MDB ตอนที่ 290 การบ่มเพาะเหนือธรรมชาติที่ภูเขากั่ว
"สำเร็จ!"
หลินจินตั้งใจจะลองดูเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว ในแง่ของความแข็งแกร่ง ฮูหยู่เจินยังคงเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา
สิ่งเดียวที่เธอควบคุมไม่ได้คือปีศาจในใจของเธอ
หลินจินจึงใช้โอกาสที่เธอยังเชื่อฟังเขา ทำการสังหารปีศาจของฮูหยู่เจินด้วยนักล่าปีศาจ
การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดก็คือจิตใจของฮูหยู่เจิน ก่อนหน้านี้เธอยังยืนกรานที่จะได้รับกายาแห่งธรรม แต่ตอนนี้ความปรารถนาเหล่านี้ได้จางหายไปในบัดดล
เมื่อเห็นพลังงานสีดำโผล่ออกมาจากร่างของเธอและเงาใบดาบจาง ๆ เธอไม่ต้องการคำอธิบายอีกต่อไป เธอเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นเพราะทักษะสุดมหัศจรรย์ของท่านหลิน
ฮูหยู่เจินไม่ใช่คนโง่ หลังจากครุ่นคิดสั้น ๆ เธอก็ตระหนักบางอย่างได้และโค้งคำนับทันที
“ท่านหลิน ท่านเพิ่งสังหารออร่าปีศาจของข้าไปใช่หรือไม่?”
เมื่อพลังงานปีศาจหมดไป ความเจ้าเล่ห์และความชั่วร้ายของฮูหยู่เจินก็หายไปเช่นกัน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะยังเหมือนเดิม แต่ตอนนี้กลิ่นอายของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แถมเธอยังปล่อยกลิ่นอายอันบริสุทธิ์ออกมาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าเธอจะมีมันได้
หลินจินพยักหน้ารับเบา ๆ
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งสำหรับความช่วยเหลือของท่าน ข้าจะจดจำบุญคุณนี้ไว้ขึ้นใจเจ้าค่ะ”
ฮูหยู่เจินขอบคุณเขาอย่างจริงจัง
ในขณะที่การสังหารปีศาจจะฟังดูน่าหวาดหวั่น แต่นึกไม่ถึงว่า เป้าหมายจะกลายเป็นคนละคนไปเลยทั้งก่อนและหลังการสังหารปีศาจ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ
เราสามารถอธิบายได้ว่าเป้าหมายไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป
ปีศาจนั้นคือผู้ที่หมกมุ่นอยู่กับบางสิ่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะถูกโน้มน้าวมากเพียงใด คน ๆ นั้นก็ไม่อาจหยุดจากอาการหลุ่มหลงได้
แต่เมื่อปีศาจถูกทำลาย เป้าหมายจะรู้สึกตัวในทันที
เช่นเดียวกับที่ฮูหยู่เจินเป็นอยู่ในตอนนี้
หลินจินตรวจสอบรายละเอียดของฮูหยู่เจินในพิพิธภัณฑ์อีกครั้ง เมื่อปีศาจในใจของเธอถูกลบออก และโกเลมหยกดำอีกตัวก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงสังหารปีศาจ โกเลมหยกดำนี้ถูกแกะสลักให้ดูเหมือนฮูหยู่เจินทุกประการ
ตอนนี้ดวงตาของฮูหยู่เจินกระจ่างชัด ราวกับว่าหลังจากที่ปีศาจของเธอถูกสังหาร ความปรารถนาของเธอก็หายไปด้วย เธอลุกขึ้นและพูดว่า
“หลังจากได้รับการรู้แจ้งจากท่าน ตอนนี้ข้า หยู่เจิน เข้าใจแล้วว่าการได้รับกายาแห่งธรรมไม่ใช่วิธีเดียวที่จะก้าวหน้าต่อไป เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงทุกสิ่งที่ข้าทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้ารู้สึกละอายใจที่สุด
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็จำได้ว่าข้ามีอาจารย์อยู่ แต่เนื่องจากอิทธิพลของปีศาจ ข้าจึงลงเอยด้วยการซ่อนความจริงนี้จากท่าน ข้าหวังว่าท่านจะไม่ตำหนิข้า”
หลังจากนั้น ฮูหยู่เจินมองไปในระยะไกลและเสริมว่า
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าใช้ชีวิตอย่างยุ่งเหยิงและถูกครอบงำด้วยความหลงใหล ตอนนี้ข้าฟื้นคืนสติแล้ว ข้าอยากจะไปแสดงความเคารพต่ออาจารย์ของข้า หากท่านไม่มีคำแนะนำใด ๆ แก่ข้าแล้ว ข้าจึงขอโอกาสนี้กล่าวลาท่านเจ้าค่ะ”
หลินจินรู้สึกตกใจอยู่ข้างในด้วยใบหน้าที่เฉยเมย
‘พลังของนักล่าปีศาจ มันไม่มากเกินไปงั้นเหรอ? หลังจากที่ปีศาจของเธอถูกสังหาร มันก็เหมือนกับว่าเธอกลายเป็นคนละคน แม้ว่าเธอจะแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่จริง ๆ แล้ว ฮูหยู่เจินก็บริสุทธิ์และสำรวมมาก
แต่นี่เป็นผลดี
ตัวเธอนั้นไม่เหมือนกับชางเอ๋อร์และวานรยักษ์ขาว แถมเธอยังมีอาจารย์ เนื่องจากเธอมีบางอย่างที่ต้องทำ มันจึงไม่สมควรที่จะรั้งเธอไว้ที่นี่
เขาถือว่าสิ่งนี้เป็นผลลัพธ์ที่ดี
หลินจินพยักหน้า
"งั้นข้าก็ขอให้เจ้าเดินทางอย่างปลอดภัย แต่จงจำไว้ว่าการบ่มเพาะนั้นเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก และจงระวังอย่าให้จิตใจของเจ้าถูกครอบงำด้วยความปรารถนาอีก”
ฮูหยู่เจินพยักหน้า หลังจากโค้งคำนับ เธอควบคุมสายลมเพื่อพัดพาเธอออกจากยอดภูเขากั่ว
หลังจากที่ฮูหยู่เจินออกไปแล้ว เจ้าลิงขาวก็เข้ามา
“อาจารย์หลิน มันเกิดอะไรขึ้นกับแม่นางเสือตนนั้น? ข้าคิดว่าข้าเห็นใบดาบฟันลงมาบนหัวเธอก่อนหน้านี้ แต่มีเมฆสีดำออกมาแทนเลือดของนาง แล้วพลังงานสีดำนั้นคืออะไรขอรับ?”
หลินจินชำเลืองมองเจ้าลิงขาวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ขณะที่เขากำลังจะอธิบาย หลินจินก็ตระหนักว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจเรื่องนี้โดยพิจารณาจากความสามารถในการเข้าใจในปัจจุบันของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว พลังงานปีศาจนั้นลึกลับมาก อาจกล่าวได้ว่ามันมีอยู่จริง แต่ก็อาจกล่าวได้ว่ามันไม่มีอยู่จริง
“วานรยักษ์ขาว เจ้าจงมุ่งความสนใจไปที่การบ่มเพาะของเจ้าเสียเถิด ข้าเองก็ต้องบ่มเพาะในอีกสองวันข้างหน้า ดังนั้นอย่ามารบกวนข้าในช่วงเวลานี้” หลินจินสั่ง
วานรยักษ์ขาวเชื่อฟังอย่างว่าง่าย
ดังนั้น หลินจินจึงนั่งอยู่ใต้ต้นสนขนาดใหญ่บนยอดภูเขากั่ว ในขณะที่เขาเริ่มบ่มเพาะ ความสนใจของเขาไม่ใช่สิ่งอื่นนอกเสียจากคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่, เมฆานำพาและคัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์
ถึงตู้หลี่เรียกคัมภีร์จ้าวอสูรเล่มที่สี่เป็นวิธีการบ่มเพาะเบื้องต้น แต่หลินจินกลับไม่คิดอย่างนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นระดับทั่วไปหรือไม่ก็ตาม หลินจินก็ไม่สนใจตราบใดที่มันมีประโยชน์
ส่วนเสี่ยวฮั่วไม่ได้หายไปไหน เจ้าตัวเล็กยังคงอยู่เคียงข้างหลินจินในรูปแบบอื่น ตราบเท่าที่หลินจินเต็มใจ พลังงานน้ำแข็งและไฟก็จะโผล่ออกมาจากแขนของมัน แล้วควบแน่นเป็นเงาของเสี่ยวฮั่ว
ด้วยการบ่มเพาะคัมภีร์จ้าวอสูร มันจะทำให้เสี่ยวฮั่วแข็งแกร่งขึ้น และหลินจินก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่ผู้ฝึกตนจะสามารถใช้พลังของสัตว์เลี้ยงของเขาได้คือส่วนที่ดีที่สุดของคัมภีร์จ้าวอสูร
ในขณะเดียวกัน เมฆานำพา ก็เป็นทักษะอันลึกซึ้งเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถแสดงจุดเด่นของทักษะนี้ได้เนื่องจากพลังงานวิญญาณของเขามีจำกัด หลินจินถูกบังคับให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีใช้ทักษะเพื่อสร้างบันไดเมฆและแท่นลอย
ในความเป็นจริง ทักษะนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย ยิ่งเขาเชี่ยวชาญมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีประโยชน์กับเขามากขึ้นเท่านั้น
และสุดท้าย คัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์…
นี่เป็นตำราเกี่ยวกับเจตจำนงแห่งดาบ
มันมุ่งเน้นไปที่การสร้างเสริมเจตจำนงแห่งดาบ ส่งเสริมจิตใจที่เปี่ยมล้นและความตั้งใจของดาบที่ทำลายไม่ได้
ฟังดูแล้วนี่คงไม่ใช่เคล็ดวิชาเกี่ยวข้องกับการใช้ดาบในการฟาดฟันศัตรู
แล้วอีกอย่าง คัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์ก็มีความต้องการพื้นฐานที่ค่อนข้างสูง ด้วยถ้อยคำเพียงหลายร้อยคำ มันบรรจุข้อมูลที่มากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ยาก แม้จะนั่งอยู่ใต้ต้นสนขนาดใหญ่นี้เป็นเวลา 2 วัน หลินจินก็สามารถเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วันนี้เป็นวันที่สวยงาม เจ้าลิงขาวกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนพื้น และซอมบี้คธูลูกำลังแหว่งหนวดเขี่ย ๆ อยู่บนพื้น มีนกบินมาเกาะอยู่บนต้นสนขนาดใหญ่ และส่งเสียงออกมา ทุกอย่างช่างดูสงบสุข
ทันใดนั้น ดวงตาของหลินจินก็เปิดขึ้น
ในตอนนั้นเอง ราวกับใบดาบถูกชักออกจากฝัก...
ออร่าทะลุทะลวง แม้แต่เจ้าลิงขาวและซอมบี้คธูลูตกใจ พวกเขาสะดุ้งในขณะที่นกบนต้นไม้บินหนีอย่างเตลิดเปิดเปิง
หลินจินจ้องเขม็งไปที่นกบิน
ราวกับสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของเขา เจ้านกเหลือบกลับมามองหลินจินจากหางตาของมัน เมื่อสายตาของพวกเขาประสานกัน เจ้านกก็รู้สึกถึงใบดาบพุ่งเข้าหามัน ทันใดนั้นร่างของมันก็สั่นเทาและตกลงมาจากท้องฟ้า
ต่อจากนั้น เจ้านกก็หมดลมหายใจ
มันไม่ได้ตายจากการร่วงหล่นแต่ตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว
เพียงพริบตา เจตจำนงแห่งดาบของหลินจินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อกี้เป็นการทดลองสิ่งที่เขาฝึกฝนมาตลอดสองวันที่ผ่านมา แม้ว่ามันจะไม่เทียบเท่ากับที่คัมภีร์ดาบศักดิ์สิทธิ์สอนที่ผู้ฝึกตนสามารถกวาดล้างการโจมตีได้ทุกทิศทาง อย่างน้อย ๆ เขาก็ทำให้ขั้นแรกแล้ว
หลังจากถอดเจตจำนงแห่งดาบออกไป วานรยักษ์ขาวก็เพิ่งได้สติและถามอย่างหวั่นเกรงว่า
“อาจารย์หลิน นั่นคือพลังวิเศษอะไรหรือขอรับ? ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีดาบอยู่บนหัวพร้อมที่จะฝ่าร่างของข้าได้ทุกเมื่อขอรับ?”
วานรยักษ์ขาวพูดตามความรู้สึก ด้วยสิ่งนี้หลินจินจึงตระหนักว่าเจตจำนงแห่งดาบของเขา มันสามารถนำมาใช้งานได้จริง
“นี่คือเจตจำนงแห่งดาบที่ข้าเพิ่งทำความเข้าใจ ข้าได้เรียนรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น” หลินจินตอบ เขาพูดความจริงแต่วานรยักษ์ขาวคิดว่าหลินจินกำลังถ่อมตน
วานรยักษขาวสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน หากสิ่งนี้ถือเป็น 'สิ่งเล็กน้อย' หากหลินจินเรียนรู้ได้อย่างสมบูรณ์ หลินจินจะไม่ทำลายล้างโลกเลยหรือ?
จากนั้นวานรยักษ์ขาวก็เปลี่ยนความสนใจไปยังนกที่ยืนนิ่งอยู่บนพื้น เขาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
“อาจารย์หลิน เจ้านกตัวนี้ไม่ได้บาดเจ็บ แต่ว่ามันตายแล้ว” วานรยักษ์ขาวแสดงความคิดเห็นออกมา
หลินจินรู้ว่าเจ้านกตายได้อย่างไร?
ในการทดลองของเขาก่อนหน้านี้ หลินจินได้มุ่งเจตจำนงแห่งดาบของเขาไปที่นกตัวนี้ แม้ว่าเจ้านกจะมีสติปัญญาต่ำ แต่เจตจำนงแห่งดาบก็ยังสามารถทำลายจิตใจของมันได้ ดังนั้น แม้ว่าดาบจริงจะไม่ฟันเข้าใส่มัน แต่ในใจของนก มันก็รู้สึกว่ามันถูกฟันหัว
โดยถือว่ามันตายแล้วโดยที่ร่างของมันยังเป็น ๆ
เจตจำนงแห่งดาบสามารถทำการสังหารโดยไม่จำเป็นต้องให้เลือดไหลออกมา