องคอยกวนพวกมันตลอดเวลา

ไม่นานกลิ่นหอมของเครื่องเทศก็โชยมาแตะจมูก หญิงสาวที่ประกอบอาหารอยู่จำต้องขยับจมูกดม พลางหลับตาลงด้วยสีหน้าพึงพอใจ

“กลิ่นหอมจัง”

เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอเห็นหลงเหยาที่มีใบหน้าเบิกบานเหมือนเดิมบินมาที่ด้านข้างของกระทะ เขามองไปยังส่วนผสมในขณะที่น้ำลายไหล

“แฮ่~”

เสี่ยวเหยาแค่มาดู เสี่ยวเหยาไม่กินหรอก

“...”

หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 25 นาที เครื่องเทศก็เกือบผสมเข้ากันสมบูรณ์แล้ว หญิงสาวจึงเติมเต้าเจี้ยว 2 ขวดและซอสเถียนเมี่ยน 1 ขวด เนื่องจากเธอทำอาหารไว้เยอะเลยต้องใส่ซอสเพิ่ม

*ซอสเถียนเมี่ยน หรือ ซอสหวาน เป็นซอสข้นเนื้อเนียนสีน้ำตาลหรือหรือสีดำ มีทั้งรสอ่อน รสเค็ม หรือรสหวาน

สุดท้ายจิ้งจอกสาวก็เทเนื้อคั่วลงไป ก่อนจะคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้เนื้อสับคั่วพริกแสนอร่อยก็พร้อมทาน!

ต่อมา หูเจียวเจียวหยิบตะเกียบไปแตะเนื้อสับคั่วพริกขึ้นมาชิม พลันนัยน์ตาของเธอก็เป็นประกาย “อร่อยจัง รสชาติเหมือนเดิมเป๊ะเลย!”

แม้ว่าในมิติจะมีเนื้อสับคั่วพริกสำเร็จรูปบรรจุขวดอยู่ด้วย แต่เธอชอบทานอาหารที่ทำเองมากกว่า ซึ่งมันเป็นรสชาติที่คุณย่าของเธอเคยทำให้ทานตอนที่เธอยังเด็ก

ทางด้านหลงเหยาที่อยู่ข้าง ๆ น้ำลายไหลจนจะหยดลงพื้นแล้ว เมื่อเห็นว่าแม่จิ้งจอกตักเนื้อสับคั่วพริกมาชิม เขาก็อดไม่ได้ที่จะ ‘สูดปาก’ พลางจ้องมองที่ปากของคนเป็นแม่อย่างตั้งใจ และเลียริมฝีปากของตัวเองต่อไป

เจ้ามังกรน้อยทำเหมือนกับว่าเขาสามารถรับรู้รสชาติที่หูเจียวเจียวสัมผัสได้ด้วยการมองอีกฝ่าย

หญิงสาวที่ได้เห็นเช่นนั้นยิ้มก่อนจะถือตะเกียบที่มีเนื้อสับคั่วพริกยื่นให้ลูกชายคนเล็กด้วย

หลงเหยาอ้าปากงับตะเกียบแบบไม่ลังเลทันที

หลังจากนั้นเพียง 2 วินาที หลงเหยาก็รู้สึกทรมาน แล้วใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

กรงเล็บของมังกรตัวน้อยกำแน่นจนเป็นลูกบอล รวมทั้งหางก็แข็งทื่อราวกับถูกไฟฟ้าดูด

ในวินาทีต่อมา หลงเหยาเหยียดหางออกและแลบลิ้นออกมา เขาบินวนเป็นวงกลมอย่างบ้าคลั่งในขณะที่ลิ้นปวดแสบปวดร้อน

“อ๊ากกก!”

เจ็บ เจ็บ!

เนื้อนี้แย่มาก!

เนื้อมันกัดลิ้นของเสี่ยวเหยาด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด