ตอนที่แล้วตอนที่ 152: ฟิวรี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 154: อารมณ์ที่ปะทุ!

ตอนที่ 153: คฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า


ตอนที่ 153: คฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า

หลังเซี่ยเฟยจากไปทูรามก็ทำการติดต่อไปยังฉินหมาง ซึ่งภาพที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอคือฉินหมางกำลังนั่งลูบขนเหล่าเฮยอย่างสบายใจ

“เฒ่าฉิน นายไปเก็บเด็กคนนี้มาจากไหน?” ทูรามกล่าวขณะคลายชุดเครื่องแบบ เพราะเมื่อไม่มีใครอยู่ในสำนักงานของเขาแล้วเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกังวลว่าคนอื่นจะมาบอกว่าเขาแต่งตัวไม่เรียบร้อย

“ฉันไม่ได้ไปเก็บมาเด็กคนนั้นเดินมาหาฉันเอง ว่าแต่สิ่งที่ฉันขอให้นายทำล่ะเป็นยังไงบ้าง?” ฉินหมางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เรื่องยานแบทเทิลครุยเซอร์ไม่มีปัญหา แต่ฉันไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยไปเรียนรู้ทักษะของเขามาจากไหน ในระหว่างที่เขาต่อสู้กับฉันเหมือนกับเขายังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ” ทูรามกล่าวอย่างหน้ามุ่ย

ฉินหมางหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนที่เขาจะหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ

“ฮ่า ๆ ๆ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านทักษะการต่อสู้ของสมาพันธ์ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจทักษะของคนหนุ่มได้เหรอเนี่ย ถ้าเขาไม่ใช้ฝีมือทั้งหมดแล้วทำไมนายไม่บังคับให้เขาใช้ฝีมือทั้งหมดออกมาล่ะ”

“นายคิดว่าฉันไม่อยากหรือยังไง ไอ้หนุ่มนั่นคิดจะแลกการโจมตีกับฉันโดยไม่สนใจร่างกายของตัวเองด้วยซ้ำ ถ้าฉันยังสู้ต่อไปฉันก็กลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ ฉันเลยหยุดเอาไว้ก่อน” ทูรามกล่าวตอบโต้ไปอย่างอึดอัดหลังจากได้ฟังคำดูถูกของฉินหมาง

“เอาจริง ๆ นะทำไมนายถึงคิดว่าเซี่ยเฟยมีไพ่ใบอื่น นอกจากความเร็วกับวิธีการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่น”

“หลังจากที่เขากลับมาในคราวนี้ฉันได้พบว่านิสัยของเขาแตกต่างไปจากเมื่อก่อน ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นผลจากการฝึกฝนที่ทำให้เขามีความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ แต่การพัฒนาเพียงแค่ความเร็วมันไม่มากพอที่จะทำให้เขามีความมั่นใจได้มากขนาดนี้ ฉันเลยคิดว่าเขาอาจจะมีความสามารถที่น่าทึ่งในเรื่องอื่น ตอนที่นายเริ่มจู่โจมเขาแสดงอาการตื่นตระหนกออกมาให้เห็นบ้างไหม” ฉินหมางกล่าวขณะใช้มือลูบขนแมวดำในอ้อมแขน

“มันไม่เพียงแต่เขาจะไม่ตื่นตระหนกแต่เขายังเตรียมรับสถานการณ์อย่างใจเย็น ในระหว่างการต่อสู้เขาคิดเสมอว่าจะทำลายกระบวนท่าของฉันได้ยังไง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขากลับเลือกที่จะไม่ลงมือ” ทูรามส่ายหัวพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“เขาจะต้องมีอาวุธที่ทรงพลังมากกว่านี้ซ่อนอยู่แน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่สามารถรักษาความสงบแบบนั้นเอาไว้ได้ ท้ายที่สุดความมั่นใจมันก็เกิดขึ้นมาจากรากฐานพลังของตัวเอง เซี่ยเฟยไม่ใช่คนประเภทแสดงความมั่นใจโดยไม่มีพลังคอยหนุนหลังอย่างแน่นอน” ฉินหมางกล่าวขณะแสดงท่าทีคิดพิจารณา

“เพียงแค่การเคลื่อนไหวของเขาก็เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากพออยู่แล้ว ถ้าหากว่าเขายังมีไพ่ลับที่ซ่อนเอาไว้แสดงว่าไอ้หนุ่มคนนี้เป็นคนที่ลึกลับจริง ๆ” ทูรามใช้มือแตะเคราที่คางพร้อมกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย

“นั่นคือสิ่งที่ฉันยังคิดไม่ออก ฉันพยายามตรวจสอบประวัติของเขาตั้งแต่เด็กจนโตแล้วแต่มันไม่มีอะไรที่ดูเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องของเขาเลย จู่ ๆ เขาก็สามารถเคลื่อนไหวแบบนั้นได้อย่างกะทันหันคล้ายกับเขาได้เรียนรู้มันขึ้นมาเองโดยไม่มีใครสอน” ฉินหมางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ออร่าบนตัวของเขาก็ค่อนข้างจะเบาบางมาก ถ้าหากว่าใครไม่ได้สังเกตเขาอย่างระมัดระวังคนคนนั้นก็อาจจะตรวจพบตัวตนของเขาไม่ได้เลย นายคิดว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนักฆ่าหรือเปล่า” ทูรามถามออกไปอย่างลังเล

“ฉันสังเกตเขามาสักพักใหญ่ ๆ แล้วถึงแม้วิธีการเคลื่อนไหวของเขาจะคล้ายคลึงกับพวกนักฆ่ามาก แต่เด็กคนนี้ถือกำเนิดขึ้นมาจากดาวโลก นายคิดว่าพวกนักฆ่าที่ลึกลับจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาจริง ๆ หรอ?” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ฉันก็คิดว่าไม่เกี่ยวเหมือนกัน พวกนักฆ่าถูกฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเล็กและอาศัยอยู่ในเงามืดตลอดชีวิต แต่เด็กคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ในแสงสว่างมากเกินไป” ทูรามกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ช่างมันเถอะ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรสำคัญเดี๋ยวเซี่ยเฟยก็แสดงไพ่ที่เขาซ่อนอยู่ออกมาเอง” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“เหตุการณ์สำคัญอะไร?”

“เมื่อเขาโกรธหรือกำลังมีชีวิตเป็นเดิมพัน” ฉินหมางกล่าวด้วยท่าทางที่เจ้าเล่ห์

ขั้นตอนในการขอจดสิทธิบัตรเครื่องขยายพลังชาร์จเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากมาก และเมื่อถึงเวลาที่เซี่ยเฟยเดินทางเข้าสู่ดาววีนอล 24 เขาก็เหลือเวลาอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวงเพียงแค่ 36 ชั่วโมงเท่านั้น

ปัจจุบันชายหนุ่มยืนอยู่ตรงบริเวณช่องหน้าต่างของยานอวกาศความเร็วสูง ซึ่งดาวตรงหน้าคือสถานที่ตั้งคฤหาสน์ของแอวริล

“ถ้าคฤหาสน์หลังนั้นเป็นสินทรัพย์ของตระกูลเจี่ยน มันก็หมายความว่าแอวริลมีโอกาสสูงที่จะเป็นสมาชิกในตระกูลเจี่ยนด้วยเหมือนกัน บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดเป็นบริษัทที่ให้บริการเครือข่ายสตาร์ลิงไปทั่วทั้งพันธมิตรและพวกเขาก็เป็นบริษัทอันดับ 14 จาก 500 บริษัทชั้นนำภายในกลุ่มพันธมิตรทั้งหมด” อันธกล่าวเบื้องหลังของแอวริลเท่าที่เขาสรุปได้

“แล้วไง?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นายเป็นแค่เด็กจน ๆ จากดาวโลกและมันก็มีแนวโน้มสูงที่แอวริลจะเป็นทายาทคนสำคัญของตระกูล นายไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะเป็นปัญหาอะไรใช่ไหม” อันธส่งเสียงหัวเราะพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดียวกับเซี่ยเฟย

“นายกำลังพูดถึงความแตกต่างของสถานะทางสังคมใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม

“ใช่ และสิ่งที่ฉินหมางบอกก่อนที่นายจะออกเดินทางก็น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน”

“นายได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์โลกมาสักพักหนึ่งแล้วใช่ไหม แล้วนายเคยได้ยินสุภาษิตนี้หรือเปล่า” เซี่ยเฟยกล่าว

“สุภาษิตอะไร?”

“เมื่อไม่มีความปรารถนา จิตใจย่อมแข็งแกร่ง”

“เมื่อไม่ความปรารถนา จิตใจย่อมแข็งแกร่ง?”

“ใช่ ไม่ว่าแอวริลจะเป็นคนจนหรือคนรวยฉันก็ไม่คิดที่จะเรียกร้องหรือเอาเปรียบเธอ แล้วทำไมฉันถึงจะต้องรู้สึกด้อยกว่าสถานะของเธอด้วย”

“นอกจากนี้ที่พวกเราสนิทกันนั่นก็เป็นเพราะเธอคู่ควร ไม่ใช่เพราะสถานะของเธอ”

“นายคิดได้แบบนั้นก็ดี ดูเหมือนฉันจะกังวลมากเกินไปนิดหน่อย”

“ฉันไม่ค่อยคุ้นกับสุภาษิต ‘เมื่อไม่ปรารถนา จิตใจย่อมแข็งแกร่ง’ นัก แต่ฉันได้เรียนรู้สุภาษิตหนึ่งมาว่า ‘คำนินทาฆ่าคนได้’ ถึงแม้ว่าความคิดของนายจะบริสุทธิ์แต่คนอื่น ๆ คงจะไม่คิดแบบนั้น” อันธกล่าวอย่างจริงจัง

มนุษย์เป็นเช่นนี้มาเสมอ เพราะท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าเซี่ยเฟยตีสนิทกับแอวริลเพราะความโลภในเงินทอง ซึ่งไม่ว่าใจจริงเขาจะคิดอะไรแต่ทุกคนก็จะไม่สนใจในเรื่องนั้น

ในระหว่างที่พวกเขาทำการสนทนายานอวกาศก็ค่อย ๆ จอดเข้าเทียบท่า ชายหนุ่มจึงเดินลงจากยานอวกาศพร้อมกับฝูงชน

“นายก็รู้จักฉันมานาน นายคิดว่าฉันจะสนใจความคิดของคนอื่นอย่างนั้นหรอ?”

คำพูดนี้ถึงกับทำให้อันธพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะถ้าหากเซี่ยเฟยสนใจความคิดของคนอื่นจริง ๆ เขาก็คงจะไม่ได้เลือกไปเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุด ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนั้นเขาก็คงจะไม่ได้รู้จักกับฉินหมางและไม่มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการเข้ารหัสของหุ่นยนต์

เซี่ยเฟยมาจนถึงจุดนี้ได้นั่นก็เพราะความพยายามและวิธีการคิดที่ไม่เหมือนใคร เส้นทางที่เขาเลือกเดินเป็นเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ทำได้เพียงแต่มองและส่ายหัว

“อย่างแย่ที่สุดฉันก็แค่กลับไปเป็นเด็กปั่นจักรยานส่งของ” เซี่ยเฟยไม่ได้รู้สึกกลัวความล้มเหลวเลยสักนิด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนโดยทั่วไปไม่เคยมีความคิดเช่นนี้อยู่ในหัว

การกลัวความล้มเหลวก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะมันช่วยทำให้มนุษย์ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตลอดเวลา แต่เซี่ยเฟยไม่เคยสนใจเรื่องพวกนั้นเพราะท้ายที่สุดถึงแม้เขาจะมีเงินเป็น 1,000 ล้านแต่เขาก็ยังคงสูบบุหรี่ที่มีราคาถูกที่สุด, กินบะหมี่ที่มีราคาซองละ 5 แอลไลคอยน์และถึงแม้ว่าเขาจะต้องกลับไปใช้ชีวิตที่ยากจนอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่คิดว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่

ดาววีนอล 24 เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของพันธมิตรทำให้ทั่วทั้งถนนเต็มไปด้วยหน้าจอโฆษณาขนาดใหญ่ และมีร้านค้าวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอย่างมากมาย

ว่ากันว่าบริษัทเทคโนโลยีมากกว่า 80% ของพันธมิตรตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในดาวดวงนี้ มันจึงทำให้แม้แต่อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ บนดวงดาวนี้ก็สามารถสังหารวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีไปได้เลย

หลังจากขึ้นรถแท็กซี่เซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่า

รถแท็กซี่เคลื่อนที่ผ่านชุมชนเมืองที่แออัดเข้าสู่พื้นที่ชนบทที่สวยงามทำให้มองเห็นภูเขาและแอ่งน้ำใสปรากฏให้เห็นในระยะไกล

ภูเขาสรวงสวรรค์มีความสูงไม่มากนัก โดยภูเขากับทะเลสาบอยู่ใกล้กันมากคล้ายกับเป็นพวกมันถูกสรรสร้างขึ้นมาซึ่งกันและกันจนกลายเป็นส่วนผสมที่งดงาม

บริเวณเชิงเขามีบันไดอัตโนมัติทอดยาวขึ้นไปด้านบน โดยในระหว่างทางมีอาคารขนาดใหญ่ถูกตั้งเอาไว้ใกล้ ๆ กับบ่อน้ำใสใต้ภูเขา

ถ้าหากว่าแอวริลอาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ เธอก็ควรจะอยู่อาศัยภายในอาคารบนภูเขาหรือไม่ก็อยู่ในอาคารบนยอดเขา

รถแท็กซี่สามารถวิ่งวนรอบนอกของภูเขาได้เท่านั้น ซึ่งในระหว่างทางเซี่ยเฟยก็ได้พบนักท่องเที่ยวที่ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างทะเลสาบ

ตระกูลเจี่ยนไม่ได้ห้ามนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชมวิวทิวทัศน์ของหุบเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นพวกใจดำมากขนาดนั้น

รถแท็กซี่ได้มาจอดลงตรงบริเวณประตูทางเข้าของคฤหาสน์ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มชำระค่าแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเขาก็เดินไปที่ประตูที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา

เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยเดินเข้ามาใกล้ชายผู้มีรูปร่างอันกำยำ 2 คนที่ยืนเฝ้าประตูก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปพูดกับชายหนุ่ม

“คุณครับพื้นที่ในส่วนนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าครับ” ชายผมสั้นกล่าวออกไปอย่างสุภาพ

“ผมมาหาแอวริลครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มาหาคุณหนู? คุณได้นัดเอาไว้หรือเปล่า” ชายผมบลอนด์ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

‘ที่แท้แอวริลก็เป็นคุณหนูของตระกูลเจี่ยน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงหลีกเลี่ยงคำถามของฉันมาโดยตลอด’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ

“ไม่ได้นัดไว้ครับแต่ช่วยแจ้งเธอให้หน่อยว่าเซี่ยเฟยมาหา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ โดยสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเคย

“ขอโทษนะครับพวกเรามีหน้าที่แค่เฝ้าประตูเท่านั้น เรื่องการจัดการแขกของคฤหาสน์เป็นหน้าที่ของพ่อบ้านผาง หากคุณต้องการพบกับคุณหนูคุณจะต้องทำการนัดหมายผ่านพ่อบ้านผางเสร็จก่อน พวกเราไม่สามารถทำในสิ่งที่คุณต้องการได้ครับ” บอดี้การ์ดผมสั้นกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด