บทที่ 136: ในเมื่อฆ่าไม่ได้ ก็แค่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ก็พอ
โหวเสี่ยวเตียวเกาหัวพร้อมอธิบายว่า
“นี่เป็นของของหลงโม่ เราแค่เอามาส่งให้เขาที่บ้าน”
ทันใดนั้นหูเจียวเจียวก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น “ขอบใจเจ้ามาก!”
หลังจากที่จิ้งจอกสาวพูดจบ ไม่นานเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าแปลก ๆ “เดี๋ยวก่อนนะ หลงโม่เพิ่งจะออกไปตามหาของพวกนี้กลับมาเหมือนกัน เจ้าไม่เจอเขาหรือ?”
“พวกเราเจอกันระหว่างทาง แต่หลงโม่ดูเหมือนจะมีเรื่องด่วน เขาเลยไม่สนใจเรา” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ลิงหนุ่มเองก็ทำหน้าครุ่นคิด
“เรื่องด่วน?” หูเจียวเจียวเกิดความสงสัยจึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาว่า “นี่มันก็เย็นมากแล้ว เขามีเรื่องด่วนอะไรอีก...”
ช่างเถอะ ๆ เขาคงไม่เป็นไรหรอก
เมื่อกลุ่มภูตที่มาส่งของแทนหลงโม่เอาทุกอย่างไปเก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันแยกย้ายกลับไปทันที
ทางด้านหูเจียวเจียวมองไปที่วัวสีดำตัวใหญ่ที่มีน้ำหนักกว่าร้อยกิโลกรัม จากนั้นเธอก็ยุ่งอยู่กับการจัดการวัวตัวนี้โดยไม่ได้คิดอะไรอีก
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง
ในที่สุดพ่อกวางและแม่กวางก็ขึ้นมาจากแม่น้ำและพาลู่หลีกลับบ้านด้วยสภาพทุลักทุเล
ตอนนี้สภาพของพ่อแม่ลูก 3 คนเหมือนเพิ่งถูกโจรปล้นมา ใบหน้าของแต่ละคนนั้นปูดบวมดูน่าเกลียดมาก โดยเฉพาะลู่มู่ที่หน้าบวมเป่งจนเหมือนหัวหมู ใบหน้าของนางทั้งแดงก่ำและมีรอยช้ำเหมือนกับแม่หมูที่กำลังโกรธจัด
ทันทีที่เด็กหนุ่มกลับมาถึงบ้าน เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ในเวลาเดียวกัน ผู้เป็นแม่รู้สึกทุกข์ใจเกี่ยวกับลูกชายมาก นางจึงอยากจะเข้าไปปลอบเขา แต่ว่าวันนี้ตัวนางเองก็มีสภาพไม่ต่างจากลูกชาย อีกทั้งนางก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสามารถไปปลอบใจใครได้อีกด้วย
“ไอ้ขยะไร้ค่าเอ๊ย! แค่ยืนเฉย ๆ ก็จะตายห่าอยู่แล้วยังจะไปรนหาที่ตายอีก ทำไมข้าจะต้องตกลงไปแม่น้ำอีกรอบด้วย มันเป็นเพราะความโง่ของใครล่ะ!”
ลู่มู่สบถด่าคู่ของตนด้วยความโมโห แล้วนั่งลงที่ประตูบ้านอย่างไม่สบอารมณ์
ส่วนคนเป็นสามีรู้สึกผิดจึงพูดตะกุกตะกัก “ข้า-ข้าก็แค่อยากแก้แค้นให้เจ้าเท่านั้น...”
“แก้แค้น? เจ้าคิดว่าจะแก้แค้นให้ข้าได้รึ! ก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าไม่รีบช่วยดึงมีดออกจากมือข้าก่อน รู้ไหมว่ามันทำให้ข้าเจ็บแทบตาย!”
แม่กวางจ้องพ่อกวางเขม็ง แล้วยื่นมือที่มีมีดปักคาอยู่ให้อีกคนดู
เดิมทีหญิงชราอยากจะไปหาหมอ แต่การไปหาหมอต้องใช้เนื้อสัตว์ไปแลก บวกกับที่บ้านนางมีเนื้อไม่มากนัก ถ้านางเลือกที่จะใช้เนื้อไปหาหมอ ในวันนี้ลู่หลีคงจะต้องอดข้าว
พอแม่กวางเฒ่าคิดได้เช่นนั้นก็กัดฟันและตัดสินใจที่จะอดทนก่อน เพราะนางไม่อยากปล่อยให้ลูกชายสุดที่รักหิวโหยหนัก เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้กลายเป็นภูตที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าและนางจะได้รับเกียรตินั้นด้วย
ในขณะเดียวกัน พ่อกวางรีบเข้าไปช่วยภรรยาของตน เขาใช้มือข้างหนึ่งจับมีดไว้ แล้วแม่กวางก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ผู้เป็นสามีจะขยับตัว นั่นยิ่งทำให้เขากลัวจนไม่กล้าออกแรงดึงมีดมากนัก
เพี้ยะ!
ลู่มู่ตบหัวไอ้คนไร้ประโยชน์ทันทีแล้วก่นด่าว่า
“เจ้ากินข้าวไม่อิ่มหรือถึงไม่มีแรง เจ้าก็ออกแรงดึงให้มันเยอะ ๆ หน่อยสิ ค่อย ๆ ดึงแบบนี้จะให้ข้าทนเจ็บจนตายหรือไง!”
“ได้ ข้าจะออกแรงให้มากขึ้น...”
พ่อกวางผงกหัวรับหน้าเจื่อน ก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับมีด สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วออกแรงทั้งหมดที่มีเพื่อดึงมัน
ฉัวะ!
มีดกระดูกถูกดึงออกมาจากหลังมือของแม่กวางเฒ่าอย่างแรงจนมีเลือดพุ่งเข้าใส่หน้าของเขา
“กรี๊ดดดดดด! ไอ้โง่! จะดึงมีดออกก็ไม่รู้จักเตือนกันบ้าง!”
หญิงชรายิ่งสบถด่าเสียงดังมากขึ้น
ฝ่ายที่ถูกตำหนิรีบยกมือกุมหัวตัวเองเพราะกลัวว่าจะถูกภรรยาตบหัวอีกครั้ง “ข้าไม่รู้ เอาไว้คราวหน้าข้าจะทำตามที่เจ้าบอกแล้วกัน...”
“นี่เจ้าจะให้มีครั้งต่อไปอีกเรอะ!”
คนเป็นภรรยาตบกบาลเขาอีกครั้ง และเสียงสาปแช่งของนางก็ยังคงดังก้องไปทั่วบ้าน
แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังโครมคราม!
เนื่องจากมีมังกรดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้าจนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม แล้วหางของมังกรก็สะบัดออกไปเป็นวงกว้าง ส่งผลให้หลังคาบ้านของครอบครัวตระกูลลู่ปลิวไปอีกทางหนึ่ง
ทางด้านลู่หลีที่อยู่ในบ้านกำลังนั่งซุกตัวอยู่มุมหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบางอย่างข้างนอก พอเขาเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกตะลึง “ทำไมหลังคาบ้านถึงหายไป หลังคาหายไปไหน!?”
ส่วนคู่สามีภรรยาที่อยู่นอกบ้านเดิมทีกำลังสาปแช่งกันอยู่ ทว่าบัดนี้ทั้งคู่กระโจนกอดกันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับมองไปยังมังกรดำตัวยักษ์ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา
“หลง…หลงโม่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก...”
“เราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับเจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร...”
ขณะนี้พ่อกวางแม่กวางถูกเงาขนาดใหญ่ของมังกรปกคลุมทั้งตัว
ครอบครัวตระกูลลู่ตั้งแต่พ่อแม่ตลอดไปจนถึงลูกกลัวจนสติกระเจิดกระเจิงกันไปหมดแล้ว!
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของมังกรหนุ่มมืดมน หัวของเขาก้มต่ำลงโดยที่ดวงตาสัตว์สีทองขยับเข้ามาใกล้ทั้ง 2 คน นั่นยิ่งทำให้ 2 สามีภรรยากอดกันตัวสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากคู่ชายหญิงชรารังแกหูเจียวเจียวในวันนี้
ถ้าหลงโม่มาช้าไป 1 ก้าว พ่อลู่ที่กลายร่างเป็นกวางซิกาจะเตะนางด้วยกีบเท้าสกปรกนั่นจนทำให้นางได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อคิดอย่างนั้น รูม่านตาสีทองของสัตว์ร้ายก็หดลง
สายตาคมกริบของมังกรตัวใหญ่ยิ่งทำให้ชายหญิงชราทั้ง 2 หวาดกลัวมากขึ้น เพราะพวกเขารู้สึกเหมือนกับว่ามีมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นกำลังบีบคอตนเองอยู่
หลงโม่เป็นแค่ไอ้คนไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ ๆ มันถึงกลายเป็นคนน่ากลัวได้ขนาดนี้!
“จะ-เจ้าจะฆ่าพวกเราหรือ? ถ้าเราตาย หัวหน้าเผ่าจะขับไล่ครอบครัวเจ้าออกจากเผ่า ละ-แล้วพวกเจ้าจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในป่ากันแทน!” ลู่มู่อกสั่นขวัญแขวนจนพูดตะกุกตะกัก แต่นางก็ยังรวบรวมความกล้าที่จะพูดข่มขู่อีกฝ่าย
“ฟืดดด!”
มังกรดำพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ แรงกดดันที่เกิดจากความแตกต่างระหว่างสายเลือดทำให้ผู้สูงวัยตระกูลลู่กระเด็นล้มลงกับพื้น
แม่กวางเฒ่าคนนั้นคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนี้
ตัวเขาเป็นผู้ชายจึงไม่คิดอะไรมากถ้าจะต้องไปอาศัยอยู่ในป่า แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ครอบครัวต้องมาทุกข์ทรมานร่วมกับตนเอง
ทางด้านพ่อกวางแม่กวางตัวสั่นเทาไม่หยุดเนื่องจากหวาดกลัวฝ่ายตรงข้าม ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นมังกรตัวเขื่องบินหายไป จนในที่สุดทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“หลงโม่ไปแล้วหรือ?”
“ไอ้ขยะนั่น ข้ารู้ว่ามันไม่กล้าทำอะไรหรอก ข้าเป็นผู้หญิง— อ๊ะ!”
ลู่มู่กำลังพูดอย่างภาคภูมิใจ ทว่ากำปั้นแข็ง ๆ ก็ซัดเข้าที่ดั้งของนางอย่างจัง
“เมียข้า! เจ้าเป็นไรไหม!?”
พ่อกวางตกตะลึงและกำลังจะลุกไปช่วยคนเป็นภรรยา แต่เขาก็โดนชกเข้าที่เบ้าตาเหมือนกัน
ยามนี้หลงโม่กำหมัดทั้ง 2 มือแน่น พร้อมกับมีรอยยิ้มเย้ยหยันประดับอยู่ที่มุมปากของเขา รวมทั้งเสียงเย็นชาที่เขาเปล่งออกมาก็น่ากลัวไม่ต่างจากยาพิษ
“เจ้าพูดถูก ข้าฆ่าพวกเจ้าไม่ได้ งั้นข้าก็แค่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ให้พวกเจ้าก็พอ”
ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ หมัดอันทรงพลังของเขาก็พุ่งเข้าใส่ทั้ง 2 คน เขาชกไปที่เนื้อตัวของอีกฝ่าย โดยเน้นตรงจุดที่เจ็บปวดแต่ไม่ถึงแก่ชีวิต
จากนั้นเสียงคล้ายวัวโดนเชือดก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
“อ๊ากกกกก!!”
“อ๊าาาาาา!!”
แต่ถึงกระนั้น มังกรหนุ่มกลับไม่สนใจจะผ่อนแรงแม้แต่น้อย ในขณะที่กำลังทุบตีคู่สามีภรรยาอย่างรุนแรง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบและน่าขนลุก
“ข้า หลงโม่ผู้นี้ไม่มีทักษะอื่นนอกจากไร้ความหวาดกลัวต่อความตาย”
“วันนี้พวกเจ้ามารังแกคู่ของข้า และข้าจะเอาคืนแทนนาง ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธที่จะรับมัน พวกเจ้าสามารถมาท้าดวลกับข้าได้ทุกเมื่อ”
“แต่ถ้าพวกเจ้าไปรบกวนนางอีก ข้าจะมาเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”
บัดนี้พ่อกวางแม่กวางถูกทำร้ายจนจมูกและใบหน้าบวมฉึ่ง เลือดกลบปาก ฟันสีเหลืองร่วงหล่นไปทั่วพื้น และฟัน 2 ซี่สุดท้ายที่เหลืออยู่ในปากของพวกเขาก็โยกคลอน
ไม่เพียงแค่นั้น จมูกของทั้ง 2 คนก็บิดเบี้ยวผิดรูป รวมถึงกรอบหน้าก็เช่นกัน อีกทั้งดวงตายังบวมจนลืมตาไม่ขึ้นโดยที่พวกเขาทำได้แค่หรี่ตามองภาพตรงหน้า
ทางด้านคนเป็นสามีถึงกับซี่โครงหัก 3 ซี่ เขานอนอยู่บนพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก ขณะนี้เขานอนมองหลงโม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวไม่ต่างจากการมองเห็นปีศาจ
ปัจจุบันชายหญิงสูงวัยอยากจะร้องไห้แทบขาดใจ พวกเขาไม่รู้เลยว่าตกลงใครรังแกใครกันแน่!?
อย่างแรก แม่กวางถูกหูเจียวเจียวจัดการจนนางไม่กล้าหืออีก จากนั้นหลงโม่ก็มาทุบตีทำร้ายร่างกายพวกตน นี่เรียกว่าพวกเขารังแกหูเจียวเจียวงั้นรึ!
เจ้าหมอนี่เข้าใจคำว่า ‘รังแก’ ผิดไปหรือไม่?
ครู่ต่อมา ลู่มู่เอียงคออธิบายเสียงสั่น “นี่ เราไม่ได้รังแกหูเจียวเจียว...”
ใบหน้าของหลงโม่ที่ได้ยินเช่นนั้นเย็นชาไปครู่หนึ่ง “เจ้ายังไม่ยอมรับงั้นรึ? ดูเหมือนว่าข้ายังคงออกแรงไม่มากพอ”
คำพูดที่เพิ่งออกมาจากปากมังกรหนุ่มทำให้แม่กวางเฒ่าแทบจะฉี่รดกระโปรงหนังสัตว์ นางยกมือขึ้นกุมหัวแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ตกลง! ตกลง! ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่รังแกหูเจียวเจียวอีก… ขะ-ข้าจะไม่ไปให้นางเห็นหน้าอีก”
คนของบ้านนี้เป็นบ้าไปแล้ว ใครอยากมีเรื่องด้วยก็เชิญ!
ยังไงนางก็จะไม่แตะต้องพวกมันอีก!
ไม่แม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้!
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: คนบางประเภทคือถ้าไม่โดนสั่งสอนสักทียังไงก็ไม่เข็ดหลาบ แล้วหลงโม่ก็เป็นวายร้ายสุดโหดในโลกนิยายอยู่แล้วด้วย รู้สึกเจ็บแทนเลย