บทที่ 25: สู้กับศพจากอาคารป่าและการพัฒนา
โดนมอนสเตอร์ไล่ล่าแบบนี้มันทรมานใจจริง ๆ ถ้าไม่สู้กลับไม่ก็ไม่ใช่ถังเจิ้นแล้ว
ทว่าแม้อยากจะทำมันก็ต้องอยู่ให้ห่างจากฐานทัพของอีกฝ่ายซะก่อน ไม่งั้นหากไอ้ตัวใหญ่มันออกนอกฐานมาไล่ทุบตีเขาด้วยตัวเองล่ะก็ถังเจิ้นคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องไห้
ถังเจิ้นที่ตัดสินใจแล้วจึงเริ่มควบคุมความเร็วของตนให้รักษาระยะห่างจากไอ้พวกทหารผีอย่างเหมาะสม นอกจากเพื่อทิ้งระยะห่างกับพวกมันแล้วยังเพื่อให้ตัวเองอยู่ในระยะมองเห็นเป็นตัวล่อพวกมันออกห่างจากอาคารป่าอีกด้วย
ซึ่งก็โชคยังดีที่ไอ้มอนสเตอร์พวกนี้ที่วิ่งตามมาเหลือแต่ทหารผีดาบโล่อะไรพวกนี้ที่เป็นพวกตีใกล้เลยไม่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกล ไม่อย่างนั้นถังเจิ้นคงโดนหลอยหลังไปแล้ว
กระนั้นเมื่อเทียบกับพวกมันที่วิ่งเอา ๆ เหมือนมีแรงที่ไม่มีวันหมดแล้วถังเจิ้นดูจะเจองานหนักกว่าเยอะ
ถ้าเขายังคงวิ่งต่อแบบนี้ล่ะก็แม้ว่าจะไม่โดนพวกมันฟันตายเขาก็อาจจะหมดแรงร่วงลงไปกองก่อน
หลังจากสูดหายใจเข้าลึก ๆ ไปฟืดหนึ่งแล้วถังเจิ้นก็เรียกปืนพกออกมาจากกลางอากาศแล้วหันไปเล็งด้วยความเร็วสูงปานฟ้าแลบแล้วก็ลั่นไกใส่ไอ้ตัวดาบโล่ที่วิ่งนำมาใกล้สุด!
ปัง ปัง ปัง!
กระสุนสามนัดนี้เร็วมากและชำแรกเข้าร่างของมันจนกระตุกตามแรงกระแทก แต่แม้เกราะเยิน ๆ ที่มันใส่อยู่จะโดนยิงจนกระจุยไปแล้วก็ตาม แต่ฉากร่วงลงไปกองดังที่คาดไว้กลับไม่ปรากฏให้เห็น กระสุนสามนัดของถังเจิ้นทำได้แค่เจาะรูที่ตัวมันเฉย ๆ!
“ห่าเอ๊ย เชี่ยไรมันวะเนี่ย!”
ถังเจิ้นตกตะลึง อาวุธสังหารมอนสเตอร์ในมือที่ใช้ได้ผลมาตลอดกลับไม่อาจแผลงฤทธิ์ตามที่คาดไว้ให้
แถมร่างของไอ้ทหารผีดาบโล่กลับทำให้ถังเจิ้นรู้สึกว่ามันเป็นยางชิ้นหนึ่งซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้!
และมันยังฉวยจังหวะที่ถังเจิ้นมัวยืนงงเข้าประชิดตัวเขาได้ ใบหน้าอันดุดันของมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม ดาบในมือมันก็เงื้อขึ้นฟ้าแล้วและพร้อมที่จะสับเขาให้ขาดทันที
ถังเจิ้นไม่กล้าที่จะลังเลและกลับหลังวิ่งหนีอีกครั้งด้วยความสิ้นหวัง หลังจากวิ่งต่อเนื่องหนึ่งนาทีเต็ม ๆ เขาก็เว้นระยะห่างจากมันพอประมาณได้อีกรอบ
ถังเจิ้นหายใจหอบหนักหยิบดาบของตนออกมาจากกลางอากาศ และตั้งท่ารอเลย พอเมื่อไอ้ตัวดาบโล่นั่นมันเข้ามาใกล้เขาก็ฟาดดาบใส่มันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี
ดาบที่ทำจากแหนบรถนั้นมีขนาดใหญ่และหนักมาก เมื่อฟาดลงไปก็สับเข้าที่ไหล่ของไอ้ทหารผีดาบโล่ตัวดังกล่าวเข้าเต็ม ๆ แล้วเฉือนต่อจนจบงานทำให้แขนของมันตั้งแต่ไหล่ลงไปร่วงไปกองที่พื้น
เรื่องที่เกิดทำเอาถังเจิ้นแทบจะบ้าตาย เพราะไอ้ทหารผีดาบโล่ที่โดนตัดแขนไปข้างหนึ่งกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ร่างมันแค่กระตุกถอยหลังไปนิดหน่อยแล้วก็โงนเงนมุ่งหน้าตรงเข้าประชิดถังเจิ้นต่อ
“ไอ่เวรเอ๊ย แล้วกูจะสู้ยังง้ายยยยยยย!”
ถังเจิ้นตะโกนก่นด่าไปพลางหันหลังวิ่งหนีอีกรอบ
การทดลองสองครั้งได้พิสูจน์แล้วว่าต่อให้ถังเจิ้นจะสามารถฉีกพวกมันให้เป็นชิ้น ๆ ได้หรือจะผ่าพวกมันเป็นสองท่อนพวกเวรนี่ก็คงจะไม่ยอมตายและพยายามกระดึ๊บเข้ามากัดคอเขาจนได้อยู่ดี
จะว่าไปแอปเครื่องตรวจจับก็บอกอยู่นี่หว่าว่าพวกมันไม่กลัวความเจ็บปวด!
แปลว่าวิธีการต่อสู้แบบประชิดตัวไม่ได้ผล ดังนั้นถังเจิ้นจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือใช้จุดอ่อนของมันเพื่อฆ่าทิ้ง!
ด้วยเหตุนี้ถังเจิ้นจึงเทเลพอร์ตอีกรอบ
เมื่อเห็นว่าถังเจิ้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้งไอ้ทหารผีตัวที่ไล่ตามมาติด ๆ ก็ถึงกับแหกปากคำรามขึ้นฟ้าเสียงดังลั่น จากนั้นก็เดินวนอยู่รอบ ๆ จุดที่เขาหายไปโดยไม่ยอมจากไปไหนอยู่นานโข
และเมื่อถังเจิ้นปรากฏตัวอีกครั้งคราวนี้ในมือเขาถือถังน้ำมันเอาไว้ด้วยแล้ว
จริง ๆ มันคือเชื้อเพลิงที่เขาเก็บสำรองไว้ที่บ้านเผื่อไว้ใช้กับรถเอทีวียามฉุกเฉิน แต่ไม่นึกเลยว่าจู่ ๆ จะได้เอามาใช้ประโยชน์แถมผิดประเภทไปไกลซะขนาดนี้
!
เมื่อโผล่มาเจอกับไอ้พวกทหารผีดาบโล่อีกครั้งเขาก็กระโจนใส่พวกมันทันที่ที่เห็นหน้ากัน โดยเขาได้เหวี่ยงตัวสุดแรงสาดน้ำมันทั้งถังใส่พวกมันจนเปียกโชกไม่ต่างจากไก่ตกน้ำ
ในขณะที่โยนถังเชื้อเพลิงทิ้งถังเจิ้นก็จุดไฟแช็กใส่ทิชชูเปียกน้ำมันและปาใส่พวกมันอย่างว่องไว
ไฟที่ลุกพรึบขึ้นมาเกิดเป็นควันดำขโมงโฉงเฉงกลายอากาศประกอบกับเสียงกรีดร้องโหยหวนของไอ้พวกทหารผีเป็นซาวด์เอฟเฟกต์
เปรี๊ยะ
เสียงสะเก็ดไฟระเบิดพร้อมกับเปลวไฟที่พุ่งสูงขึ้นฟ้าและพวกทหารผีดาบโล่ที่ไล่ตามมาก็แปรสภาพกลายเป็นคบเพลิงร่างคนไปทั้ง ๆ อย่างนั้น การเผาไหม้นั้นรุนแรงมาก ๆ มีการปล่อยควันดำออกมาเป็นระลอก ๆ
ในระหว่างนั้นมีเสียงแปลก ๆ คือ “ฉ่า~” ซึ่งเป็นเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ยามเมื่อเนื้อและไขมันถูกไฟเผา
แต่ฉากที่ทำให้ถังเจิ้นต้องซีดไปเลยก็คือแม้ไอ้พวกทหารผีดาบโล่มันจะกำลังโดนไฟคลอกอยู่ก็ตาม แต่มือของพวกมันยังคงโบกสะบัดดาบขนาดใหญ่ไล่ตามถังเจิ้นกันอย่างเมามันไม่ยอมเลิก
ความตกตะลึงพรึงเพริดของถังเจิ้นคงเกินกว่าที่คนทั่ว ๆ ไปจะจินตนาการออก ขณะที่เขาพยายามหลบหลีกพวกมันอยู่นั้นเองการเคลื่อนไหวของพวกมันก็ค่อย ๆ ช้าลงไปเรื่อย ๆ ทำให้เขาสามารถสังเกตปฏิกิริยาตอนถูกเผาของพวกมันได้
หลังจากหลบหลีกไปได้อีกไม่กี่นาทีเหล่าทหารผีทั้งหลายที่มีกำลังไม่รู้จักหมดก็พากันทรุดลงกับพื้นแปรสภาพกลายเป็นกองก้อนถ่านดำ ๆ ในที่สุด
และบนทุ่งหญ้าบริเวณนั้นได้มีมีเศษแขนขาไหม้เกรียมตกกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งตอนที่พวกมันไล่ฆ่าถังเจิ้นชิ้นส่วนที่ถูกเผาจนติดกันไม่อยู่ก็ร่วงตามทางไปด้วย
ปึก
ถังเจิ้นทรุดตัวลงกับพื้นหอบหายใจอย่างแรง เขาเหนื่อยมาก การกระทำทั้งหมดนี้ทำเอาเหนื่อยจนปอดแทบจะระเบิด
เมื่อมองไปยังศพของไอ้พวกทหารผีดาบโล่บนพื้นแววตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ และเขาก็ได้เรียนรู้ว่าแม้การต่อสู้เป็นตายกับไอ้พวกนี้มันจะอันตรายและลำบากเหลือเกินก็ตาม ทว่ามันกลับสอนให้เขารู้จักคิด
ในอนาคตวิธีการฆ่ามอนสเตอร์จะต้องมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับโหมดการต่อสู้อย่างการใช้มือเปล่าหรือกระสุนปืนยิงเท่านั้น เหมือนอย่างที่เมื่อกี๊เขาใช้ไฟเผาพวกมัน
เมื่อเช็คข้อมูลส่วนตัวในมือถือก็พบว่ามีความคืบหน้าในการจะอัปเลเวลอย่างมาก แปลว่าการฆ่าครั้งนี้คือได้ผลจริง!
ตามความคืบหน้านี้หากจัดอีกซักรอบล่ะก็สามารถเลื่อนเป็นเลเวล 2 ได้เลย
ขนาดเลเวล 1 ก็ยังครอบครองพลังที่แข็งแกร่งมากแล้ว แปลว่าเลเวล 2 จะต้องทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก
หัวใจของถังเจิ้นเริ่มร้อนรุ่ม และชั่วพริบตานั้นเองในสายตาเขาแล้วเย่โหลว (อาคารป่า) อันแปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวก็ดูเหมือนจะกลายเป็นกองลูกปัดสมองที่ส่องแสงแวววาวรอให้เขาไปจุดไฟเผาแล้วปล้นทุกสิ่งทุกอย่างเข้ากระเป๋าให้หมดเกลี้ยง!
เพียงแต่การลากมอนสเตอร์เป็นฝูงเมื่อกี๊มันทำเอาตัวเขาเองหัวใจแทบจะระเบิด ถังเจิ้นเลยตัดสินใจไม่ทำอะไรที่มันเสี่ยงขนาดนั้นอีกต่อไป
จุดที่ของเย่โหลวปรากฏตัวนั้นอยู่ใกล้เมืองเฮยเหยียน ดังนั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่ามันต้องดึงดูดความสนใจของกองกำลังต่าง ๆ ได้ และเกรงว่าอีกไม่นานจะมีผู้พเนจรจำนวนมากรวมไปถึงกองกำลังทุกขนาดแห่กันไปที่นั่นแน่นอน
เพราะฉะนั้นตัวเขาจะเหลือเวลาให้โซโล่ไม่มากแล้ว ต่อไปจะต้องแข่งกับเวลา!
ถังเจิ้นฝืนความอ่อนล้าของร่างกายแล้วรีบไปเก็บลูกปัดสมองของพวกทหารผีดาบโล่ทั้งหลายโยนหายไปกลางอากาศแล้วเทเลพอร์ตไปในทันที
หลังจากกลับถึงบ้านถังเจิ้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ เพื่อซื้อลูกโป่ง จากนั้นก็วิ่งกลับบ้านแล้วนำเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ออกมา
เอาเชื้อเพลิงใส่ภาชนะแล้วเอาพวกเครื่องปรุงรส น้ำตาลทราย และเม็ดยางเติมลงไปในเชื้อเพลิงทำให้เชื้อเพลิงนั้นเปลี่ยนหน้าตาไปจนจำหน้าเดิมไม่ได้
จากนั้นก็ใช้กรวยช่วยในการบรรจุเชื้อเพลิงผสมดังกล่าวใส่ในลูกโป่ง หลังจากที่ทำลูกโป่งเชื้อเพลิงไปได้ประมาณ 20 กว่าลูกแล้วเขาก็ทำโมโลตอฟค็อกเทลขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง
อาวุธบ้าน ๆ ที่แค่เอาเชื้อเพลิงใส่ในขวดแก้วแล้วเอาผ้ายัดลงปากขวดให้ปลายผ้าด้านในจุ่มกับเชื้อเพลิงส่วนปลายผ้าด้านนอกก็ให้ย้อย ๆ ไว้จุดไฟ พลังทำลายล้างสูงในราคาย่อมเยา!
หลังจากทำงานเสร็จแล้วถังเจิ้นก็ไปแยกชิ้นส่วนรถเอทีวี จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนไปยังโลกโหลวเฉิง ทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนครบทุกชิ้น
ต่อมาถังเจิ้นก็ออกแรงแขนใช้พลั่วขุดดินเต็มแรงเพื่อทำหลุมที่เหมือนคูน้ำยาวกว่าสิบเมตรโดยมีพื้นที่ตรงกลางขนาดพอ ๆ กับรถเอทีวี
เสร็จโยนหญ้าแห้งลงไปสุม ๆ แล้วเอาเชื้อเพลิงอีกถังเทราดลงไป ต่อมาก็ปิดปากหลุมอำพรางให้มันเนียน ๆ
เสร็จเรื่องหลุมแล้วก็พักผ่อนแป๊บหนึ่งเนื่องจากทำงานมาอย่างยาวนาน แล้วค่อยประกอบชิ้นส่วนรถเอทีวีที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มีเสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม มันอาจเป็นยานพาหนะสำหรับลุยทุกพื้นที่คันแรกในโลกโหลวเฉิงก็เป็นได้ มันคำรามเคลื่อนที่บดขยี้วัชพืช ถังเจิ้นขับตรงไปยังตำแหน่งของเย่โหลวที่พึ่งทะเลาะกันมา
ใช้เวลาไม่นานถังเจิ้นก็มาจอดมองตัวอาคารที่ดูน่าขนลุกซึ่งมีซากศพเดินลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ และแน่นอนว่าไอ้มอนสเตอร์พวกนั้นมันก็พบเขาเข้าแล้วเช่นกัน
เอาจริง ๆ คือไม่มีทางที่จะไม่เห็น เพราะยังไงเสียงคำรามของเครื่องยนต์เอทีวีมันก็เสียงดังฟังชัดเกินไป ใครที่ไม่ได้หูหนวกยังไงก็ได้ยิน
แต่ถังเจิ้นก็ไม่รู้ว่าไอ้พวกซอมบี้เหล่านี้มันหูหนวกรึเปล่า รู้แต่ว่าตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งเข้ามาหาด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ
ครั้งนี้ไม่เห็นไอ้เจ้ามอนสเตอร์ระดับหลิงจู่ที่น่าสะพรึงกลัวตัวนั้นแล้ว แต่ถังเจิ้นที่มีตาที่เฉียบแหลมพอที่จะสังเกตเห็นว่ามีหลายตัวที่สวมหน้ากาก เกราะหนัง หน้าไม้เบา และดาบสั้นรอบเอว
เมื่อเทียบกับพวกซากศพตัวอื่น ๆ แล้วไอ้พวกตัวเกราะหนังนี่ดูจะมีความยืดหยุ่นกว่าเยอะ พวกมันรวมตัวกันเข้ามาจากทุกทิศทุกทางของเงามืดในตัวอาคารแล้วแอบซุ่มอยู่เงียบ ๆ
จริง ๆ แล้วถ้าไม่เพ่งดูดี ๆ ล่ะก็อาจมองข้ามเงามืดเหล่านี้ที่พวกมันซุ่มซ่อนไปเลยเนื่องจากจับพิรุธอะไรไม่เจอ
ถังเจิ้นจ้องพวกมันแค่ไม่กี่ลมหายใจก็มีข้อความเด้งขึ้นมาให้อ่าน [นักสืบผีเงา มีการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่น อาวุธมีพิษซากศพ พลังการต่อสู้ในตอนกลางคืนเพิ่มขึ้น 30% กลัวแสงจ้าและเปลวไฟ ]
ถังเจิ้นขมวดคิ้ว ‘พวกเชี่ยนี่มาไงอี๊กกกกกกกก?’
ถ้ามันมาจากถิ่นทุรกันดารเหมือนมอนสเตอร์ทั่ว ๆ ไปก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าพวกมันมาจากไอ้ช่องว่างสีดำก่อนหน้านี้ล่ะก็ปัญหาละ
เพราะคงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ว่ามีมอนสเตอร์กี่ตัวที่อยู่หลังช่องว่างสีดำอันน่าสะพรึงกลัวนั่น และหากพวกมันหลั่งไหลออกมาปานลำธารอันไร้ที่สิ้นสุดล่ะก็เท่ากับเป็นหายนะอันเลวร้ายที่สุดของเหล่าผู้พเนจรที่อยู่ใกล้เคียงและยังรวมไปถึงเมืองเฮยเหยียนด้วย
แต่ตอนนี้ถังเจิ้นไม่มีเวลามาสนใจชีวิตของคนอื่น เพราะไอ้พวกทหารผีดาบโล่เจ็ดแปดตัวกับทหารผีธนูเลเวล 2 อีก 2 ตัววิ่งไล่เข้ามาแล้ว และในบรรดาทหารผีพวกนี้มีหัวหน้าทหารผีที่น่าจะเป็นเลเวล 3 อยู่ด้วย!
หลังจากที่ถังเจิ้นแอบด่าพ่อแม่พวกมันเสร็จแล้วเขาก็กลับรถทันทีพร้อมล่อไอ้พวกซากศพให้วิ่งตามตรงไปยังหลุมที่ขุดไว้ก่อนหน้านี้
ความเร็วของรถเอทีวีนั้นสูงกว่าความเร็วในการวิ่งของพวกมันมาก ดังนั้นถังเจิ้นเลยสามารถเอาลูกโป่งเชื้อเพลิงออกมารอได้อย่างใจเย็นแล้วหันหลังไปปาใส่พวกมันตามแต่จะฉวยโอกาสได้
มอนสเตอร์บางตัวก็วิ่งชนลูกโป่งแล้วมันก็แตกสาดเชื้อเพลิงที่มีลักษณะเหนียวเหนอะหนะเต็มตัว แต่พวกมันก็ยังไม่รู้เรื่องและวิ่งไล่ตามถังเจิ้นต่ออย่างไม่มีลดละ
ลูกธนูเย็นเยียบก็บินไล่หลังเขามาเป็นระยะ ๆ เหมือนกันทำให้ถังเจิ้นไม่กล้าประมาท ถ้าไม่ใช่เพราะที่นั่งมีการเสริมแผ่นเหล็กบวกกับหมวกนิรภัยที่ครอบหัวอยู่ล่ะก็ป่านนี้ลูกธนูน่าจะกระซวกทั้งหลังทั้งหัวเขาตายไปซักสี่ซ้าห้ารอบได้แล้วมั้ง
ยังโชคดีที่ไอ้พวกผีบ้านี่มันไม่ฉลาดขนาดรู้วิธียิงยางรถ ไม่งั้นแผนที่เตรียมมาทั้งหมดคือล้มละลายหายสูญ
วิ่งไล่กันมาตลอดทางจนในที่สุดถังเจิ้นก็มาถึงสถานที่ที่เขาวางกับดักไว้