8.จิตวิญญาณที่สาม
"แต่..."
“หยุดพูดเรื่องรางวัลได้แล้ว มันไม่เป็นไร”
วิลเลียมห้ามไม่ให้เธอพูดอีก
“ตอนนี้เรามาคุยกันว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาของเจ้าก่อน”
เธอมองดูเขายกคริสตัลขึ้นมาดูใกล้ๆดวงตาของเขา ราวกับกำลังตรวจสอบบางสิ่งอย่างสนใจ
เธอรู้ว่ายังดึงดันเรื่องรางวัลอยู่ เขาคงไม่ยอมรับอยู่ดี
แต่ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมทำตามที่เขาพูด ในสายตาของเธอ
เธอจัดคนที่ยอมช่วยเหลือเธอให้อยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดในหัวใจและชีวิตของเธอ
ดังนั้นเธอจึงหยุดและเฝ้าดูสิ่งที่เขากำลังทำอยู่เงียบๆ โดยไม่บอกเขาว่าเธอคิดอะไร
เธอให้คำมั่นกับตัวเองว่าถ้าเขาช่วยเธอได้จริงๆ เธอจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อตอบแทนเขา
คนอย่างวิลเลี่ยมที่มาจากครอบครัวอ่อนแอและยากจน ยังต้องการความช่วยเหลือในทุกอย่าง
เธอมองหน้าเขา ร่างกายที่อ่อนแอของเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เธอไม่เคยคาดหวังเลยว่าปัญหาของเธอจะถูกทำให้กระจ่างโดยคนอย่างวิลเลียม
เธอสงสัยถึงขั้นที่ว่าถ้าเธอไปเล่าเรื่องวิลเลียมให้พ่อของเธอฟัง เขาจะเชื่อเธอหรือเปล่า!
วิลเลียมไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ เขากำลังจดจ่อกับการสังเกตจุดสีแดงและสีทองภายในคริสตัลอยู่
จากที่เขารู้ จิตวิญญาณฟีนิกซ์ปกติจะเป็นสีชมพูเสมอ
จิตวิญญาณนั้นอาจถึงระดับสีแดงอยู่บ้าง แต่มันไม่ใช่สีทองแบบนี้
เขาจำจิตวิญญาณฟีนิกซ์นี้ได้จากสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของวิญญาณฟีนิกซ์
แต่เขาจะไม่บอกเรื่องนี้กับเบอร์รี ในสายตาของเขา เขาไม่ได้สนใจตัวจุดแสง
แต่สนใจรูปแบบทั่วไปที่จุดแสงก่อตัวเป็นรูปร่างภายในคริสตัล
มีรูปแบบจิตวิญญาณมังกรอยู่เคียงข้างกับรูปแบบฟีนิกซ์ แต่จุดสีทองเหล่านี้คืออะไร?
จุดแสงสีทองไม่มีรูปแบบใดๆเลย ทำให้เขาสับสนมากขึ้น เมื่อเขาสังเกตอย่างใกล้ชิด
ในอีกห้านาที ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
"เซรี่ย!"
เขาอดจะสบถออกมาดังๆไม่ได้ เมื่อได้ข้อสรุปที่บ้าคลั่ง
“อะไรกัน มันเป็นอะไรหรือเปล่า แย่แล้ว? แย่แล้ว ข้ากำลังจะตายเหรอ?!”
ยังไงเบอร์รี่ก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ในวัยนี้ เธอจึงค่อนข้างใจร้อนที่จะสรุปโดยไม่ทันคิด
เธอเข้าใจผิดว่าเขาเจอบางอย่างที่แย่และเป็นเรื่องใหญ่
ใช่แล้วที่มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แต่มันไม่ใช่สิ่งที่แย่เลยแม้แต่น้อย
วิลเลียมเหลือบมองเธออย่างพูดไม่ออก ในชั่วแวบหนึ่ง เขารู้สึกอิจฉาเธอมาก
เด็กผู้หญิงในวัยนี้ไม่เพียงมีวิญญาณคู่เท่านั้น
แต่ยังได้รับโอกาสที่หายากและล้ำค่าเช่นนี้อีกด้วย มันน่าอิจฉาจริงๆ
"เป็นเรื่องดี"
ในที่สุดเขาก็หายตกใจ
"เจ้านี่มันช่าง... โชคดีจริงๆ"
"ข้านี่เหรอ?"
เธอชี้ที่ตัวเองแปลกๆ
"เจ้าเจออะไร บอกมาน่า ข้ารู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นอัจฉริยะ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
ช่างหาได้ยากนักที่เธอจะแสดงบุคลิกที่ไม่เคยแสดงให้คนอื่นเห็นมาก่อน
วิลเลียมมองเธอโดยไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือหัวเราะดี
“จิตวิญญาณทั้งคู่ของเจ้าไม่ได้สู้เพียงเพื่อเอาครอบงำอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจิตวิญญาณทั้งคู่จึงกำลังผสานเข้าด้วยกัน”
เขาพูดก่อนที่จะชี้ไปที่คริสตัลในมือ
“มาดูนี่ เจ้าเห็นจุดสีแดงจางๆพวกนี้ที่อยู่กลางพายุหมุนสีทองนี่ไหม?”
จุดแสงสีทองล้อมรอบจุดแสงสีแดงไว้ในรูปแบบที่เขาเรียกตอนนี้ว่าพายุหมุน
ส่วนจุดแสงสีแดงนั้น เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าพวกมันไม่ได้มาจากเป็นแบบเดียวกัน
ในที่สุด เขาก็มองหาที่อยู่ของจิตวิญญาณฟีนิกซ์ในสภาพไร้ระเบียบนี้จนเจอ
ก่อนหน้านี้เขาคิดผิดว่าจุดแสงสีแดงเป็นเพียงจิตวิญญาณมังกร
ครึ่งหนึ่งของมันเป็นสีแดงเข้ม ส่วนที่เหลือมีสีจางกว่าเล็กน้อย
ถ้าไม่มองใกล้ๆอย่างละเอียด ก็จะพลาดไป
แต่เบอร์รี่คือใคร? เธอเป็นเด็กผู้หญิง!
และเด็กผู้หญิงมักมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติในการจดจำสี ต่างจากเด็กผู้ชาย
“ใช่แล้ว ตรงนั้นมีแสงสีแดงสองประเภทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน”
เธอแค่มองใกล้ๆ เพียงครั้งเดียวก่อนจะเงยหน้าขึ้น
“พวกมันคือจิตวิญญาณของฉันหรือเปล่า”
“ใช่แล้ว”
วิลเลียมพยักหน้าด้วยความอิจฉาอีกครั้งกับความสามารถที่เธอจำแนกสีทั้งสองได้
“ถ้างั้น… จุดแสงสีทองพวกนี้ล่ะ?”
“พวกมันเกิดจากจากผสานกันเป็นจิตวิญญาณใหม่ทั้งหมด”
วิลเลียมกล่าวด้วยความอิจฉา
"จิตวิญญาณที่สาม?!!"
แต่มันไม่เหมือนกับที่เขาคาดไว้ เธอประหลาดใจจากเหตุผลอื่น
"ข้ามีจิตวิญญาณสามประเภทอยู่ในร่างของข้าเหรอ ว้าว!"
วิลเลียมไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าเธออยู่ที่นี่
“ตอนนี้มีอยู่สามจิตวิญญาณ แต่ต่อไปจะเหลือเพียงจิตวิญญาณเดียว”
วิลเลียมหยุดเพื่อพยายามสรุปให้ง่ายขึ้น
“ถ้าจะคิดว่ามันเป็นการกลายพันธุ์ของจิตวิญญาณก็ได้… ใช่แล้วมันเป็นแบบนั้นแหละ”
“โอ้ งั้นข้าก็ต้องรอจนกว่าพวกมันทั้งคู่จะรวมเข้ากันได้ในที่สุด?”
เธอฉลาดพอที่จะตระหนักถึงจุดนี้ด้วยตัวเอง
“เราทำแบบนั้นไม่ได้”
ต่างจากที่เธอคิดไว้ วิลเลียมส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าเราปล่อยให้พวกมันต่อสู้และผสานกันต่อไปเอง ไม่เพียงแต่มันจะทำลายร่างกายของเจ้าเท่านั้น แต่ยังจะทำร้ายชีพจรวิญญาณของเจ้าและเส้นลมปราณอีกด้วย”
“วิญญาณ… อะไรนะ?”
ในขณะที่เขาหลุดปากพูดบางอย่างเกี่ยวกับความรู้มากมายของเขาออกไปตามความเคยชิน
ทำให้เธออดถามไม่ได้
“ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจมันเลย”
เขารีบแก้ไขสิ่งที่พลั้งปากออกไป
“ตอนนี้เราต้องจัดการกับกระบวนการนี้ก่อนและพยายามควบคุมมันให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเราทำให้จิตวิญญาณทั้งสองเข้ากันได้มากขึ้น เจ้าก็จะทะลวงผ่านคอขวดได้.”
“เข้ากันได้…”
เบอร์รี่ขมวดคิ้วขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิดลึก ๆ
“แต่มังกรและฟีนิกซ์มันไม่ใช่เหมือนไฟและน้ำหรือ เราจะทำให้จิตวิญญาณที่เป็นศัตรูกันทั้งสองนี้เข้ากันได้ได้อย่างไร”
วิลเลียมไม่ได้แปลกใจกับวิธีคิดของเธอ
อย่างไรก็ตาม โลกนี้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับจิตวิญญาณและปรมาจารย์วิญญาณยังไม่เจริญเต็มที่