บทที่ 135: นางอ่อนแอมาก นางคงกำลังหวาดกลัว
“หลง…หลงโม่?”
พอหูเจียวเจียวเห็นร่างที่คุ้นเคยตรงหน้า เธอก็ตกตะลึง
สถานที่ที่คุ้นเคย… ฉากที่คุ้นเคย... และจุดจบที่คุ้นเคย...
มังกรหนุ่มดูเหมือนจะมีจุดแข็งในเรื่องของการทำให้ภูตตกลงไปในแม่น้ำ!
เมื่อมังกรดำที่ลอยอยู่ในอากาศได้ยินเสียงของจิ้งจอกสาว เขาก็หันหัวมามองเธอด้วยดวงตาสีทองขนาดใหญ่ ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายสบายดี ความอาฆาตในแววตาของเขาก็จางหายไป
นางบอบบางมาก นางไม่เคยกล้าต่อกรกับคนอื่นมาก่อน นางคงกำลังหวาดผวายามต้องเจอกับสถานการณ์เช่นนี้
จากนั้นมังกรดำยักษ์บินกลับมาที่ด้านข้างของหูเจียวเจียว ตอนที่โรยตัวลงมา เขาก็กลายร่างเป็นมนุษย์
“ท่านพ่อ ท่านแข็งแกร่งมาก!”
“ท่านซัดไอ้วายร้าย 2 คนนั้นปลิวไปในอากาศเลย!”
ดวงตาของหลงหลิงเอ๋อส่องประกายไปด้วยความตื่นเต้น นางถึงขั้นปรบมือชื่นชมผู้เป็นพ่อเลยทีเดียว
ตอนที่เห็นว่าพ่อมังกรปรากฏตัว ในที่สุดเด็กอีก 4 คนก็รู้สึกโล่งใจ พลางคิดว่าท่านพ่อมาทันเวลาช่วยท่านแม่พอดี
แม้ว่าใบหน้าของหลงโม่จะบูดบึ้งรวมถึงคำพูดของเขาก็ไม่น่าฟัง แต่เขาก็เข้ามามีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาแบบนี้ อย่างน้อยชายหนุ่มก็สามารถรับมือกับคนอันธพาลได้ และถ้าเขาโชคดี เขาก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้หากคู่ต่อสู้อ่อนแอกว่า
เมื่อชายร่างสูงได้ยินคำพูดของลูกสาวตัวน้อย เขาก็เหลือบมองไปที่หูเจียวเจียวก่อนจะขยับเข้าไปหานาง
“ถ้าเจ้ากลัวล่ะก็...”
เขาเม้มริมฝีปากชั่วครู่ แล้วเปิดปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกขัดจังหวะด้วยคำสบถที่ดังอยู่ไม่ไกลก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ
“ไอ้แก่โง่ เจ้าดึงผมของข้าอยู่!”
“ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นอะไรมากไหม? รีบขึ้นมาเร็วเข้า...”
ทางด้านหูเจียวเจียวเฝ้าดูพ่อกวางแม่กวางชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ 2 คน พลางเดาะลิ้น 2 ครั้งโดยไม่มีร่องรอยของความสงสารบนใบหน้าของเธอเลยสักนิด
ถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับลูกน้อยของเธอ ผัวเมียคู่นี้คงจะไม่มีใครสำนึกผิด
ส่วนใบหน้าที่เคร่งขรึมของหลงโม่ที่ถูกขัดจังหวะนั้นตึงเครียดขึ้น เขาเฝ้าดูจิ้งจอกสาวที่กำลังจ้องมองครอบครัวตระกูลลู่อย่างตั้งใจ พลางคิดว่า
ตอนนี้นางต้องหวาดกลัวมากแน่ ๆ ถึงได้มองพวกมันแบบนั้น นางคงกลัวว่าพวกมันจะมาทำร้ายนางอีก
ไม่นานดวงตาของมังกรหนุ่มก็เปลี่ยนเป็นมืดมนและเย็นชา เขามองไปที่คนน่ารำคาญ 2 คนในแม่น้ำ พร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่ 2 สามีภรรยาตกลงไปในน้ำ เรื่องตลกก็จบลงเช่นกัน
จากนั้นชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์ก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน ซึ่งไม่มีใครต้องการช่วยเหลือพวกเขาหรือไปฟ้องหัวหน้าเผ่าเลยสักคน
ในเวลาเดียวกัน ครอบครัวตระกูลหลง 7 คนก็เดินทางกลับบ้าน โดยที่หลงโม่ถือถังหินใบเล็ก ๆ อยู่ในมือ เขานิ่งเงียบไปตลอดทาง ขณะที่ตนรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป
ส่วนเด็กน้อยทั้ง 5 เดินนำหน้าผู้ใหญ่ 2 คนไปด้วยหน้าตาแจ่มใส โดยเฉพาะหลงเหยาที่มีอารมณ์เบิกบานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสังเกตได้จากหางของเขาที่ชูขึ้น
บางครั้งเจ้ามังกรน้อยก็ฮัมเพลงเบา ๆ พลางส่ายหัวและบินไปมาต่อหน้าพวกพี่น้อง ประหนึ่งว่ามีกลไกไฟฟ้าขนาดเล็กติดตั้งอยู่ในตัว
“ฮื้อฮือฮือ~”
ข้านำถังหินใบเล็กกลับมาได้โดยที่ข้าไม่ถูกตี ดีใจจัง~
“ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเจ้ากำลังดีใจอะไรอยู่ เจ้าเกือบถูกยัยแก่คนนั้นเลาะเกล็ดแล้ว เจ้าไม่รู้จักกลัวเลยหรือไง เจ้ามังกรทึ่ม” หลงจงรู้สึกรำคาญน้องชายคนเล็กที่บินไปมาอยู่นั่น เขาจึงเริ่มบ่นอุบอิบ
“แบร่!” หลงเหยาบินไปข้างหน้าพี่ชายคนที่ 3 ก่อนจะแลบลิ้นพร้อมกับบิดบั้นท้ายยั่วยุอีกฝ่าย จากนั้นก็รีบบินไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลงอวี้
“ไอ้เด็กกวนประสาท!”
เจ้าของใบหน้าที่มีแผลเป็นแดงก่ำพร้อมกับที่บนหัวเหมือนมีควันพุ่งออกมา
ส่วนเด็กอีก 3 คนที่เหลือหัวเราะอย่างมีความสุขกับท่าทางนั้น
เสี่ยวเหยาตัวตึงในบรรดาพี่น้องทั้ง 5 จริง ๆ เขาสามารถไล่ต้อนพี่สามให้โกรธได้ทุกวี่ทุกวัน
ทางด้านหูเจียวเจียวที่เดินตามหลังได้เห็นลูก ๆ หยอกล้อกันเช่นนี้ เธอก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน
ตอนที่เธอทะลุมิติมาที่นี่ครั้งแรก เด็กพวกนี้ดูเหมือนขอทานตัวเล็ก ๆ ที่ร่างกายสกปรกมอมแมมทั้งตัว พวกเขามักจะมีสีหน้าเศร้าหมองอยู่เสมอ แถมยังหวาดระแวงกับทุกสิ่งที่ได้พบเจอ
ในที่สุดเด็กตระกูลหลงก็ดูเหมือนเด็กปกติทั่วไปเสียที
ถ้าเป็นไปได้ หญิงสาวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าดวงตามืดบอดของหลงเซียวและใบหน้าที่มีแผลเป็นของหลงจงจะได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด ในบรรดาเด็ก ๆ เหล่านี้ เธอเป็นห่วงเด็กหนุ่ม 2 คนมาก
เมื่อหูเจียวเจียวหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เธอก็เหลือบมองชายผู้มีบุคลิกนิ่งขรึมข้าง ๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า
“หลงโม่ เอ่อ... ขอบคุณนะ”
“อืม”
หลงโม่เม้มริมฝีปากแน่น การแสดงออกของเขายังคงสงบนิ่ง แต่ฟันเจ้ากรรมดันเผลอขบลิ้นตัวเอง และความเจ็บปวดทำให้เส้นเลือดบนหน้าผากของชายหนุ่มปูดออกมา
“หลงโม่ ทำไมหน้าเจ้าเป็นแบบนั้น วันนี้เจ้าเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” จิ้งจอกสาวสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของมังกรหนุ่ม เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วง
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาออกไปล่าสัตว์อีกแล้ว
ไหนจะต้องขนของหนักอีก เขาคงจะเหนื่อยมาก
คำถามนั้นยิ่งทำให้ใบหน้าของหลงโม่ดูถมึงทึงยิ่งขึ้น และเขาก็พึมพำออกมาว่า
“เปล่า”
พอชายร่างสูงปฏิเสธ หูเจียวเจียวก็ไม่อยากเซ้าซี้ถามอะไรเขาอีก
เจ้าจอมวายร้ายเป็นคนเจ้าอารมณ์ หากยามไหนที่เขาอารมณ์ดีก็จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น แต่หญิงสาวมักจะรู้สึกว่าเขาทำตัวแปลกไปในบางครั้ง เหมือนกับว่าเขาอารมณ์ไม่ดี ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าไปรบกวนเขา
แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ท้ายที่สุดแล้วหูเจียวเจียวคนที่อยู่ในร่างนี้ก็โสดมาตลอด เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับชายใด และเธอไม่รู้ว่าการคบแฟนสักคนเป็นอย่างไร
จากนั้นชายหญิง 2 คนก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วเดินกลับถึงบ้านโดยไม่มีใครพูดอะไรไปตลอดทาง
เวลาต่อมา หูเจียวเจียวเหลือบมองไปที่มือของหลงโม่ ขณะนี้เขาถือแต่ถังหิน แล้วทันใดนั้นเธอก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ “หลงโม่... เจ้าออกไปล่าสัตว์มาไม่ใช่หรือ? เหยื่ออยู่ที่ไหนล่ะ?”
คนถูกถามชะงักไปทันที ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าตนลืมอะไรไป
ตอนที่ชายหนุ่มกลับมายังเผ่า พอเขาได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับจิ้งจอกสาว เขาก็ทิ้งทุกอย่างในมือและมุ่งหน้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว
“ข้าจะไปเอามันกลับมา” หลงโม่ตัดสินใจวางถังหินลง หันหลังกลับแล้วเดินออกไปยังทิศทางอื่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำตัวสะเพร่าแบบนี้!
ก่อนที่หูเจียวเจียวจะทันได้พูดอะไร เธอก็เห็นว่าชายหนุ่มกลายร่างเป็นมังกรบินออกไปจากลานบ้านแล้ว
เธอคิดเพียงว่าหลงโม่คงกังวลว่าจะทำเหยื่อหาย เธอเลยไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
…
อีกด้านหนึ่งในเผ่า
เมื่อโหวเสี่ยวเตียวกลับมาจากการล่าสัตว์ เขาเห็นเหล่าภูตยืนล้อมรอบวัวสีดำและแผ่นหินขนาดใหญ่ หลังจากที่เขารู้ว่าหลงโม่เป็นคนเอามาวางไว้ที่นี่ เขาก็ขอให้ภูต 2-3 คนมาช่วยกันยกมันกลับไปส่งให้อีกฝ่าย
ขณะนี้ภูตกลุ่มหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นมังกรดำตัวหนึ่งบินผ่านมาอย่างรวดเร็ว
ลิงหนุ่มวางหินบลูสโตนในมือลงทันที ก่อนจะโบกมือให้มังกรตัวเขื่องบนท้องฟ้า “หลงโม่! ทางนี้ เหยื่อและหินของเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว!”
ทางด้านหลงโม่ที่กำลังบินอยู่ก้มลงมองโหวเสี่ยวเตียว แต่ความเร็วของเขาไม่ได้ลดลงเลย
ส่วนภูตลิงกระโดดเหยง ๆ ไปด้วยในขณะที่กวักมือเรียก เนื่องจากเขากลัวว่าอีกคนจะไม่เห็นตัวเอง เมื่อเห็นมังกรยักษ์หันมามองทางตน เขาก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจ
“หลงโม่ เจ้ามาพอดี เรากำลังขนของไปให้เจ้า ไม่ต้องขอบคุณหรอก—”
ชายหนุ่มเกาหัวแก้เก้อ และทันทีที่เขาพูดจบ มังกรดำขนาดใหญ่ก็เคลื่อนผ่านเหนือศีรษะของเขา
ฟ้าว!
แรงลมกระโชกทำให้ผมของโหวเสี่ยวเตียวปลิวว่อนยุ่งเหยิงทันที พร้อมกับที่เสียงพูดของเขาหยุดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเปิดปากกว้างตั้งท่าจะกรีดร้อง แต่เขาไม่มีเวลาที่จะได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเพราะอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาเร็วเกินไป
วินาทีต่อมา มังกรดำตัวยักษ์ก็บินหนีไปแล้ว…
“??”
เมื่อถึงเวลาที่ลิงหนุ่มกลับมามีสติ เขามองไปที่ด้านหลังของหลงโม่และอ้าปากค้างด้วยความงุนงง “หลงโม่ เหยื่อของเจ้าอยู่ที่นี่...”
แต่น้ำเสียงนั้นกลับอ่อนลงเรื่อย ๆ
จนในที่สุดเขาก็หุบปากลง ก่อนจะถอนหายใจพลางหันไปมองภูตคนอื่นที่กำลังตกตะลึงเช่นกัน “ช่างเถอะ เราเอาไปส่งที่บ้านของเขาก็แล้วกัน บางทีเขาอาจมีเรื่องด่วนเรื่องอื่นต้องไปทำ!”
ณ ตอนนี้ภูตในเผ่ามีความรู้สึกที่ดีต่อหูเจียวเจียวและหลงโม่ขึ้นมาก พวกเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจในการให้ความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการช่วยขนของ
จากนั้นภูตชายหลายคนก็ยังคงเดินทางไปที่บ้านของหูเจียวเจียว
ตอนนี้จิ้งจอกสาวกำลังจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้กับลูกน้อยทั้ง 5 แต่เธอก็เห็นโหวเสี่ยวเตียวนำภูต 2-3 คนเข้ามาที่บ้าน
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังแบกเหยื่อและหินบลูสโตนมา หญิงสาวก็รีบเดินไปต้อนรับแขกและถามว่า
“วันนี้พวกเจ้าไปขนหินมากันหรือ?”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ภูตของเผ่านำวัสดุสำหรับสร้างบ้านมาส่งเป็นชุด ๆ แม้ว่าหูเจียวเจียวจะไม่ได้พบคนเหล่านั้นเพราะเธอออกไปข้างนอก แต่พอเธอกลับมาก็พบว่ามีวัสดุมากมายตั้งอยู่ข้างนอกลานบ้านแล้ว